ตอนที่ 90 เค้าลางแรก
ขั้นแรกของวิถีเซียนนรกผ่านได้สำเร็จ
จุดเริ่มต้นในตำแหน่งตันเถียนเปิดขึ้นแล้ว
หวังหลินใจเย็นลง แปลงพลังงานนอกจุดตันเถียนมาไว้ในจุดต้นเถียนที่พึ่งเปิด
พลังงานหยินไม่ได้เข้าสู่จุดตันเถียนแต่กลับวนรอบๆและเริ่มเข้าไปที่หลุมดำ
แม้ว่าบ่อยครั้งที่พลังหยินดูดเข้ามาจะสูญเสียไปบ้าง พลังหยินก็ยิ่งดุร้ายขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าจุดตันเถียนของเขากำลังทำสงครามกัน
หลังจากเวลาผ่านไปสักพักหลุมดำเริ่มมีรอยแตก ขณะนั้นหวังหลินรีบแปลงพลังงานหยินอีกหนึ่งในสามส่วนในร่างกาย แค่ทำครั้งเดียวเขาก็เปิดจุดพลังในร่างได้เพิ่มอีกหนึ่ง
หวังหลินรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสเพราะทำด้วยความเร่งรีบ ขณะที่หลุมดำแตกเสียหาย พลังงานลึกลับได้เริ่มเข้ามาในร่างกาย หวังหลินเริ่มไปที่จุดต่อไปทันทีโดยไม่กระพริบตา
ครั้งดูเหมือนจะไม่นานกว่าครั้งก่อน หลังจากเห็นว่าอาจจะมีพลังหยินไม่พอ หวังหลินจึงเพิ่มพลังหยินที่เหลือหนึ่งในสามส่วนเข้าไปในสายธารพลังหยิน สายธารพลังหยินซึ่งก่อตัวเป็นลมหมุนนั้นได้ขยายตัวใหญ่กว่าครั้งก่อนหลายเท่า
มันหมุนเร็วขึ้นและเร็วมากขึ้น นั่นความว่าใกล้จะทะลวงระดับขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นยามราตรีก็ได้มาถึง
หวังหลินยังคงอยู่ในด่านสุดท้ายของการทะลวงขั้น สายลมยังคงหมุนต่อไปและเพราะว่ามันหมุนเร็วจึงดูเหมือนกลุ่มก๊าซชนิดหนึ่ง แม้ว่าข้างนอกจะดูเชื่องช้ามากแต่ความเป็นจริงมันหมุนเร็วยิ่ง
เวลาเลยผ่านมาจนเที่ยงคืน พอพลังหยินหนาแน่นถึงขีดสุด ร่างหวังหลินเหมือนกับเป็นหลุมดำดูดพลังหยินรอบด้านและดูดซับพลังหยินไปด้วย
รอบกายหวังหลินสิบเมตรราวกับเครื่องบดเนื้อพลังหยิน พลังหยินทั้งหมดถูกกลืนอย่างรวดเร็ว
พลังงานมหาศาลจำนวนมากถูกหวังหลินดูดซับและเพิ่มเข้ากับสายลมพลังหยินในร่างกาย มันยิ่งใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นมากจนแทบจะหลุดจากการควบคุม แต่มันยังเติบโตไปเรื่อยๆอย่างดุเดือด หวังหลินตกตะลึงและต้องการจะหยุดแต่กลับพบว่าไม่สามารถควบคุมมันได้ เขาทำได้แค่มองดูมันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หวังหลินเริ่มเคร่งเครียดเพราะไม่มีบันทึกการรับมือในวิถีเซียนนรก
หวังหลินไม่รู้ว่าที่วิถีเซียนนรกถูกเรียกว่าวิชามารนั่นก็เพราะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบนี้ บางทีก็มีประโยชน์ บางคนก็ถึงตาย
และซือถูหนานยังหลับอยู่ ดังนั้นหวังหลินจึงต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเอง
ส่วนลมพลังหยินที่โตขึ้น แรงดึงดูดยิ่งมากขึ้น รัศมีสิบเมตรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นวงโคจรอันตราย ระยะกว้างขึ้นยิ่งดูดซับพลังหยินมากขึ้น นั่นหมายถึงความเร็วจะเติบโตขึ้นอีก
100 เมตร 150 เมตร 200 เมตร 300 เมตร 500 เมตร... 700 เมตร … กระทั่งถึง 1000 เมตร!
พลังหยินรัศมีหนึ่งพันเมตรได้เริ่มเคลื่อนไหวรุนแรงขณะที่พุ่งเข้าหาหวังหลินไปด้วย พลังงานหยินขนาดใหญ่นี้ราวกับมีมือยักษ์นำทางเข้ามาหา
หวังหลินสูญเสียการควบคุมไปแล้วเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน ทันใดนั้นจุดตันเถียนก็แตกออกเสียงดังปัง!
