ตอนที่ 107 เมล็ดเรืองแสง
ผ่านมาสามเดือน สำนักมารและสำนักดั้งเดิมมีการต่อสู้กันอยู่หลายครั้ง ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นหวังหลิน ทั้งหมดหยุดต่อสู้กันและเปิดทางผ่านให้เขาไป หลังจากหวังหลินจากไป พวกเขาก็สู้กันต่อ
หลังจากหวังหลินตัดสินใจเรื่องครอบครัวได้ เขาก็ไม่สับสนอีก หวังหลินพบหน้าผาแห่งหนึ่ง ขุดเป็นถ้ำนั่งลงข้างในและเริ่มครุ่นคิด
อันดับแรกคือเรื่อพลังปราณในร่างกายตัวเอง แม้ว่าพลังปราณเขาจะมีพลังให้สามารถแช่แข็งได้ครั้งก่อน แต่มันก็ยังห่างไกลจากพลังที่แสดงให้เห็นตอนนี้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่หวังหลินงุนงงอย่างมากและกระทั่งซือถูหนานเองก็ยังหาเหตุผลไม่ได้
สิ่งที่แสดงให้เห็นนี้เป็นขอบเขตจวี่ ต้าว ฉี ที่ได้หายสาปสูญไปจากแคว้นเซียนระดับหกนานแล้ว
พลังปราณที่จู่ๆก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นฉับพลันนี้ทำให้หวังหลินมั่นใจมากขึ้น เขารู้สึกว่าพลังปราณในร่างตัวเองแปลกประหลาดอย่างมาก มันเหมือนมีบางอย่างเพิ่มเข้ามาในพลังปราณเขาเอง
ราวกับว่ามันมีสิ่งลึกลับบางอย่างภายในพลังปราณและเพราะพลังงานนี้จึงได้เพิ่มพลังให้กับปราณเขาอย่างมหาศาล
ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันสังเกตเพราะว่ามันไม่ได้มีพลังงานนี้มากนักในร่างกาย แต่จำนวนของพลังงานนี้กลับเพิ่มขึ้น
จังหวะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น มันก็เริ่มขยายตัวจนไม่อาจควบคุมได้ หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยละเริ่มตั้งสมาธิบนร่างตัวเองพลางโคจรพลังปราณไปด้วย เขาเริ่มจากตันเถียนจากนั้นผ่านไปทั่วร่างกายและกลับมาที่จุดตันเถียน
ขณะที่ตรวจสอบมัน หวังหลินก็พบเบาะแสบางอย่าง พลังปราณเขาตอนนี้เป็นสีน้ำเงินเข้ม แต่นั่นไม่ใช่สีพลังปราณที่แท้จริง มันเป็นเพราะมีเส้นด้ายสีน้ำเงินเข้มปนอยู่ด้วย
ความหนาของมัดด้ายขนาดใหญ่นี้ได้เปลี่ยนพลังปราณเขา หวังหลินสะบัดมือขวาปล่อยพลังปราณออกมา มันรวมกันเป็นก้อนน้ำแข็ง ภายในนั้นมีเส้นด้ายสีน้ำเงินเข้มจำนวนนับไม่ถ้วน
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก หวังหลินเข้าไปใกล้และจับอากาศด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก้อนน้ำแข็งเริ่มหดตัวลง ทุกครั้งที่มันหดตัวลง เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากหวังหลิน
บอลน้ำแข็งเพียงก้อนเดียวหดขนาดเหลือหนึ่งในสามของขนาดเดิม บางเส้นเริ่มพังทลาย ไม่นานนักก็มีเส้นด้ายขาดกระจายเพิ่มขึ้นราวกับไม่สามารถรองรับแรงกดดันได้
หวังหลินขมวดคิ้ว เขาส่งคลื่นพลังปราณเข้าไปแทนที่เส้นด้ายอันเดิมขณะที่เริ่มปรับแต่งต่อ เวลาผ่านไปสักพัก หวังหลินส่งคลื่นพลังปราณออกไป แต่ทุกครั้งก็จะหลงเหลือไว้แต่เพียงเส้นด้ายขนาดเล็กเพียงเส้นเดียว
ภายใต้การฉีดพลังปราณเข้าไปอย่างต่อเนื่อง อัตราที่เส้นด้ายสีน้ำเงินเข้มจะหายไปก็น้อยกว่าความเร็วที่หวังหลินทดแทนเข้าไปได้ ในที่สุดหลังจากผ่านมานานหลายชั่วโมง การปรับแต่งก็เสร็จสิ้น
แม้ว่าหวังหลินจะเหนื่อย ดวงตาเขากลับเรืองแสงอย่างประหลาด
