บทที่ 85 ชิงพื้นฐาน (5)

ตอนที่ 85 ชิงพื้นฐาน (5)

ทันใดนั้นเถิงลี่ลืมตาขึ้น ดวงตาไม่มีประกายและเป็นเส้นเลือด ริมฝีปากสั่นเครือ กัดฟันกรามแน่น

หวังหลินหยดอักขระอันซับซ้อนในอากาศไปบนมือขวา จากนั้นกัดนิ้วและสะบัดหยดเลือดลงบนศีรษะเถิงลี่

เถิงลี่ร้องครวญคราง ร่างกายเริ่มสั่นอย่างรุนแรง บางอย่างเคลื่อนไหวใต้ผิวหนังเคลื่อนเป็นทางบนหน้าอก

ไม่นานหลังจากนั้นร่างเถิงลี่หดลงเหลือแต่กล้ามเนื้อ บนหน้าอกมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น มือขวาโบกคราหนึ่งส่งวิชาเซียนออกไป เสียงดังปัง ก้อนเนื้อแยกออกจากร่างเถิงลี่ ตอนนี้ร่างกายเขาเหลือแต่ถุงกระดูก

หวังหลินสูดลมหายใจและปล่อยพลังปราณออกมาจากปากอีก พลังปราณเข้าไปในก้อนเนื้อนั้นและเพียงครู่เดียวมันก็หดตัวลงเหลือขนาดเท่ากับก้อนโลหิต

หวังหลินเผยแววตาเหนื่อยล้า หยิบน้ำเต้าออกมาดื่มลงไปอึกหนึ่งก่อนที่จะเริ่มฝึกฝน หลังจากนั้นไม่นานนัก เขาก็ลืมตาขึ้นมองไปที่ร่างเถิงลี่

เสียงดังแคร่กขึ้นในอากาศ กระดูกทุกชิ้นในร่างเถิงลี่สลายกลายเป็นฝุ่นกระดูก และรวมเป็นก้อนฝุ่น

โลหิต เนื้อและกระดูกเรียงต่อกันปลดปล่อยกลิ่นอายปิศาจ

หวังหลินถอนหายใจและพึมพำกับตัวเอง “ในขั้นตอนการชิงพื้นฐานลมปราณ เจ้าต้องมีโลหิต เนื้อ กระดูก วิญญาณและรากจิต เมื่อทำการดึงโลหิต เนื้อและกระดูกออกมาคนผู้นั้นไม่อาจตายได้ วิชานี้ช่างอำมหิตนัก”

ซือถูหนานพูด “นี่มันเรื่องปกติ ในแคว้นที่ข้าจากมา มีสำนักมารที่ขโมยแกนอยู่หลายคน คนพวกนั้นอำมหิตจริงๆ ไม่เพียงแต่คนที่ถูกนำแกนพลังไปจะทุกข์ทรมานเท่านั้น แต่คนที่กำลังชิงก็ทรมานเช่นกัน โอกาสสำเร็จมีน้อยกว่าหนึ่งในร้อยส่วนเสียอีก”

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยและดึงความสนใจกลับมา เขาชี้มือตัวเองไปที่เถิงลี่และเริ่มบทร่าย ขณะที่หวังหลินร่ายเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ควันสีขาวได้ออกมาจากกองเนื้อที่เป็นร่างเถิงลี่มาก่อนและรวมเข้าด้วยกันในอากาศ

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ ควันสีขาวหนาแน่นขึ้นและกลายเป็นรูปร่างมนุษย์คนหนึ่ง หากมองใกล้ๆแล้วร่างนั้นจะดูคล้ายกับเถิงลี่

คนผู้นั้นเผยแววตางุนงง ร่างกายสั่นสะท้าน ไม่ช้าเขาก็หายมึนงงมองไปที่หวังหลินอย่างเลวทรามและปล่อยเสียงกรีดร้องเงียบๆ