นี่เป็นครั้งที่สองที่ตันเถียนเขาแตกทำลายลง และเป็นเหมือนกับครั้งแรก มันรวมเป็นหลุมดำในตันเถียน ดูดซับพลังหยินในร่างกายขึ้นทันที
หากหวังหลินได้ดูดซับพลังหยินจากพื้นที่รอบๆมาโดยไม่หยุดพัก การดูดซับนั่นจะโดนกลืนกิน
ในขณะเดียวกัน พลังหยินทั้งหมดในะระยะพันเมตรได้โดนหลุมดำกลืนกินก่อให้เกิดพลังหยินที่วุ่นวายมากขึ้น
หากมีคนมองจากบนท้องฟ้า จะเห็นฉากเหตุการณ์ที่น่าตกใจมาก พลังหยินทั้งหมดรอบด้านได้ถูกรวมมาที่จุดตรงกลางจุดเดียว
ณ ซากปรักหักพังส่วนลึก ร่างประหลาดคนหนึ่งถือเนื้อสัตว์ป่าไว้ในมือ เขากัดเนื้อหนึ่งคำ ขมวดคิ้วไปด้วยพลางมองทิศทางตำแหน่งหวังหลินและเผยอาการตกใจ พลันรีบโยนเนื้อออกไปทันที วิ่งตรงเข้าหาหวังหลินราวกับกระต่ายตื่นตูม
หลังจากวิ่งมาไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดลง สังเกตเห็นว่าพลังหยินได้พุ่งเข้าหาทิศทางเดียวกัน พลันลังเลเล็กน้อยแต่ก็วิ่งต่อไป พอหยุดห่างจากตำแหน่งหวังหลินไปสามพันลี้ ใบหน้ายิ่งตกใจมากขึ้น
ส่วนหวังหลิน ขณะที่กำลังทะลวงระดับของตัวเอง พลังปราณทั้งหมดที่ได้เปลี่ยนไป ได้กักเก็บเข้าหลุมดำในตันเถียนของเขาและมันก็รวมเข้าด้วยกัน
ขณะที่พลังปราณทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน หวังหลินควบคุมลมหมุนในร่างกายพอได้บ้าง ทว่าจำนวนที่เขาควบคุมได้มีเล็กมากและไม่พอให้หยุดพลังหยินที่หมุนในร่างกายได้
หวังหลินกัดฟันแน่น เขาตัดสินใจละทิ้งความพยายามที่จะหยุดการดูดซับพลังหยินและทำการทะลวงผ่านระดับครั้งที่สาม
ภายใต้การควบคุมของหวังหลิน พลังหยินได้ชนเข้ากับตันเถียนจนแตกเป็นเสี่ยงๆกลายเป็นเศษสีฟ้าหลายชิ้น เศษสีฟ้าบางส่วนมีผลึกสีน้ำเงินเข้มอยู่ภายใน พลังหยินขนาดใหญ่รอบด้านเข้าไปในผลึกน้ำเงินเข้มจนสีเข้มขึ้นและเข้มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสีเขียว
พอผ่านขั้นที่สามไปได้เรียบร้อย แกนเย็นชิ้นหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในจุดตันเถียนของหวังหลิน มีมือขนาดเล็กหลายข้างผุดออกจากแกนเย็นและปรากฏทุกส่วนบนร่างหวังหลิน
พลังปราณในร่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วประสานกับภาพลักษณ์ของพลังงานเย็น
หวังหลินยังคงมีพลังงานหยินอยู่รายล้อม รู้สึกว่าหากดูดซับต่อไปอาจจะระเบิดได้ ความรู้สึกนี้ได้ยังคงชัดเจนเนื่องจากเริ่มรู้ว่าสัมผัสกำลังขยายตัวออก
หวังหลินกัดฟันแน่นอีกครั้ง ตัดสินใจว่าเขาจะเคลื่อนย้ายพลังหยินและพยายามผ่านไปให้ถึงขั้นที่สี่
ซือถูหนานบอกว่าขั้นแรก ขั้นที่สี่และขั้นที่เจ็ดเป็นขั้นที่ยากที่สุดนั่นก็เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่พยายามจะทำลายตันเถียน ฉี่ไห่และจูเซี่ยว
เขาควรจะหยุดหลังจากการผ่านเข้าขั้นที่สามเพื่อรักษาแกนเย็น ก่อนที่จะพยายามทะลวงขั้นที่สี่
แต่พลังปราณในร่างหวังหลินได้รวมกับแอ่งพลังหยินไปแล้ว และเพราะเขาต้องการจะใช้งานมัน หวังหลินจึงทำได้เพียงพยายามทะลวงขั้นที่สี่
จุดฉี่ไห่บนหน้าอกเปิดขึ้น
พลังหยินหมุนอย่างเชื่องช้าขึ้นไปบนหน้าอกจนถึงจุดฉีไห่(ทะเลปราณ)และเริ่มจะหมุนเร็วขึ้นอีกครั้ง
ลมหมุนกลืนพลังปราณไม่ขาดสาย หวังหลินพยายามทะลวงผ่านอีกครั้งและอีกครั้งแต่เขาก็ล้มเหลวทุกครั้ง ท้องฟ้าเริ่มจะส่องแสงขึ้นช้าๆ
พลังหยินในระยะหนึ่งพันเมตรค่อยๆจางหายไป จนในที่สุดก็หมดลง