บอลน้ำแข็งได้หดขนาดลงเหลือเท่าเมล็ดข้าว สีเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเข้มเป็นสีฟ้า เมล็ดข้าวสีฟ้านี้ร้อยเรียงจากเส้นด้ายปราณสีน้ำเงินเข้มเปล่งกลิ่นอายอันตรายอย่างมาก
หวังหลินหรี่สายตาขึ้นพลางจับเมล็ดข้าวและออกจากถ้ำไป เขาหยุดอยู่บนอากาศชั่วขณะจากนั้นพุ่งไปยังป่าใกล้ๆ เขาสบัดแขนส่งเมล็ดข้าวปะทะกับต้นไม้ใกล้ๆ
แสงสีฟ้าเรืองออกมา ต้นไม้กลายเป็นน้ำแข็งทันที ระลอกสีน้ำเงินเข้มปรากฏขึ้น ทันใดนั้นใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนสีและถอยหลังกลับ ในพริบตาเดียวทุกสิ่งทุกอย่างระยะสามร้อยเมตรกลายเป็นโลกสีฟ้าดุจยุคน้ำแข็ง
ในรัศมีสามร้อยเมตร ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สัตว์ ดอกไม้ แมลง หรือแมลงที่อยู่ใต้ดิน สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในระยะสามร้อยเมตรตายในทันที
แม้แต่หวังหลินเองก็ถูกแสงสีน้ำเงินกระทบ ทำให้ร่างกายเริ่มแข็งตัวราวกับมีคลื่นพลังงานเย็นแทรกเข้ามาใน นับว่าดีที่พลังงานนั้นเป็นสิ่งเดียวกันกับพลังปราณในร่างหวังหลิน พอถูกเขาดูดซับ หวังหลินก็ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวได้
หวังหลินมองไปที่ใจกลางจุดระเบิด เขาไม่แน่ใจนักว่าจะปกติครบสามสิบสองส่วนอยู่ไหมหากยังอยู่ใจกลางจุดระเบิดแห่งนั้น
พูดได้ว่าเมล็ดสีฟ้าที่ถูกเขาปรับแต่งโดยใช้เพียงด้ายสีน้ำเงินเข้มในร่างกายเขานี้ ไม่มีอะไรที่คล้ายกับแบบนี้ได้แน่
หวังหลินพึมพำกับตัวเอง “เมล็ดสีฟ้านี่คือสมบัติเซียนที่ดีที่สุดที่ข้ามี”
หลังจากยืนเงียบๆสักพักเขาก็หันหลังกลับและจากมา หวังหลินกลับไปที่ถ้ำ เขาใช้เวลามากมายเพื่อผลิตเมล็ดสีฟ้านี้ขึ้นไปอีก
เริ่มจากที่เมล็ดขนาดเล็ก หวังหลินถอนหายใจและเก็บมันไว้ สร้างเพิ่มขึ้นอีกอันโดยใช้พลังปราณจำนวนมาก หลังจากสร้างไปสองอันดูเหมือนเขาจะอ่อนแรงลงอย่างมาก
แม้ว่าเมล็ดจะแข็งแกร่งแต่การสร้างมันกลับใช้พลังปราณมหาศาล หวังหลินยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนพลันนำน้ำเต้าพลังปราณออกมาดื่มมันลงไปเพื่อฟื้นฟู ยามดึกผ่านมาอีกครั้ง เขาได้ฟื้นฟูพลังปราณได้ประมาณ 7-8 ส่วน
หวังหลินหรี่ตา เริ่มปรับแต่งเมล็ดสีฟ้าเพิ่มขึ้นอีก
สามวันผ่านไป เมล็ดข้าวทั้งสามลอยอยู่ด้านหน้าหวังหลิน สีหน้าเขาดูเคร่งเครียดอย่างมาก สามอันนี้ดูเหมือนจะเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะลองสร้างอันที่สี่ แต่ทุกครั้งที่เขาพยายาม หนึ่งในสามอันก่อนหน้านี้จะสลายไป หลังจากทดลองอยู่หลายครั้ง หวังหลินก็ยกเลิกความคิดที่จะสร้างอันที่สี่
หลังจากสังเกตการณ์อยู่สามวัน แม้ว่าพลังของเมล็ดข้าวจะมหาศาลเพียงพอ มันก็ยังไม่พอที่จะทำอันตรายกับเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้
หากเขาโยนเมล็ดพวกนี้สักสิบอัน คงพอมีโอกาสอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร หวังหลินก็ไม่สามารถสร้างเมล็ดที่สี่ได้ หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หวังหลินก็มีความคิดใหม่ หากเขารวมทั้งสามอันกลายเป็นหนึ่ง เมื่อนั้นพลังของมันต้องเพิ่มขึ้นมากแน่ๆ และตั้งแต่เขาเหลือเพียงอันเดียว เมื่อนั้นเขาก็ควรจะสร้างมันเพิ่มขึ้นอีกได้
