ตอนที่ 43 สหายเก่า
ตะขาบตัวข้างหน้านี้ยาวกว่าพันฟุต พิษของมันอาจจะมีระดับที่จินตนาการไม่ถึง หวังหลินค่อนข้างคุ้นเคยกับตะขาบ เด็กหลายคนต่างจับพวกมันมาเล่นด้วยหรือไม่ก็ใช้เป็นอาหารไก่
บางครั้งอาจจะโดนตะขาบกัด แต่ที่ทำก็แค่ต้องล้างแผลด้วยน้ำเปล่าเยอะๆเท่านั้นจากนั้นก็นอนบนเตียงสองสามวันจึงหายดี
เขาเคยเก็บตะขาบหลายตัวเพื่อรีดพิษ หมอที่หมู่บ้านได้บอกว่าถ้าพิษตะขาบได้ใช้อย่างถูกต้องจะเป็นยารักษาได้ วันแรกๆที่พ่อเขาไม่สามารถซื้อไม้เพื่อทำงานได้ จึงจึงขึ้นไปบนภูเขาเพื่อหาไม้แต่อากาศเย็นเยียบได้เข้าสู้ร่างกาย ทำให้เกือบจะเสียชีวิตแล้ว
ตอนนั้นแพทย์บรรจุพิษตะขาบไว้ในใบสั่งยาด้วย
แม้อาการพ่อเขาจะถูกรักษา อาการเจ็บป่วยที่เหลือยังคงฝังรากในร่างกาย ทุกครั้งที่ฝนตก พ่อจะมีอาการเจ็บปวดอย่างมาก ใบสั่งยาของแพทย์ได้ช่วยให้อาการเจ็บปวดทุเลาลงซึ่งมันมีพิษตะขาบรวมอยู่ด้วย ดังนั้นหวังหลินจึงไปจับตะขาบจำนวนมากให้พ่อ จนถึงตอนนี้หวังหลินยังคงจดจำภาพเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นพวกนั้นได้อยู่
เมื่อมองตะขาบหมื่นขาตัวนี้ หวังหลินลูบคาง ถ้าพิษตะขาบตัวเล็กสามารถช่วยอาการเจ็บป่วยของพ่อได้ ถ้าหากเป็นตะขาบตัวนี้อาจจะขจัดถึงโคนรากปัญหาทั้งหมดได้
แต่ตะขาบข้างหน้าตัวใหญ่มาก หากเทียบกันแล้วหวังหลินเป็นแค่คนตัวเล็กๆ กลัวว่าจะไม่ได้พิษแต่จะบาดเจ็บเสียเอง
ทันใดนั้นหวังหลินนึกถึงวิธีรีดพิษตะขาบ วิธีนี้ส่งผ่านลงมาหลายรุ่น มันคือการสร้างยาเพื่อให้ตะขาบกิน เมื่อตะขาบได้กินยานี่ไปมันก็อาจจะคายพิษออกมา
คิดได้เช่นนี้หวังหลินจึงมองตะขาบและเดินไปที่คลังสมุนไพร ในสำนักนั้นคลังสมุนไพรเต็มไปด้วยวัตถุดิบจำนวนมาก เขาไม่เห็นหวังเฮ่ามาสี่ปีแล้วดังนั้นการไปหาเขาเสียน่าจะเป็นเรื่องดี
นี่ก็เป็นเวลามืดค่ำที่หวังหลินมาถึงคลังยา เขาเห็นหวังเฮ่ากำลังออกจากประตูด้านข้างอย่างระมัดระวัง หวังเฮ่าเห็นหวังหลินและโบกไม้โบกมือทำท่าทางให้เงียบเสียง กวักมือเรียกให้เข้าไปด้านใน
หวังหลินตกตะลึง เขาส่งสัมผัสวิญญาณและพบกับผู้อาวุโสลำดับสามกำลังจ้องไปที่เตาหลอมยาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
หลังจากเดินทางเพียงครู่เดียวหวังเฮ่าก็เห็นหวังหลินตามออกมาเงียบๆ เขาจับหวังหลินและรีบวิ่งทันที
หวังเฮ่าหายใจถี่ มองไปที่คลังยาอย่างระมัดระวังและถามขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความหวัง “พี่หวังหลิน ข้าได้ยินมาว่าท่านไปฝึกฝนเข้มข้นเมื่อสี่ปีก่อน ตอนนี้ท่านถึงระดับไหนแล้ว?”
“ระดับสาม….มีอะไรรึ?” หวังหลินตรวจสอบหวังเฮ่าด้วยสัมผัสวิญญาณและพบว่าหวังเฮ่าอยู่ระดับแรกเรียบร้อยแล้วแต่พลังปราณในร่างแปลกประหลาดมาก พลังปราณไม่ได้ไหลอย่างเหมาะสมแต่กลับไหลบนทางที่แปลกประหลาด
ทุกครั้งที่มันหมุนเวียนไหลผ่านร่างกายหวังเฮ่า มันคงจะดูดซับพลังชีวิตเล็กน้อยไปด้วย
ด้วยสภาวะเช่นนี้ หวังหลินกลัวว่าถ้าเขาไม่เจอหวังเฮ่านานกว่านี้พลังชีวิตคงหมดลงและสิ้นชีพไป
หวังเฮ่ายิ้มอย่างขมขื่น “ท่านเห็นมันแล้ว?”