จุดฉีไห่บนหน้าอกยังคงไม่เปิดออก ในที่สุดหวังหลินก็เข้าใจว่าทำไมวิถีเซียนนรกถึงได้ยากเย็นนัก เขาพยายามเปิดจุดฉีไห่มากกว่าร้อยครั้งแต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง ทุกครั้งที่เขาล้มเหลว จะสูญเสียพลังหยินบางส่วนออกไป
เขาใช้มีพลังหยินไปจำนวนมากในการพยายามทะลวงระดับ พร้อมรับวันใหม่มาถึง พลังหยินทั้งหมดค่อยๆเลือนหายไป หลงเหลือแต่พลังหยินที่หวังหลินดูดซับจากแกนเย็น
คืนนี้หวังหลินดูดซับพลังหยินจำนวนมาก พลังปราณทั้งหมดในร่างผ่านเปลี่ยนแปลงขนานกับพลังหยิน
ในเรื่องคุณภาพ หวังหลินรู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังหยินมีจำนวนมากกว่าพลังปราณสองเท่าจากเมื่อก่อน นั่นหมายความว่าตอนนี้เขาอยู่จุดสูงสุดของขั้นพื้นฐานลมปราณขั้นแรกแล้ว
หวังหลินลืมตาขึ้นและนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนก่อน แม้จะตกใจกลัว เขาก็ชั่งใจข้อดีและข้อเสียในการฝึกฝนเซียนวิธีนี้
เหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างการฝึกคืนนั้นได้เปิดเส้นทางใหม่ให้กับเขา
ประโยชน์ของการฝึกเซียนวิธีนี้ไม่ต้องอธิบายและข้อเสียคือมันอันตรายเกินไป เพียงเคลื่อนไหวผิดก็อาจร่างกายระเบิดได้ ต้องขอบคุณประสบการณ์ของเขาที่ได้ควบคุมพลังได้สมบูรณ์ครั้งต่อไปและนั่นทำให้อันตรายน้อยลง
หวังหลินพึมพำ “ดูเหมือนข้าต้องหาที่อยู่ใหม่ แม้ว่าจำนวนพลังหยินจะมีมาก แต่มันคุณภาพต่ำจนไม่พอให้ข้าทะลวงระดับได้” ตอนนี้โอกาสในการทะลวงระดับของหวังหลินน้อยเกินไป แต่จากบันทึกแล้ว ยิ่งคุณภาพของพลังหยินสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสทะลวงขั้นมากเท่านั้น
หวังหลินจดจำการทดสอบคุณภาพที่เขาทำเอาไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนได้ และจดจำเสาที่ล้อมลูกปัดหินซึ่งมีระดับคุณภาพสูงอยู่ เช่นนั้นหวังหลินจึงตัดสินใจ
ขณะเดียวกัน ท้องฟ้าด้านนอกป่าพลันมืดหม่นลง ร่างชายชราปรากฏขึ้นปลดปล่อยกลิ่นอายมหึมาอันเงียบเชียบ เขามองที่ป่าด้านล่างเผยแววตาจิตสังหาร
“ลี่เออร์ ปู่ไท่มาแก้แค้นให้เจ้าแล้ว!”
คนผู้นี้มาจากบรรชนตระกูลเถิง เถิงฮว่าหยวน (騰化元 Téng huà yuán) ใช้คำสาประหว่างมาถึงที่นี่ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามค้นหายังไง ก็ไม่สามารถหาตำแหน่งคนที่สังหารหลานเขาได้ มันมีหมอกบางอย่างป้องกันเขาไว้ รู้ได้แต่เพียงว่าคนสังหารอยู่ในป่าใต้เขาที่นี่
ส่วนป่านี้ เป็นสถานที่ที่เขาไม่ต้องการเสี่ยงเข้าไปเว้นแต่จะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ด้วยการวิเคราะห์คร่าวๆเขาบอกได้เลยว่ามันอันตรายและมีบางอย่างที่เขาไม่กล้าเข้าไปยุ่งด้วย
แต่ด้วยการตายของเถิงลี่ เถิงฮว่าหยวนเชื่อว่าตราบใดที่เขาทำการเงียบๆและเพียงค้นหาศัตรูเท่านั้น พลังนั่นคงไม่ถือสาหาความ
หลังจากคิดชั่วครู่ เขากัดฟันแน่นพุ่งเข้าไปในป่า
ภายในซากปรักหักพังส่วนลึกในป่า ฝาโลกศพหนึ่งได้เปิดขึ้นโดยไร้เสียง มือเหี่ยวเฉาสีดำและแสงสีม่วงได้ปรากฏขึ้นช้าๆ ทันใดนั้น ก้อนสายฟ้าสีม่วงได้ปรากฏขึ้นในมือปลดปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมา
“หมดเวลาหนึ่งร้อยปีแล้ว! นายท่านของข้า ครั้งก่อนท่านยอมให้ร่างของท่านหนีออกไป แต่ครั้งนี้ท่าจะหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว!”
…………………………….