หวังหลินไม่ได้ปรายตามอง เขาโบกมือปรากฏแสงสีแดงขึ้น ร่างมนุษย์คนนั้นดูเหมือนจะกลัวแสงสีแดงและพยายามหนี แต่พื้นที่รอบร่างเถิงลี่ราวกับเป็นคุก ไม่ว่าจะพยายามหนีไปไหนก็ไม่อาจออกไปได้

ในที่สุดเมื่อเห็นว่าหนีไปไม่ได้ เขาก็มองอย่างแค้นเคืองไปที่แสงสีแดง

หวังหลินเผยใบหน้าเฉยฉาพลางโบกมือไปด้วย แสงสีแดงวนรอบเป็นวงกลมรอบร่างมนุษย์คนนั้นไม่กี่ครั้งและดึงมันเข้าหาหวังหลิน

หวังหลินรู้ว่าการแยกวิญญาณเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เขาต้องดึงวิญญาณออกมาในระยะสามเมตรโดยไม่ให้โดนทำลาย แม้ว่าวิญญาณที่เสียหายจะไม่มีผลต่อการชิงพื้นฐานลมปราณ เขาก็ไม่อาจใช้รากวิญญาณของเถิงลี่ให้แก่ตัวเองได้หากวิญญาณแตกเสียหาย

ร่างวิญญาณเถิงลี่มีใบหน้าเผยความเจ็บปวดส่วนแสงสีแดงดึงมันออกมาอย่างช้าๆ เพียงพริบตาร่างครึ่งหนึ่งของมันก็ถูกลากออกมาสามเมตร

ขณะนั้น ร่างวิญญาณเถิงลี่ส่องประกายแสงสีเหลืองออกมาจาก แสงสีเหลืองทำลายแสงสีแดง ร่างวิญญาณเถิงลี่ได้ถอยกลับเข้าไปในระยะพื้นที่สามเมตรและด้วยประกายแสงสีเลืองนั้น ร่างวิญญาณเถิงลี่กลายเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

หวังหลินมืดหม่นจ้องไปที่วิญญาณเถิงลี่ เคลื่อนฝ่ามือร่ายวิชาเซียนอีกครั้ง ใบหน้าวิญญาณเถิงลี่เผยความกลัวขึ้นพลางพูดออกมาด้วย

“ถ้าเจ้าสังหารข้า ปู่ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่! เขาเป็นเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิด ดังนั้นเมื่อเจ้าสังหารข้า เจ้าจะตายแน่นอน”

แสงเย็นเยียบแล่นผ่านสายตาหวังหลิน เขาปล่อยพลังปราณออกมาจำนวนมาก จากนั้นได้ร่ายวิชาเซียนวิชาหนึ่งอย่างมั่นคง หลังจากพลังปราณปลดปล่อยมาอีกครั้งมันกลายเป็นเส้นบางๆ

วิญญาณเถิงลี่หวาดกลัวและยิ่งเลวร้ายลง “ปู่ของข้ารู้แล้วว่าข้ามีอันตรายและควรจะมาที่นี่อีกไม่ช้า เจ้า...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ หวังหลินโบกมือคราหนึ่ง เส้นพลังปราณได้มัดรอบตัวเขาและดึงออกมา

วิญญาณตัวน้อยต่อสู้ดิ้นรนและส่งเสียงกรีดร้อง “ท่านปู่ ช่วยด้วย!” แสงสีเหลืองเรืองแสงแข็งแกร่งขึ้นต่อต้านหวังหลิน

หวังหลินตบที่กระเป๋าและหยิบเอาน้ำเต้าพลังปราณออกมา เทน้ำพลังปราณบนเส้นปราณ ขณะนั้นเส้นปราณหนาขึ้นเท่านิ้วโป้งพลางดึงอีกครั้ง

คราวนี้ไม่ว่าแสงสีเหลืองจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่อาจต่อต้านหวังหลินได้ วิญญาณเถิงลี่ถูกดึงออกมาจากระยะสามเมตร

