ตอนที่ 11 จงเงียบไว้
หวังตงหยางไม่เคยเห็นพี่ใหญ่ของตนกระวนกระวายเช่นนี้มาก่อน ยามนี้ไม่กล้ารีรอและรีบไปเอาโอสถถอนพิษระดับสามขั้นสูงสุดมา
โอสถถอนพิษชนิดนี้เป็นชนิดที่ใช้ถอนพิษได้ทั่วไป นั่นหมายความว่า สามารถรักษาอาการบาดเจ็บจากพิษได้ทุกชนิด แต่ผลของโอสถก็ขึ้นอยู่กับว่าคนผู้นั้นถูกพิษชนิดใดมา
ซึ่งโอสถถอนพิษนี้สามารถรักษาได้เฉพาะพิษธรรมดาทั่วไปเท่านั้น เพราะเหตุนี้มันจึงเป็นที่นิยมใช้กันในวงกว้าง และเป็นชนิดที่ใช้ค่อนข้างได้ผลมากที่สุด
แต่ในสายตาของเย่หยวน โอสถถอนพิษชนิดนี้ จัดว่าเป็นยาถอนพิษที่ใช้สำหรับพิษที่มีความรุนแรงไม่มาก และมันน่าจะใช้รักษาพิษที่มีความรุนแรงเพียงระดับหนึ่งหรือสองเท่านั้น
ระดับของโอสถถอนพิษมีสูงถึงระดับห้า และเมื่อใดก็ตามที่ถูกพิษที่มีความรุนแรงเหนือระดับห้าขึ้นไป แน่นอนว่า โอสถถอนพิษย่อมช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้นัก นั่นเพราะว่าพิษที่มีความรุนแรงเหนือระดับห้าขึ้นไปจัดว่าเป็นพิษชนิดพิเศษที่พบได้น้อยมาก โอสถถอนพิษจึงใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
โอสถถอนพิษชนิดนี้หลอมขึ้นมาโดยหวังตงไห่ และในรัฐฉินนี้ก็จัดว่ามิใช่โอสถถอนพิษธรรมดา ชั่วชีวิตที่เป็นนักหลอมโอสถของเขา… นี่คือโอสถถอนพิษระดับสามคุณภาพสูงอันดับต้นๆที่เขาเคยหลอมกลั่นขึ้นมา แม้เต่เย่ฮานเอง… ก็ยังไม่สามารถปรุงโอสถแก้พิษคุณภาพสูงเช่นนี้ได้
แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเซียนโอสถ แต่ทั้งสองคนต่างก็มีความชำนาญเฉพาะด้านของตน เย่ฮานนั้นด้อยกว่าในด้านการจัดการกับพิษ ซึ่งนี่คือเหตุผลว่า ทำไมเย่ฮานจึงให้เย่หยวนกินโอสถถอนพิษระดับสามที่คุณภาพต่ำเช่นนั้นไป ในขณะที่หวังตงไห่กลับสามารถปรุงยาถอนพิษระดับสามได้ดีกว่า
โอสถถอนพิษนี้บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญที่หาผู้ใดเปรียบไม่ในรัฐฉินนี้ แม้แต่ท่านลุงเฉินก็มิอาจเทียบความสามารถด้านนี้กับหวังตงไห่ได้
เมื่อหวังตงหยาง ยื่นโอสถเม็ดนี้ให้กับหวังตงไห่ ใบหน้าเขาก็กระตุกอย่างแรง จะให้โอสถคุณภาพดีแบบนี้กับขี้ข้าอย่างหลิวอัน ช่างเสียของโดยแท้...
