ตอนที่ 110 หลิวเหมย
หวังหลินสีหน้าสงบนิ่งพลางเอ่ยอย่างเย็นชา “พูดมา”
สตรีคนนั้นกัดฟันแน่นพลันรีบพูดอย่างรวดเร็ว “อยู่ที่จุดรวมพลของสำนักซวนต้าว ซึ่งควรจะยังมีผู้คนรวมกันอยู่ตรงนั้น พวกเรารีบเร่งตามล่าหลี่ซานจึงไม่ได้ตามสังเกต แต่ข้าแน่ใจว่าพวกมันมีสักหนึ่งป้ายสิทธิ์แน่ๆ”
ใบหน้าหลี่ซานเปลี่ยนไปทันทีแต่จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นเพราะว่าหวังหลินจ้องมา
“มันอยู่กับผู้อาวุโสหลิวเหมย...” เขาต้องการจะโกหกออกไปแต่ขณะที่เห็นสายตาหวังหลินจึงอดไม่ได้ที่จะพูดความจริง เขาไม่เคยพบกับความรู้สึกแบบนี้แม้แต่ตอนเจอกับบรรพชนพั่วหนานจื่อ
“ผู้อาวุโสหลิวเหมย?” หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย ภาพของสตรีเยาว์วัยรูปลักษณ์งดงามโผล่ขึ้นมาในใจ เขามองไปที่หลี่ซานและถามขึ้น “นางบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณแล้ว?”
หลี่ซานพยักหน้าด้วยความอิจฉา “บรรชนพั่วหนานจื่อช่วยนางให้บรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณด้วยตัวเอง”
หวังหลินคิดเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นที่ภูเขาเหิงยั่ว ฉากเหตุการณ์ครอบครัวหวังหลินปรากฏในใจพลันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
เขาเอื้อมมือออกไปจับสตรีของเฮฮวนและหลี่ซานพลางกระโดดขึ้นไปบนอากาศ สตรีนางนั้นตื่นตระหนกพร้อมจุดเปียกชื้นบนกางเกง ใบหน้าขึ้นสีแดง
“บอกข้ามาว่าสำนักซวนต้าวอยู่ตรงไหน” หวังหลินขมวดคิ้ว เขาจับสตรีผู้นี้ห่างออกไปเล็กน้อย
ศิษย์สตรีจากเฮฮวนชี้ทิศทางและหลี่ซานทั้งได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกด้วย หวังหลินไม่ได้พูดอะไรมากและรีบเคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปเวลาไม่นาน ทั้งหมดก็ได้มาถึงพื้นที่รวมพลของสำนักซวนต้าวภายใต้การชี้นำของทั้งสอง
พื้นที่บริเวณเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เห็นได้ชัดว่าเกิดการต่อสู้อันรุนแรงที่นี่ก่อนหน้านี้ หลังจากหวังหลินมาถึงพลันสะบัดมือและทั้งสองก็หล่นลงพื้น
“เจ้าไปได้” หวังหลินมองไปที่ศิษย์สตรีและเดินเข้าไปที่จุดรวมพลของสำนักซวนต้าว
ศิษย์สตรีถอยกลับมาอย่างระมัดระวัง หลังจากห่างได้ไกลเกินสองร้อยเมตรนางก็กระโดดขึ้นกระบี่เหินหนีไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
หวังหลินเปล่งน้ำเสียงออกมาราบเรียบ “หลี่ซาน เรียกคนของสำนักซวนต้าวออกมา ข้าเพียงต้องการป้ายสิทธิ์ ไม่ต้องการสังหารใคร”
หน้าผากหลี่ซานเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะที่หยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าด้วยรอยยิ้มขมขื่น เขาถือมันไว้บังหน้าผาก หลังจากนั้นก็โยนออกไปพุ่งออกดุจลูกธนูจนหายลับสายตา
หลังจากนั้นชั่วครู่วงแหวนแสงหลายเส้นปรากฏขึ้นบนพื้น ทั้งหมดกลายเป็นเสาแสงขนาดใหญ่มีคนจำนวนสิบคนนั่งขัดสมาธิบนพื้น ในกลุ่มนั้นมีสตรีสุดสวยที่ทำให้หัวใจเต้นแรงอยู่ด้วย นางใบหน้าเคร่งขรึม ผนึกฝ่ามือเป็นรูปแจกันและมีไม้กวาดลอยขึ้นเหนือศีรษะ ไม้กวาดนี้ราวกับเส้นผมสีขาว มีคลื่นแสงขาวกระจายออกมาจากมัน
หวังหลินหรี่สายตาเล็กลงมองใบหน้าของคนทั้งสิบ
ทันใดนั้นสตรีจึงลืมตาขึ้น นางเห็นหลี่ซานเป็นคนแรกกลับไม่สนใจ แต่เมื่อนางเห็นหวังหลินที่อยู่ถัดจากหลี่ซานจึงตกใจทันที หลังจากมองหวังหลินอย่างรอบคอบ นางเผยสายตาแสงประหลาด พลันสบัดมือให้ไม้กวาดร่อนลงบนมือ เสาแสงค่อยๆกระจายหายไป
ในเหล่าสิบคนนี้ มีคนอายุราวสามสิบที่มองหวังหลินด้วยใบหน้าซับซ้อน พลันพูดขึ้น “หวัง...ศิษย์พี่หวัง ไม่เจอกันนาน...”