ขณะที่วิญญาณออกมานั้นเส้นสีเหลืองได้กลายเป็นควันเหลือง สร้างเป็นร่างเงาข้างใน ร่างนั้นไม่ชัดเจนแต่ส่งเสียงดังออกมา “สหายเซียน โปรดหยุด! เราคุยกันได้”

หวังหลินจดจ้องแต่ซือถูหนานรีบพูดขึ้น “ไม่ต้องกังวล นี่เป็นร่างลวงตาของเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิด มันต่างจากร่างกายหยาบตรงที่ไม่สามารถโจมตีได้ เห็นเจ้าหรือแม้แต่รู้ตำแหน่งของเจ้าได้เท่านั้น มันทำให้เจ้าได้ยินสิ่งที่เขาพูด ดูที่ร่างลวงตาสิ คนนี้อยู่ไกลมากนั่นมันจึงพร่ามัว ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมมันถึงอยู่ที่นี่นั่นก็เพราะเขารักตระกูลเถิงลี่จริงๆ จึงได้วางเศษสัมผัสวิญญาณไว้กับเขาได้”

หวังหลินชี้ไปที่ร่างวิญญาณเถิงลี่ ร่างนั้นหยุดลง ต่อสู้และหดตัวทันที จนมันกลายเป็นบอลที่ปลดปล่อยแสงสีม่วง

ร่างลวงตานั้นดูเหมือนจะสังเกตได้ว่าวิญญาณเถิงลี่กำลังโดนหลอม เขาตะโกนขึ้น “เจ้าสังหารคนตระกูลเถิง ดังนั้นเจ้าต้องจ่ายด้วยชีวิต! ข้าจะค้นหาเจ้าในวันเดียวและฆ่าเจ้าซะ!”

บนยอดภูเขาสูงห่างเป็นหมื่นลี้ เฒ่าชราในชุดคลุมดำยืนขึ้นด้วยสีหน้ามืดหม่น สายตาสว่างวาบ เขากำหมัดแน่นและพึมพำกับตัวเอง “ลี่เอ้อร์ ปู่สัญญาว่าจะล้างแค้นให้เจ้า” จบคำพูดนั้นเขาทุบอกตัวเองและไอออกมาเป็นเลือดสีดำเข้ม มือขวาหยดเลือดดำนั้นสร้างเป็นอักขระประหลาดนับไม่ถ้วนบนอากาศ

จากนั้นร่างเล็กสีม่วงปรากฏขึ้นและนั่งบนอากาศ

ร่างเล็กตะโกนขึ้น “คำสาป ไป!” ฝ่ามือของร่างเล็กสร้างผนึกใช้สัมผัสวิญญาณได้แบ่งออกมารวมเข้ากับอักขระทั้งหมด

“คำสาป เรียบร้อย!” วิญญาณของเฒ่าชราได้หดลดอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเขาไม่กลัวว่าจะเสียพลังงานไปหมด อักขระที่มีสัมผัสวิญญาณอยู่พลันเรืองแสงปิศาจขณะลอยไปบนท้องฟ้า พวกมันปกคลุมครึ่งท้องฟ้า สร้างเป็นค่ายกลส่งเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง

“คำสาป หมุน!” ค่ายกลเริ่มหมุนช้าๆ สายฟ้าสีเลือดปรากฏบนท้องฟ้าสร้างเป็นรูปทรงเพชรอันแปลกประหลาด

“คำสาป ปิด!” ร่างเล็กตะโกนออกมา พื้นดินสั่นสะเทือนไปด้วย เขาปล่อยพลังวิญญาณมากขึ้นส่วนค่ายกลหมุนเร็วขึ้นและเร็วขึ้น สายฟ้าสีเลือดประหลาดยิ่งแข็งแกร่งรุนแรงยิ่งขึ้น ในไม่นานค่ายกลหดลงเหลือเพียงแต่สายฟ้าสีเลือดสลักลงบนรูปทรงเพชร

ค่ายกลนั้นตกลงมาจากบนท้องฟ้าอย่างช้าๆและประทับลงบนหน้าผากร่างเล็กคนนั้น

ร่างเล็กยิ้มอย่างมืดหม่นและพูดขึ้น “หากเจ้าฆ่าคนของตระกูลเถิง เจ้าจะโดนคำสาปจากข้า!”