หวังตงไห่รับโอสถเม็ดนั้นไว้ ก่อนเหลียวจับจ้องไปที่เย่หยวนพลางส่งเสียงพึมพำในลำคอ โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ในวันนี้ เขาได้พ่ายแพ้ให้แก่เจ้าหนุ่มน้อยเสียแล้ว
เย่หยวนยืนนิ่งไม่ไหวติงมองหวังตงไห่ด้วยสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ใดปรากฏ
หวังตงไห่พับแขนเสื้อของเขาขึ้น พร้อมเข้าประคองร่างหลิวอันลุกขึ้นนั่งอย่างไม่เต็มใจ ดัชนีหวังตงไห่จี้จุดไปที่ร่างหลิวอันอย่างรวดเร็ว ฝูงชนยังคงเห็นภาพนิ้ว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสูดไอเย็นอีกระลอก
แต่ละดัชนีของหวังตงไห่ที่จี้สกัดจุดลงไปบนร่างของหลิวอัน เขาก็ร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด และเมื่อนิ้วสุดท้ายจี้สกัดลงไป หลิวอันพลันอ้าปากกว้างกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด หวังตงไห่หาได้ลังเลและรีบนำโอสถถอนพิษกรอกเข้าปากของหลิวอันทันที
หลังจากที่หลิวอันกลืนโอสถเม็ดนั้นลงไปแล้ว หวังตงไห่ก็หยุดการเคลื่อนไหวของเขาทันที หลิวอันที่ตอนนี้สูญเสียการทรงตัว ได้ทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหนึ่ง
แปะ…แปะ…แปะ…
ณ เวลานี้ เสียงปรบมือเสียงชื่นชมดังไปทั่ว เย่หยวนถอนหายใจและยิ้มออกมา
“ข้าได้ยินนามขาน ดัชนีล่องหนของท่านเจ้าสำนักหวังมานานแล้ว ร่ำลือกันว่า ดัชนีล่องหนนี้ช่างล้ำเลิศ สามารถปลุกคนตายให้คืนชีพ และสามารถทำให้ผู้คนมีชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าตายก็ได้ ได้พบเห็นในวันนี้ ถือว่าเป็นบุญตาของข้าจริงๆ ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!!”
หวังตงไห่หอบเล็กน้อยตระหนี่เป็นจังหวะ แน่ชัดแล้วว่าการสำแดงใช้กระบวนท่านี้มิใช่เรื่องง่าย เมื่อได้ยินคำชื่นชมที่แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันของเย่หยวนแล้ว ทำให้เขาแทบอยากจะฆ่าคนด้วยมือเปล่า
“อื้ม! โดยไม่ต้องสนใจว่าเป็นพิษอะไร ด้วยดัชนีล่องหนนี้และโอสถถอนพิษที่ข้าหลอมขึ้นมา เขาจะดีขึ้นราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว”
ไม่ใช่เพราะว่าหวังตงไห่เป็นคนโอ้อวด แต่ในรัฐฉินนี้เขายังไม่เคยเผชิญหน้ากับปัญหาใด แล้วเขาไม่สามารถแก้ไขได้
“นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดี คราวนี้ก็รอดูว่า…อาการของชายผู้นี้จะเป็นเช่นไร และข้าหวังว่าเขาจะปลอดภัย”
เย่หยวนถอนหายใจ
น้ำเสียงของเย่หยวนช่างดูจริงใจราวกับว่าหลิวอันเป็นสหายเก่าแก่ของเขามานานหลายปี แต่สำหรับหวังตงไห่แล้ว คำพูดนั้นฟังราวกับเป็นคำเตือนล่วงหน้า
และราวกับจะยืนยันความคิดของหวังตงไห่ได้ทันทีที่เย่หยวนพูดจบ ทันใดนั้นหลิวอันก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
หน้าของหวังตงไห่ซีดลงทันที เขารีบเข้าไปประคองหลิวอัน และถามว่า
“เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”
“ทะ-ท่านผู้นำ ข้าเจ็บ...อ๊าก…ข้าเจ็บเจียนตายแล้ว!”
อาการที่ค่อยๆทุเลาลงของหลิวอันกลับปะทุขึ้นมาอีก เขาเจ็บปวดมาก จนนอนกลิ้งตกจากเตียงมาที่พื้น
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า…การรักษาเมื่อครู่ของหวังตงไห่มันไม่ได้ผล สิ่งนี้มิได้ช่วยถอนพิษออกจากร่างกาย แต่กลับไปกระตุ้นพิษในร่างกายของหลิวอันทำให้ยิ่งกำเริบแรงขึ้น
“ทำไม…ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”
หวังตงไห่สับสนอย่างมาก แม้ว่าผลการรักษาในตอนนี้จะไม่เป็นที่พอใจนัก แต่เขาก็ทำสุดความสามารถแล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่า พิษในตัวของหลินอันจะไม่ได้รับการถอน แต่กลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
หลิวอันนอนกลิ้งไปมากับพื้นด้วยความเจ็บปวด และยังคงไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเขา
“โอ้ว…แย่แล้ว?? ท่านผู้นำหวังดูเหมือนว่าดัชนีล่องหนกับโอสถถอนพิษของท่านใช้ไม่ได้ผล ซ้ำยังทำให้อาการของชายผู้นี้แย่ลงอีกด้วย ท่านดูสิ…อาการพิษของเขากำเริบหนักกว่าก่อนหน้านัก ข้าทนดูไม่ได้แล้ว หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ท่านผู้นำหวังจะไม่มีวิธีอื่นสำหรับรักษาเขาแล้ว? คฤหาสน์ดวงดาวแห่งนี้ร่ำลือกันว่าเป็นอันดับหนึ่งในเมืองนี้มิใช่หรือ!”
