บทที่ 77 ผู้เฒ่าจื่อโม่

ตอนที่ 77 ผู้เฒ่าจื่อโม่

หวังหลินขมวดคิ้ว แค่เขากำลังจะรับแส้กลับมา กระบี่สีแดงขนาดเล็กได้บินออกมาจากกระบี่ภูตพรายนั้น กระบี่แดงตวัดลงมาเร็วกว่าร่างหลักหลายเท่าจนแส้แยกออกเป็นสองอย่างรวดเร็ว มันเปลี่ยนร่างกลับเป็นเศษไม้และตกลงมาจากบนฟ้า

ชายวัยกลางคนเผยแววตาสังหาร โบกมือขวาให้กระบี่พุ่งหาหวังหลิน

หวังหลินขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาจับจางฮู่และโยนกลับมา จากนั้นจึงรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว กระบี่เหินพุ่งเข้าหาหวังหลินจนกลายเป็นภาพมายาที่ปลายกระบี่ จากนั้นกระบี่ปรากฏตัวด้านหน้าหวังหลิน

ใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปทันที เขาโบกแขนขึ้น ปรากฏเศษหยกส่องแสงและเกิดเป็นกำแพงแสงสีฟ้าขึ้นป้องกันการโจมตีของกระบี่ได้ทัน กระบี่ฟันหวดลงมาจนกำแพงแสงเริ่มจะแตก มันอาจทนได้ไม่นานนัก

หวังหลินสูดลมหายใจลึก พ่นพลังปราณออกมาจากปากไปบนกำแพงแสง กำแพงแสงสีฟ้าได้กลายเป็นสีเขียวและมันก็เริ่มทนทานมากกว่าเดิม

ผนึกที่มีรอยแตกเริ่มฟื้นฟูกลับมาเพื่อป้องกันการโจมตีกระบี่ หลงเหลือแต่รอยแตกจางๆ

“นี่มันอะไรกัน?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่แค่ระดับแปด แต่หากเจ้าไม่ได้เป็นขั้นพื้นฐานลมปราณ เจ้าก็ไม่อาจรอดชีวิตจากกระบี่ของข้าได้”

พอพูดเช่นนั้นชายวัยกลางคนได้ชี้นิ้วเผยสายตาขึงขัง เขาโบกมือคราหนึ่ง กระบี่เหินบินกลับมาเข้าสู่ฝักดาบอีกครั้ง

ครั้งนี้กระบี่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินไปเป็นดำได้ครึ่งทางและเหินออกจากฝักดาบอีกครั้ง

สายตาหวังหลินเผยแสงเย็นเยียบวูบวาบ นี่เป็นครั้งแรกที่หวังหลินได้สู้กับคนที่อยู่ระดับฝึกตนเดียวกัน แม้ว่าระดับฝึกตนของทั้งสองจะเท่ากัน แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามมีสมบัติเซียนที่ดีกว่า หวังหลินรู้สึกว่ากระบี่ที่ลอยบนอากาศมีพลังรุนแรงมากและหินหยกของโจวเผิงก็ไม่อาจต้านทานได้

เขาพลันตบกระเป๋าโดยไม่ลังเล หยิบหยกโบราณออกมาปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าเกรงขามทันที

หยกโบราณนี้เป็นสมบัติช่วยชีวิตที่หลิวเหวินจวี่มอบให้กับหวังหลิน

หวังหลินพ่นพลังปราณออกมาจากปากไปที่หยกโบราณ ทันใดนั้นอักขระสีทองนับไม่ถ้วนได้ลอยออกมาจากหยกโบราณ

หวังหลินจ้องมองไปที่ชายวัยกลางคนอย่างเยือกเย็นพร้อมด้วยจิตสังหาร

ชายวัยกลางคนหรี่ตาแคบลง เขาลังเลเล็กน้อยจากนั้นกัดฟันแน่น หยิบเอาลูกกลมๆสีทองสองชิ้นออกมา ทั้งสองลูกบินเข้าหากระบี่เหิน

ตอนนี้กระบี่เหินได้คลุมทั้งด้ามด้วยสีดำเป็นประกายเงาวับแต้มด้วยจุดสีทอง กระบี่หมุนวนหนึ่งรอบจากนั้นพุ่งเข้าหาหวังหลิน จุดสีดำได้ปรากฏใกล้กับกระบี่หลายจุด หวังหลินสายตาเย็นเยียบรุนแรงขึ้น เขาไม่ได้สนใจกระบี่แต่กลับเพ่งไปที่หยกโบราณ อักขระสีทองบนหยกโบราณส่องแสงสว่างออกมาจากหยก อักขระเรียงรวมกันทั้งหมดเก้าตัว ขณะที่กระบี่เหินบินเข้าหาหวังหลิน เขาก็ประทับผนึกบนฝ่ามือจากนั้นอักขระสามอันก็เริ่มส่องแสง ทั้งสามอันปรากฏรอบกระบี่อย่างรวดเร็วเชื่อมทั้งสามอักขระด้วยสายฟ้า สร้างเป็นคุกกักขังกระบี่เหิน

กระบี่เหินราวกับสัตว์ป่าที่โดนกับดัก มันปลดปล่อยเสียงหึ่งอันรุนแรงพุ่งไปรอบกรงขัง ทุกครั้งที่มันชนกับกรงขัง อักขระก็ส่องประกายแวววาว

ในที่สุดใบหน้าชายวัยกลางคนก็เปลี่ยนไป “นี่...นี่มันแกนสมบัติเซียน?”