ภายในหลุมต้นไม้ มีบอลสี่ลูกลอยด้านหน้าหวังหลิน เขาชี้นิ้วไปที่ซากศพที่เหลืออยู่ของเถิงลี่ แสงสีทองนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากซากศพ

จุดแสงหายไปหนึ่งในสามเพราะสภาพแวดล้อม

หวังหลินสูดหายใจลึก เขารู้แค่ว่าจุดแสงพวกนี้เรียกว่ารากวิญญาณ หวังหลินปล่อยพลังปราณออกมาจากปากเพื่อเผาผลาญรากวิญญาณนั้น การเผาผลาญรากวิญญาณเริ่มปฏิเสธหวังหลินทันทีและอีกหนึ่งในสามส่วนได้หายไป ตอนนี้หวังหลินเหลือรากวิญญาณเพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น

ขณะเดียวกันนั้นที่หน้าผากหวังหลินเริ่มส่องแสง เพชรสีม่วงปรากฏบนนั้น

หวังหลินสังเกตเห็นได้ทันที เขายกมือจับที่หน้าผากและสีหน้าก็เปลี่ยนไป

ซือถูหนานอธิบายอย่างรวดเร็ว “คนผู้นี้ฝีมือสูงส่งจริงๆ หวังหลิน เจ้าถูกคำสาปจากเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดแล้ว ด้วยคำสาปนี้ เมื่อเจ้าอยู่ใกล้ของเขา เขาจะสามารถย้ายร่างมาอยู่ข้างเจ้าได้ทันที ข้าไม่คิดว่าเขาจะสละชีวิตตัวเองเพื่อใช้คำสาปที่ซับซ้อนนี้กับเจ้าได้”

หวังหลินยืนขึ้นทันที ใบหน้ามืดหม่นขณะถามขึ้น “มีทางทำลายมันไหม?”

ซือถูหนานครุ่นคิดเล็กน้อยและหัวเราะเสียงดัง “ความจริง เจ้าไม่ต้องกังวลไป คำสาปชนิดนี้ไม่ได้มีความสามารถในการโจมตีอันใด มันทำได้แค่ให้เขารู้ตำแหน่งเจ้าเพื่อย้ายร่างมาหาเจ้า แม้ว่าคำสาปของคนผู้นี้จะดีมาก ข้าเคยใช้เวลามากมายเพื่อเรียนรู้คำสาปแบบนี้ คนที่ใช้ค่ายกลนี้จะใช้ความผันผวนของพลังปราณในโลกเพื่อทำให้คำสาปนี้มีผล ข้าไม่สามารถร่ายวิชาใดใดได้เพราะว่าข้าไม่มีร่างกาย แต่ข้ายังช่วยเจ้าทำลายมันได้”

“ด้วยการช่วยเหลือของข้าจะควบคุมกลิ่นอายเจ้าไว้ ตราบใดที่เจ้าไม่ได้เข้าไปใกล้เขาเกินไป เขาจะไม่สามารถหาตัวเจ้าพบ สบายใจได้เถอะ ฮี่ฮี่ หวังหลิน นี่ยังเป็นทรัพยากรอีกชิ้นหนึ่ง ข้ารู้จักวิชาเซียนโบราณที่สามารถสร้างคำสาปกลับไปที่คนร่าย แต่มันต้องให้เจ้าบรรลุขั้นแกนลมปราณเสียก่อน เมื่อนั้นด้วยเม็ดยาบางอย่าง เจ้าจะสามารถชิงระดับฝึกตนครึ่งหนึ่งของเขาได้ อาาาา เจ้าช่างโชคดีนัก เด็กน้อย”

……………….