ตอนที่ 111 กระบี่เหิน
มีป้ายสิทธิ์ทั้งหมดเจ็ดชิ้น หวังหลินได้มาสองชิ้นจากหลี่ซาน หนึ่งชิ้นจากสำนักเปียวเมียว หนึ่งชิ้นจากสำนักเฮฮวนและอีกหนึ่งจากสำนักซวนต้าว รวมทั้งหมดก็ห้าชิ้น
ไม่รวมอีกหนึ่งจากเหล่าสำนักซากศพ ยังคงเหลืออยู่อีกหนึ่งชิ้น
หวังหลินครุ่นคิดชั่วขณะ เขาเจอสำนักทั้งหมดในหุบเขาจูหมิงหมดแล้ว แต่ยังไม่พบป้ายสิทธิ์อันสุดท้าย แน่นอนว่าไม่มีกฏห้ามว่านำไปซ่อน เขาจึงไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่นัก นอกจากนั้นเขายังมีในมือห้าในเจ็ดชิ้น ซึ่งก็เพียงพอที่จะเป็นจุดปลอดภัยในสนามรบต่างแดน
หลังจากหยุดสงสัยเรื่องป้ายสิทธิ์ เขาเริ่มคิดเรื่องการต่อสู้ในอีกสองเดือน
อันดับแรกคือเมล็ดข้าวสีฟ้า หวังหลินฟื้นฟูชิ้นที่ใช้ไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว จนกลับมามีสามชิ้นอีกครั้ง หนึ่งชิ้นเป็นเมล็ดเดียว ส่วนอีกสองชิ้นมาจากการรวมเมล็ดธรรมดาทั้งสองเข้าด้วยกัน
หลังจากนำเมล็ดทั้งสามเก็บไปอย่างระมัดระวัง หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเริ่มตรวจดูของในกระเป๋า ที่ผ่านมาเขาสังหารไปหลายคน ดังนั้นจึงยังมีของเยอะแยะมากมาย
หลังจากตรวจสอบเป็นเวลานาน หวังหลินหยิบลูกปัดกลมชิ้นหนึ่งออกมา ลูกปัดนี้มีขนาดเพียงหนึ่งในสิบส่วนของกำปั้นเท่านั้น มันเรียบลื่นไม่มีลวดลายใดๆ และมีรอยแตกบางแห่งด้านข้าง
หลังจากหยิบลูกปัดขึ้นมาจึงอดไม่ได้ที่เขาจะคิดถึงบุรุษประหลาดที่ชื่ออาไต นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาให้ หวังหลินมองดูลูกปัดพลางหรี่สายตาขึ้น
ผ่านไปสักพัก เกิดรอยยิ้มที่มุมปากและยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา หวังหลินนำลูกปัดกลับใส่ในกระเป๋า สูดหายใจลึกและปล่อยแสงสีเขียวออกมา
กระบี่เหินสีเขียวลอยด้านหน้าไร้การเคลื่อนไหว
หวังหลินรู้สึกว่าตั้งแต่ที่พลังปราณเขาได้เปลี่ยนไป มีบางอย่างขัดขวางการควบคุมกระบี่เหิน มันไม่ได้ง่ายดังเช่นครั้งก่อน แม้ว่าพลังของกระบี่เหินเพิ่มขึ้นอย่างมากแต่กระบี่ที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ดั่งใจนึกก็ไม่ใช่สิ่งที่เขายอมรับได้
ดังนั้นหวังหลินจึงตัดสินใจใช้เวลานี้เพื่อขัดเกลากระบี่อีกครั้ง
สองมือสร้างผนึกส่งพลังปราณออกมาล้อมรอบกระบี่เหินไว้ จากนั้นหวังหลินสัมผัสกระเป๋าหยิบน้ำเต้าออกมา กระบี่เหินเล่มนี้ถูกเขาชำระล้างด้วยโลหิต ดังนั้นเขาจะต้องจ่ายวัตถุดิบจำนวนมากให้มัน เขากัดฟันกรอดและเทน้ำพลังปราณจำนวนหนึ่งในสามส่วนที่มีเข้าไป
ภายใต้การควบคุมของหวังหลิน น้ำพลังปราณที่เต็มไปด้วยพลังงานหยินลอยอยู่ในอากาศ ควบแน่นจนกลายเป็นน้ำเพียงหนึ่งหยด ปลดปล่อยคลื่นพลังงานหยินครอบคลุมถ้ำไว้ในน้ำแข็ง
หวังหลินชี้นิ้วหยุดน้ำให้มันเคลื่อนที่เข้าไปหากระบี่เหินทันที หยดน้ำร่อนลงบนปลายกระบี่และไล่ตามจนสุดด้าม ในไม่ช้ากระบี่เหินก็กลายเป็นคริสตัลใส
หวังหลินสูดหายใจลึก กัดลิ้นและพ่นโลหิตออกมา ขณะเดียวกันก็สะบัดมือให้โลหิตกลายเป็นหมอกปกคลุมกระบี่เหินทั้งด้ามอีกชั้น
หมอกโลหิตค่อยๆเข้าไปในน้ำพลังปราณ ในไม่ช้าน้ำพลังปราณที่ปกคลุมกระบี่เหินก็กลายเป็นแสงสีแดง
หวังหลินหายใจถี่ เขาปล่อยโลหิตออกมาเพิ่มมากขึ้นพลางขยับฝ่ามือสร้างอักขระออกมา แต่ละอันที่สร้าง หวังหลินจะโยนมันไปที่กระบี่เหิน
อักขระค่อยๆปรากฏขึ้นทีละตัว หลังจากนั้นไม่นานนัก หวังหลินตีหน้าอกตัวเอง พลังปราณในร่างกายดุเดือด ดันหน้าอกตัวเองเข้าไปอีกและแกนโลหิตกระจายออกมา
ใบหน้าหวังหลินซีดเผือดแต่เขาวาดอักขระด้วยโลหิตโดยไม่ลังเล
ขณะที่อักขระเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมใช้แกนโลหิตช่วยเหลือ น้ำพลังปราณรอบกระบี่จึงเป็นสีแดงเข้มเรียบร้อย กระทั่งกำลังจะเป็นสีม่วง
หลังจากเลือดหยดสุดท้ายรวมไปบนกระบี่เหิน หวังหลินตั้งสมาธิและตะโกนขึ้นทันที “รวบรวม!”