คนผู้นี้คือพี่ของหลิวเหมยนามว่าหลิวเฟิง หวังหลินตรวจสอบเขาด้วยสัมผัสวิญญาณพบว่าเขาอยู่ที่ขั้นพื้นฐานลมปราณระดับแรกเช่นกัน ทว่าพลังปราณยังไม่เสถียร ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาพึ่งจะบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณได้ไม่นาน
หวังหลินจ้องทั้งหมดและถอนหายใจออกมา “สำนักซวนต้าว...ช่างเถอะ ส่งป้ายสิทธิ์ของพวกเจ้ามาและข้าจะไม่สร้างความลำบากให้”
หนึ่งในสิบของศิษย์สำนักซวนต้าว ชายชราผู้หนึ่งยืนขึ้นและถอนหายใจ “เด็กโอหังคนนี้เป็นใครถึงกล้าสั่งให้เรายกป้ายสิทธิ์ให้ หลิวเฟิง เจ้ารู้จักมันหรือ?”
หลิวเฟิงยิ้มอย่างอ่อนโยนพลันพูดขึ้น “ศิษย์พี่หม่า เขา...เขาคือหวังหลิน”
ชายชรานามว่าหม่าตกตะลึง จากนั้นก็เยาะเย้ย “โอ้ เจ้านั่นเอง แต่ว่าแม้เจ้าจะอยู่ขั้นพื้นฐานลมปราณก็ไม่มีสิทธิ์มาอวดดีกับพวกเรา!” ทันใดนั้นเขาสะบัดมือสร้างเป็นลมกรรโชกขนาดยักษ์ลอยไปทางหวังหลิน
หวังหลินไม่ได้หลบ เพียงแค่สายลมเข้ามาในรัศมีห้าเมตร มันก็กลายเป็นเศษน้ำแข็งร่วงลงกับพื้น ขณะเดียวกันมีแสงสีเขียวกระพริบหนึ่งที ร่างตาเฒ่าหม่าสั่นสะท้าน หลุมกลวงโบ๋ปรากฏบนหน้าอก จากนั้นทั้งร่างก็กลายเป็นน้ำแข็งพร้อมกับตายสนิททันที
หวังหลินรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นหลังจากพลังปราณเขาได้เปลี่ยนไป มีจิตสังหารรุนแรงภายในใจ เขาเกือบจะสูญเสียการควบคุมอยู่หลายครั้ง
แสงกระบี่กระพริบหมุนวนรอบหวังหลินพลางชี้เป้าไปที่คนของสำนักซวนต้าว หากมองใกล้ๆกระบี่เหินที่ลอยอยู่จะหยุดชั่วคราว แต่หวังหลินบังคับมันให้เคลื่อนไหวอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของศิษย์สำนักซวนต้าวแต่ละคนเปลี่ยนทันที หลิวเฟิงกลับตกตะลึงหัวใจสั่นถี่ยิบและเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก เขาเห็นหวังหลินเป็นเป้าหมายเสมอมาและเมื่อบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณด้วยความช่วยเหลือของพั่วหนานจื่อเมื่อหนึ่งปีก่อน จึงคิดว่าสามารถเอาชนะหวังหลินได้
แต่ดูตอนนี้ ไม่เพียงแต่หวังหลินขึ้นมาถึงขั้นพื้นฐานลมปราณเรียบร้อยแล้ว แต่ระดับฝึกตนของเขาช่างประหลาดยิ่งนัก ศิษย์พี่หม่าที่อยู่ขั้นพื้นฐานลมปราณระดับกลางถูกหวังหลินสังหารด้วยการโจมตีครั้งเดียว
ระดับฝึกตนของหวังหลินอยู่ขั้นอะไรกัน? ยิ่งหลิวเฟิงคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งเกิดความกลัวมากขึ้น
หลิวเหมยไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์น่าตื่นตะลึงเช่นนี้ นางนำป้ายสิทธิ์ออกมาและโยนให้กับเขาทันที
ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่สายตามองมาที่หวังหลินตลอด
หลังจากเก็บป้ายสิทธิ์ไปแล้ว หวังหลินมองหลิวเหมยอย่างเย็นชา จากนั้นหันตัวกลับหายไปจากคลองสายตา
เวลาผ่านไปชั่วเวลาหนึ่ง หลิวเหมยถอนสายตาออกมาและถอนหายใจขึ้น วิชาเสน่ห์ชนิดที่หาตัวจับยากเช่นนางดูเหมือนจะไม่มีผลกับหวังหลิน
หลังจากกลับไปที่ถ้ำ หวังหลินหยิบป้ายสิทธิ์ทั้งห้าชิ้นออกมา ครุ่นคิดเล็กน้อยเขาก็ทำลายสี่ชิ้นโดยไม่ลังเลและนำชิ้นสุดท้ายกลับใส่กระเป๋า ใช้วิชาแรงโน้มถ่วงเพื่อเคลื่อนย้ายก้อนหินมาปิดทางเข้าถ้ำ หลังจากนั้นก็จัดตั้งค่ายกลสองสามอย่างก่อนจะเริ่มปิดประตูฝึกฝน
เขาต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการต่อสู้ในอีกสองเดือน
.........................