บทที่ 66 เดินทาง

ตอนที่ 66 เดินทาง

หลิวเหวินจวี่ลุกขึ้นและหยิบเศษหยกออกมา โยนมันไปบนอากาศและสร้างผนึกบนมืออย่างรวดเร็ว จากนั้นปลดปล่อยแกนพลังงานออกจากปาก ส่งให้หยกเริ่มหมุนคว้าง

หญิงชราชื่อหวังก็โยนเศษหยกออกมาเช่นกัน มันรวมเข้ากับหยกชิ้นแรกและหมุนไปด้วยกันปลดปล่อยแสงสีรุ้ง แสงสีรุ้งฉายตกกระทบบนพื้นและปกคลุมทุกอย่างในระยะสิบเมตรและสร้างเป็นแผ่นแสงวงกลม

หลิวเหวินจวี่มองไปยังกลุ่มของหวังหลินทั้งสี่คนและพูดขึ้น “นอกจากหวังหลินแล้วพวกเจ้าทั้งสี่คนจะต้องเป็นผู้ปกป้องศิษย์สายในคนอื่นๆเพราะที่นี่มีความผันผวนรุนแรงมาก ดังนั้นจงระวังอย่าให้ตกไปข้างล่าง ฮวงหลงและเจ้าทั้งสามคน แต่ละคนจะรับผิดชอบศิษย์สองคน ช่างกวน เจ้าสองคนและหวังหลินจะรับผิดชอบสมดุลแต่ละด้าน”

จบประโยคเขาก็ก้าวขึ้นไปบนแผ่นวงกลมและตามด้วยหญิงชรา

คนอื่นๆทำตามคำสั่งหลิวเหวินจวี่ทันทีและรับผิดชอบศิษย์หนึ่งคนเดินตามไปบนแผ่นวงกลม ผู้อาวุโสขั้นพื้นฐานลมปราณและหวังหลินยืนบนมุมขอบกลายเป็นรูปสามเหลี่ยม

หลิวเหวินจวี่สูดหายใจลึก สร้างผนึกบนมือและตะโกนขึ้น “จงตื่นขึ้น!”

รอบด้านเริ่มสั่นสะเทือน แผ่นแสงเริ่มลอยขึ้น จากนั้นได้เหาะไปไกลด้วยความเร็วสูงราวกับเครื่องบินเจ็ท

ความเร็วมากกว่ากระบี่เหินหลายเท่า หลังจากเริ่มเคลื่อนไหว ศิษย์สายในหลายคนแทบจะทรงตัวอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีใครช่วยอยู่ พวกเขาก็คงหล่นลงไปเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นวิธีการควบคุมศิษย์สายในทั้งหมดให้ยืนอย่างมั่นคงได้ถูกส่งต่อให้ช่างกวน ซ่งต้าวและหวังหลินผ่านวิธีลึกลับ

หวังหลินรู้สึกร่างกายปะทะเข้ากับพลังงานมหึมา เขาเกือบจะหล่นลงไปแต่ใช้วิชาแรงโน้มถ่วงเพื่อประคองร่างกายให้มั่นคง ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกร่างกายสั่นราวกับกำลังจะถูกโยนออกไป

พอดูช่างกวนกับซ่งต้าวจึงพบว่าผู้อาวุโสทั้งสองต่างมีท่าทีสบายๆราวกับไม่ดูเคร่งเครียดสักนิด หวังหลินลอบถอนหายใจและคิดขึ้น ‘ไม่แปลกใจเลยที่ทั้งสองเป็นผู้อาวุโสขั้นพื้นฐานลมปราณ ไม่มีอะไรที่ข้าเทียบได้’

ซือถูหนานพูดอย่างไม่ค่อยสนใจ “ไม่มีอะไรพิเศษนัก มันก็แค่วิชาท่องอากาศง่ายๆ ก่อนหน้านี้ข้าเคยใช้วิชาท่องอากาศโดยพาคนหมื่นคนไปด้วยและไม่ต้องใช้คนควบคุมสมดุล!”

หวังหลินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ไม่มีอะไรเทียบกับท่านได้ทุกเมื่อจริงๆ ข้ารู้แล้วว่าท่านแข็งแกร่ง”

“หากข้ามีร่างกายคงไม่สร้างความรำคาญให้กับเด็กน้อยเช่นเจ้าหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะมีแต่เจ้าที่ได้ยินข้า ข้าก็คงไม่ต้องมาคุยกับเจ้า”

ไม่นานหลังจากนั้น ความเร็วของแผ่นแสงก็ไม่เพิ่มขึ้นอีก หวังหลินอดทนจัดการให้ร่างกายตัวเองมั่นคง เขาลอบบ่นให้กับตัวเองตลอดเวลา จากนั้นเมฆสีดำก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเขา

เมฆสีดำนี้ดูแปลกประหลาดเกินไป ลำแสงโค้งหลายเส้นปรากฏขึ้นภายในก้อนเมฆและมันยิ่งเร็วมากจนดูเหมือนต้องการจะปะทะเข้ากับแผ่นแสง หลิวเหวินจวี่ลดใบหน้าต่ำลงและพูดขึ้น “ช่างกวน ซ่งต้าว หวังหลิน ยืนให้มั่นคงไว้!”

จบประโยคพลันสูดหายใจลึกและสร้างผนึกบนมือ แผ่นแสงหยุดเล็กน้อยจากนั้นเคลื่อนไหวเป็นวงโค้งอย่างรวดเร็วรอบๆก้อนเมฆสีดำ

ขณะที่แผ่นแสงหยุดและเริ่มใหม่ได้สร้างแรงกดดันอันมหาศาลให้กับทุกคนด้านบน ทุกคนเกือบจะหล่นลงไปแล้ว ศิษย์สายในบางคนบินลอยออกไปและหนึ่งในนั้นลอยไปทางหวังหลิน

หวังหลินเตรียมพร้อมให้ร่างกายมั่นคงบนแผ่นแสงเรียบร้อย การหยุดกระทันหันและเริ่มใหม่ทำให้เร่งพลังงานจนร่างกายไม่มั่นคงและต้องเคลื่อนไหวกลับมาอีกครั้ง

พลังงานเย็นปล่อยออกมาจากลูกปัดบนหน้าอกและเข้าสู่ร่างกาย หลังจากนั้นมันสร้างทางผ่านเข้าสู่ร่าง มันได้ช่วยให้ร่างหวังหลินยืนอย่างมั่นคงบนแผ่นแสง

ศิษย์สายในคนหนึ่งถูกโยนมาถึงหน้าหวังหลิน เขาเห็นแววตาหวาดกลัวผ่านสายตาศิษย์คนนั้น หวังหลินไม่พูดมากพลันจับแขนเขาและหมุนควงหนึ่งรอบ โยนเขากลับไปบนแผ่นแสง

หลังจากทำเช่นนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หวังหลินรู้ทันทีว่าพลังงานเย็นนั้นมาจากซือถูหนาน แต่เมื่อเขาต้องการจะขอบคุณซือถูหนาน หวังหลินก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากเมฆดำ

“เหล่าเซียนจากสำนักเหิงยั่ว พวกท่านได้เจอกับบรรพชนสำนักซวนต้าวของข้าแล้วหรือ? ท่านพั่วหนานจื่อ”

หวังหลินหันศีรษะ เขาเห็นตะขาบยักษ์โผล่ออกมาจากก้อนเมฆสีดำ ด้านหน้าเป็นผู้อาวุโสโอวหยางและด้านหลังมีคนเจ็ดถึงแปดคนมองมาอย่างเยาะเย้ย

สามคนในพวกนั้นปลดปล่อยพลังงานรุนแรงและมองมาทางหลิวเหวินจวี่และหญิงชราชื่อหวังอย่างเย็นเฉียบ