หวังหลินพยักหน้า “หวังเฮ่า บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
หวังเฮ่ากำหมัดแน่นและพูดขึ้นพร้อมกัดฟัน “หลังจากที่ข้าไปแลกเปลี่ยนครานั้น ข้าเสียใจมาตลอดที่ไม่สามารถได้ยาสร้างพื้นฐานได้ จากนั้นท่านอาจารย์ ลิ่วหยุนเจี๋ยให้ยาสร้างพื้นฐานแก่ข้าเพื่อตอบแทนการช่วยเหลือ เวลานั้นข้ารู้สึกตื่นเต้นมาก เขายังให้ตำราฝึกฝนแก่ข้าและบอกว่ามันดีกว่าที่ทางสำนักให้ ข้าไม่คิดมากและเริ่มฝึกมันทันที”
หวังหลินหายใจลึกและถามขึ้น “อะไรนะ? ให้ข้าดูหน่อย!”
หวังเฮ่าหยิบหนังสือขนแกะและโยนให้หวังหลิน เริ่มพูดต่อ “หลังจากข้าฝึกมันได้สองปี ร่างกายข้าเริ่มอ่อนแอ แม้ข้าจะสามารถควบแน่นพลังปราณในร่างกายได้แต่ไม่สามารถใช้มันได้ หลังจากนั้นข้าได้ติดสินบนศิษย์คนหนึ่งเพื่อให้เขาดูให้และพบว่าวิธีบ่มเพาะที่ลิ่วหยุนเจี๋ยให้มาเรียกว่า เตาหลอมอัคคี”
หวังหลินเปิดหนังสือและมองเข้าไปข้างใน ยิ่งอ่านมากขึ้นก็ยิ่งตกใจ หนังสือเล่มนี้แตกต่างจากการฝึกสามขั้นการรวบรวมลมปราณอย่างมาก แทนที่การใช้พลังปราณเพื่อเสริมสร้างร่างกาย มันกลับรวบรวมพลังปราณเพื่อหมุนวนอยู่ในร่าง การหมุนวนนี้จะขยายการเก็บพลังวิญญาณในร่างและสามารถดูดซับพลังปราณจากฟ้าดินเพื่อเสริมสร้างร่างกายจากข้างนอกได้ การฝึกคล้ายๆกันแบบนี้คือการบ่มเพาะพลังปราณ
โดยปกติการบ่มเพาะพลังปราณจะค่อยๆเพิ่มความแข็งแกร่งร่างกายจากข้างในช้าๆ
ส่วนวิธีหลังๆจะเป็นวิธีระดับสูง ถ้าใครโชคดีพลังหมุนวนจะขยายออกไปนอกร่างกายก่อนที่จะหุบกลับมานั่นถึงจะสำเร็จการบ่มเพาะพลังปราณ หากไม่เช่นนั้นร่างกายจะค่อยๆพังทลายลงก่อนที่พลังหมุนวันนี้จะออกจากร่างได้
หวังเฮ่าพูดขึ้นพร้อมกัดฟัน “วิธีบ่มเพาะเตาหลอมอัคคีนี้สำนักได้ทำการคัดลอกมา เห็นได้ว่ามันตกทอดมาจากแคว้นลิ่วที่ดับสูญไปแล้ว มีเพียงสองในสิบผู้ฝึกเซียนเท่านั้นที่จะรอดจากการฝึกฝนวิธีนี้ โดยพื้นฐานแล้วข้าแค่โชคดี”
หวังหลินถามด้วยคำถามสำคัญ “ลิ่วหยุนเจี๋ยจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องทั้งหมดนี้กัน?”
หวังเฮ่าทำสายตาเยือกเย็น “เขาต้องการใช้ข้าเป็นเตาหลอมยา ศิษย์ที่ให้ข้อมูลข้าบอกว่า มันเก็บช่วงระยะเวลาที่คนตายจากการฝึกเตาหลอมอัคคีไว้ หากนำร่างไปสร้างเม็ดยาจะยืดชีวิตคนกินเม็ดยานั้นได้สามปี”
หวังหลินหายใจเข้าอย่างเย็นยะเยือกและคิดถึงผู้อาวุโสลำดับสาม ลิ่วหยุนเจี๋ยช่างโหดเหี้ยมอำมหิต
หวังเฮ่าใบหน้าขมขื่น “ข้าไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับจ้าวสำนักและผู้อาวุโสคนอื่น นอกจากนี้ข้ายังเป็นผู้ช่วยของลิ่วหยุนเจี๋ย ภายใต้กฏสำนัก ชีวิตข้าไม่ใช่ของข้าแต่เป็นของลิ่วหยุนเจี๋ย ถ้าข้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น ข้าก็คงไม่ตกลงเป็นผู้ช่วยเขา อ๊าาาา จะเสียใจมันก็สายไปแล้ว ลิ่วหยุนเจี๋ยรู้แล้วว่าข้ารู้ความลับและกำลังข่มขู่ครอบครัวข้า ตอนนี้ข้าไม่อาจควบคุมชีวิตตัวเองได้ดั่งใจ ทุกๆวันข้าต้องกินยารวมปราณและหมุนวนพลังในร่างกายให้เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ จากการคำนวณแล้วข้ามีชีวิตเหลืออยู่อีกเพียงปีเดียวเท่านั้น”
………………………………………….