หวังหลินเรียนรู้จากซือถูหนานว่าแกนสมบัติเซียนคืออะไร มันคือสมบัติที่สร้างจากผู้ฝึกเซียนขั้นแกนลมปราณ ถ้าหากผู้ฝึกเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดสร้างสมบัติขึ้นมา มันก็จะเรียกว่าวิญญาณสมบัติเซียน

ชายวัยกลางคนเผยความกลัวอย่างรวดเร็ว เขาโบกมืออีกครั้งและจับไปที่ฝักดาบ

หวังหลินยิ้มอย่างเยือกเย็น ผนึกบนมือเปลี่ยนไป อักขระที่เหลือทั้งหกเริ่มส่องประกายทันทีพุ่งเข้าหาชายวัยกลางคน

ชายวัยกลางคนมีความกลัวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เขารีบหยิบเศษหยกออกมาหลายชิ้นหวังหว่ามันจะเพิ่มโอกาสรอดให้

ก่อนที่เศษหยกจะได้เรียกใช้งาน มันก็ระเบิดออกมาภายใต้ผลของอักขระสีทอง เขาไม่อาจหยุดอักขระสีทองได้เพียงตัวเดียว

ชายวัยกลางเผยแววตาสิ้นหวังและตะโกนขึ้น “สหายเซียน ข้าเป็นศิษย์ของผู้เฒ่าจื่อโม่...”

ก่อนที่เขาจะได้กล่าวจบ อักขระสีทองปรากฏขึ้นมา ตัวแรกประทับไปบนหน้าอก จนยุบตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นไอออกมาเป็นเลือด อักขระตัวที่สองตามมาทันที จากนั้นชายวัยกลางคนโลหิตไหลออกทุกทวาร หน้าอกได้ราวถูกแทงทะลุ

อักขระตัวที่สามตามมาติดๆ ร่างชายวัยกลางคนพังทลายเรียบร้อยจนประเป๋าถือหลุดออกมา มีเพียงฝักดาบที่ไม่เกิดอันตรายใดๆและตกลงบนพื้น

หวังหลินสูดหายใจลึก เล็งไปที่หยกโบราณ ทันใดนั้นอักขระสีทองที่เหลือทั้งสามตัวหยุดลงและกลับเข้าสู่หยกโบราณอีกครั้ง

หลังจากชายวัยกลางคนตายไป ความถี่จากการปะทะของกระบี่เหินได้ลดถอยลงจนหยุดนิ่งในที่สุด

หวังหลินโบกสะบัดฝ่ามือ อักขระสามตัวสั่นสะท้าน สองอักขระได้พังทลายลงไปและเหลือเพียงหนึ่งเดียวที่ตามหวังหลินเรียก จากนั้นก็กลับเข้าสู่หยก

หวังหลินหยิบเศษหยกกลับไปในกระเป๋าถืออย่างระมัดระวัง เศษหยกนี้เดิมทีทำได้เพียงโจมตีหนึ่งครั้งแต่ด้วยการช่วยเหลือของซือถูหนาน ทำให้เขาแบ่งมันออกมาเป็นเก้าการโจมตี แม้ว่าการโจมตีแต่ละครั้งจะอ่อนแอมาก แต่มันก็ทำให้เขาใช้ได้หลายครั้ง

หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องราวทั้งหมด พลันสูดหายใจลึก หน้าผากปกคลุมไปด้วยเหงื่อไคล นี่เป็นการต่อสู้ที่เคร่งเครียดที่สุดตั้งแต่เริ่มฝึกเซียนมา หวังหลินเรียกใช้วิชาแรงโน้มถ่วงและรับกระบี่เหินมา จากนั้นจับฝักดาบเพื่อทดสอบพวกมัน

“หวังหลิน ที่ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าก่อนหน้านั้นไม่ใช่เพราะข้าไม่อยากทำ แต่เพราะวิญญาณขั้นแรกกำเนิดของข้าได้ถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถทำอะไรที่สิ้นเปลืองได้ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เจ้าได้รับประสบการณ์ชีวิตและเกิดการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจะช่วยให้เจ้าเติบโตขึ้นในอนาคต” เสียงซือถูหนานกลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นอีกครั้ง

หวังหลินพยักหน้าพลางตรวจสอบสมบัติในมือ ซือถูหนานอธิบาย “กระบี่เหินนี่แปลกดจริงๆ เด็กน้อยนั่นไม่สามารถแสดงพลังเต็มที่ได้ แต่สมบัติของจริงคือฝักกระบี่นั่นต่างหาก”

……………………….