คนที่พูดขึ้นมาเป็นชายใบหน้าดำคล้ำในสามคนที่ปลดปล่อยพลังออกมานั้น

หลิวเหวินจวี่เคร่งขรึมมากขึ้น รีบให้แผ่นแสงบินอย่างรวดเร็ว หนีห่างจากก้อนเมฆดำโดยไม่หันกลับมามอง ไม่นานนักก้อนเมฆสีดำก็เหลือเพียงแต่จุดเล็กๆในท้องฟ้า

หลังจากผ่านไปสักพัก ฉากบนพื้นดินก็เริ่มเปลี่ยนเป็นรอยแต้มทะเลทราย สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนสถานที่แล้ว แผ่นแสงวงกลมวนอยู่ชั่วครู่ราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็เร่งความเร็วขึ้นไปทางเหนือจนเห็นยอดภูเขาแห่งหนึ่งและค่อยๆลงอย่างช้าๆ

ขณะที่แผ่นแสงร่อนลงบนพื้น เหล่าศิษย์สายในทุกคนต่างลงจากแผ่นแสงและเริ่มอ้วกออกมา ใบหน้าซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด

หวังหลินก็รู้สึกวิงเวียนมากและรู้สึกแน่นอก

หลิวเหวินจวี่สร้างผนึกและส่งวิชาเซียนออกไป ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน รอยแตกปรากฏในภูเขา หลิวเหวินจวี่กระโดดเข้าไปในรอยแตกทันที

หญิงชราชื่อหวังมองรอบๆและตามเขาเข้าไป

คนที่เหลือทั้งหมดเข้าไปในรอยแตกด้วยการช่วยเหลือของผู้อาวุโส หลังจากเข้าไปทั้งหมด รอยแตกก็ปิดลงอย่างช้าๆ

ขณะที่เข้าไปข้างใน หวังหลินกวาดสัมผัสวิญญาณทั่วทั้งถ้ำและพบว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากห้องหินไม่กี่ห้อง

หลิวเหวินจวี่รอจนเมื่อทุกคนเข้ามาถึงทั้งหมดและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ส่วนใหญ่พวกเจ้าได้บรรลุถึงระดับฝึกตนที่ไม่ต้องกินไม่ต้องดื่มแล้ว ส่วนคนที่ระดับต่ำและจำเป็นต้องกินนั้น มีอาหารในห้องหินอยู่ข้างในนั้นและมันน่าจะหลายปีแล้ว ข้าและบรรพชนหวังจะปิดด่านฝึกตน ห้ามรบกวนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จงฟังคำสั่งผู้อาวุโสเพื่อจัดการงานของพวกเจ้า”

หญิงชราชื่อหวังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “สำนักเหิงยั่วของเราจะเข้าสู่การปิดด่านฝึกตนเป็นเวลาร้อยปีจากนั้นเราจะทวงความอับอายของพวกเรากลับคืนมา ตอนนี้หากศิษย์คนใดต้องการบทร่ายเพื่อบรรลุระดับถัดไป พวกเจ้าสามารถมารับได้จากผู้อาวุโส ส่วนเรื่องร้อยปีอีกข้างหน้า จะไม่มีศิษย์คนไหนอนุญาตให้ออกไปข้างนอกได้เว้นแต่จะมีเหตุการณ์สำคัญ กลุ่มของฮวงหลงทั้งสามคน พวกเจ้าควรจะปิดด่านฝึกตนและบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณให้โดยเร็วที่สุด”

กลุ่มของฮวงหลงทั้งสามพยักหน้า

หลิวเหวินจวี่กวาดผ่านไปยังเหล่าศิษย์สายในและพูดขึ้น “หลิวโม่ว เจ้ารับผิดชอบศิษย์สายในทั้งหมด หวังหลินเจ้าตามข้ามา ข้าจะเตรียมสถานที่พิเศษให้เจ้า”

……………………………………..