คิดได้เช่นนี้ หวังหลินลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะวางค่ายกลป้องกันด้วยหินรอบๆ หลังจากนั้นก็นำยันต์เซียนที่เขาขโมยได้ออกมา นั่งลงกับพื้นนำเมล็ดข้าวทั้งสองเข้าไปใกล้ๆกัน
หัวใจหวังหลินเต้นพองโตราวกับกำลังจะออกมาจากหน้าอก เขาเตรียมตัวหนีหากเกิดอะไรขึ้น ไม่นานนักเมล็ดข้าวทั้งสองก็สัมผัสกัน
หวังหลินเห็นภาพมายาภาพหนึ่ง ราวกับเวลาหยุดนิ่งเมื่อทั้งสองเมล็ดสัมผัสกัน
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองเมล็ดก็รวมกลายเป็นหนึ่งโดยไร้สิ้นเสียง เมล็ดอันใหม่ไม่ต่างจากอันอื่นแต่เพียงมีสีที่เข้มขึ้น
หวังหลินจดจ้อง หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่เขาก็รวมเมล็ดอันใหม่นั้นกับเมล็ดที่เหลือ
เมื่อเมล็ดทั้งสองสัมผัสกัน มีประกายแสงสีฟ้าวูบวาบ ทันใดนั้นใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนไป เขาใช้หนึ่งในวิชาเคลื่อนย้ายที่เหลืออยู่นั้นเพื่อหนีออกจากห้อง ขณะที่เขาหายตัวไปแสงสีฟ้าขยายออกและทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีหนึ่งลี้ได้กลายเป็นโลกน้ำแข็งทันที
หวังหลินปรากฏตัวห่างไปหนึ่งลี้ แม้ว่าเขาจะอยู่นอกแสงสีฟ้าแต่ก็ยังรู้สึกหนาวสั่นผ่านฝ่าเท้า
หวังหลินเริ่มวิเคราะห์สภาพด้านหน้า แม้ว่าฃจะเสียเคลื่อนย้ายระยะไกลไปหนึ่งครั้งมันก็คุ้มค่า ดูเหมือนว่าการผสมสองเมล็ดคือขีดจำกัดเขาตอนนี้ เมื่อเขาพยายามเมล็ดที่สาม มันจะระเบิดทันที
หวังหลินไม่ได้ใช้ถ้ำนั้นอีกต่อไป เขาพบสถานที่แห่งใหม่และสร้างเป็นถ้ำขนาดใหญ่
ใช้เวลาไปไม่กี่วัน หวังหลินได้เติมเมล็ดตัวช่วยของเขาอีกครั้ง เขาควบคุมให้มันผสมด้วยกันได้ง่ายๆและในที่สุดก็สร้างชิ้นที่สี่ได้สำเร็จ ซึ่งมันยืนยันสมมติฐานครั้งก่อนที่ว่าเมล็ดที่สามคือสูงสุดของเขา แต่หากเขารวมเข้ากันกลายเป็นหนึ่งชิ้น ก็จะนับได้เป็นหนึ่ง
เมล็ดที่สามและสี่รวมเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นหวังหลินก็เก็บทั้งสามนี้ใส่กระเป๋าด้วยความระมัดระวัง สองในนั้นเป็นสีเข้มกว่าอีกหนึ่งเมล็ด
หลังจากเรื่องเมล็ดสีฟ้าทั้งหมดนี้ หนึ่งเดือนได้ผ่านไป มันใกล้จะถึงเวลาที่หุบจูหมิงได้เปิดขึ้นแล้ว
หวังหลินนั่งขัดสมาธิบนพื้น หลังจากฝึกตนอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ลืมตาปล่อยแสงสีเขียวออกมา กระบี่สีเขียวส่งเสียงกระหึ่มรอบตัวหวังหลินราวกับมีสติปัญญา หวังหลินชูมือขึ้นทันใดนั้นกระบี่ร่อนลงบนฝ่ามือ หวังหลินจับกระบี่และรู้สึกถึงความหนาวเย็นเสียดกระดูก
กระบี่เขียวเล่มเล็กนี้ถูกเขาชำระล้างด้วยโลหิต ดังนั้นเมื่อพลังปราณของเขาเปลี่ยนไป จึงทำให้กระบี่เหินเล่มนี้ได้รับคุณสมบัติขอบเขตจวี่ด้วยเช่นเดียวกัน
ขณะที่หวังหลินต้องการจะใช้พลังปราณที่เปลี่ยนไปนี้ในการขัดเกลากระบี่เหิน ทันใดนั้นหวังหลินก็หยุดลง เขาสังเกตได้ว่ามีแสงกระบี่มากกว่าร้อยเล่มพุ่งตรงมาทิศทางเขา ดูเหมือนพวกคนทั้งหมดกำลังไล่ล่าคนเพียงคนเดียว
ใบหน้าหวังหลินเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งพร้อมกับพึมพำออกมา “คนผู้นั้น...”
.........................