เสียงหึ่งๆดังขึ้นพร้อมกับกระบี่เหินสั่นอย่างรุนแรง มันเริ่มสั่นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น หวังหลินมองกระบี่เหินโดยไม่ตกใจ ฝ่ามือสร้างเป็นผนึกอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานหลังจากนั้นพลังปราณรอบกระบี่เริ่มเดือดขึ้นและปล่อยควันขาวออกมาราวกับน้ำเดือด และยิ่งควันมีมากขึ้นก็ยิ่งทำให้จำนวนน้ำพลังปราณลดลด
ในที่สุดน้ำพลังปราณทั้งหมดก็หายไป กระบี่เหินแม้มันจะยังสีเขียวแต่คล้ายกับมีเส้นเลือดแดงบนใบกระบี่ ทั้งมันยังลดขนาดลงไปอีกครึ่งจากขนาดเดิม
เรื่องที่หวังหลินตกตะลึงที่สุดก็คือด้ามจับกระบี่หายไปแล้ว ก่อนหน้านี้ด้ามจับกระบี่มีสัดส่วนหนึ่งในห้า แต่ตอนนี้มีสัดส่วนเพียงหนึ่งในสิบห้าส่วนของกระบี่ ซึ่งมันไม่นับเป็นด้ามกระบี่แล้ว
สิ่งที่หวังหลินไม่รู้ก็คือกระบี่เหินที่ถูกชำระล้างด้วยเลือดเขากำลังวิวัฒนาการอย่างช้าๆ
เมื่อการวิวัฒนาการนี้ถึงระยะสุดท้าย กระบี่เหินเล่มนี้จะได้รับคุณสมบัติของขอบเขตจวี่และจะมีพลังมากมายมหาศาล
หวังหลินทดสอบกระบี่และพบว่ามันเคลื่อนไหวเร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อเขาใช้พลังเต็มที่มันจะเร็วมากจนสายตาไม่สามารถตามได้ทัน เพิ่มด้วยความสามารถในการเคลื่อนย้ายระยะไกล กระบี่เหินเล่มนี้นับได้ว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
อย่างน้อยๆ หากเซียนขั้นแกนลมปราณที่ไม่มีสมบัติเซียนป้องกันตัวเปิดใช้งานอยู่โดนกระบี่เล่มนี้โจมตี รับรองได้ว่าเขาอาจจะมีชีวิตอยู่โดยไม่ครบสามสิบสอง นี่เป็นพลังของสมบัติเซียนขอบเขตจวี่ มันสามารถให้สมบัติเซียนข้ามทะลวงขอบเขตและเพิ่มถึงขีดสุด
แต่เมื่อใช้ต่อต้านกับเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิด มันยังไม่เพียงพอ หวังหลินเป็นเพียงขั้นพื้นฐานลมปราณเท่านั้น กระทั่งขอบเขตจวี่เอง เขาก็ยังอ่อนแอเกินไป ขอบเขตจวี่จะแสดงพลังที่แท้จริงเมื่อหวังหลินทะลวงผ่านไปจนถึงขั้นวิญญาณแรกกำเนิดเท่านั้น
นั่นจะเป็นตอนที่ขอบเขตจวี่เริ่มแสดงความโหดร้ายออกมา
ตอนนี้กระบี่เหินสีเขียวมีความละเอียดมากขึ้น เศษเสี้ยวน้ำแข็งฟ้าปรากฏและหายไปจากกระบี่เหิน มันดูแปลกประหลาดไปซะทั้งหมด
หวังหลินกลืนกระบี่เหินอีกครั้ง สายตาส่องสว่างพลางคำนวณเวลาและพบว่าเขาใช้เวลาไปหนึ่งเดือนเพื่อชำระล้างกระบี่ หวังหลินตัดสินใจใช้เวลาที่เหลืออีกหนึ่งเดือนฝึกฝนข้างในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เขามั่นใจว่าจะสามารถทะลวงผ่านไปถึงขั้นพื้นฐานลมปราณระดับกลางได้ภายในสิ้นเดือน
.........................