เย่หยวนตั้งคำถามเพื่อปลุกระดมฝูงชนโดยรอบทันที
หวังตงไห่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาชี้หน้าเย่หยวนพร้อมตะโกนว่า
“ไอ้สารเลว! เจ้าเอาอะไรให้เขากิน? เจ้าคิดจะใส่ความคฤหาสน์ดวงดาวของพวกเรารึ? อย่างเจ้าหรือจะมีคุณสมบัตินั้น!”
เย่หยวนแสร้งทำเป็นตกใจและตอบว่า
“เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนั้นเล่าท่านผู้นำหวัง? ดังคำกล่าวว่า สร้างเจดีย์เจ็ดชั้นหรือจะสู้การช่วยหนึ่งชีวิต แล้วเหตุใด… ท่านจึงพูดกับข้าเช่นนี้? ชายผู้นี้กำลังทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด ข้าจะทนนิ่งดูดายได้อย่างไร? หรือว่าคฤหาสน์ดวงดาวนี้หาได้เก่งกาจสมดังคำร่ำลือ จึงไม่สามารถรักษาอาการถูกพิษของชายท่านนี้ได้”
“เจ้า!!”
นี่หากไม่ใช่เพราะประโยคสุดท้ายของเย่หยวน หวังตงไห่คงกระทืบเท้าออกไปจากที่นี่ทันที
ขณะที่เย่หยวนจ้องมองร่างที่เจ็บปวดอยู่นั้น เขาก็เอนตัวลงไปพูดกับหลิวอัน ว่า
“พี่ชายท่านนี้… ข้าได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว เสาะหาทั่วทั้งเมือง หากแม้แต่คฤหาสน์ดวงดาวก็ยังไม่สามารถช่วยชีวิตของท่านได้ ข้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อท่านไปสู่ปรภพก็อย่าได้ตำหนิข้าเลย”
หลิวอันที่ตอนนี้ไม่ต่างกับคนที่ตายไปแล้วครึ่งตัว เมื่อได้ยินคำพูดของเย่หยวนก็กลับพยายามฮึดขึ้นมา ใบหน้าที่หมองคล้ำ สายตาที่ไร้ชีวิตชีวา กลับมาเป็นประกายอีกครั้ง...
“ทะ-ท่านผู้นำหวัง! ได้โปรด ชะ-ช่วยชีวิตข้าด้วยเถิด ข้าช่วยท่าน ขะ-ขาย…”
หลิวอันทรมานกับความเจ็บปวดอย่างมาก เขาฝืนตัวเองให้พูดออกมาได้เพียงสองสามคำ
มาถึงตอนนี้…หลิวอันถูกเย่หยวนกระตุ้นให้คิดเพียงเรื่องจะเอาชีวิตรอดเท่านั้น คำพูดในประโยคที่สองของเขา ราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาใส่หวังตงไห่ แท้ที่จริงแล้วหวังตงไห่กำลังโกรธเย่หยวนสุดหัวใจ แต่ตอนนี้… เหงื่อเย็นกลับไหลบ่าท่วมร่างของเขาแทน
หวังตงไห่ไม่ปลอยให้หลิวอันพูดจนจบ เขารีบเอนตัวลงกล่าวตอบหลิวอันว่า
“อย่าได้กังวลไปเลย ข้าต้องรักษาเจ้าให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
ดวงตาของหวังตงไห่เต็มไปด้วยความจริงใจ ต่างจากความจริงใจที่เสแสร้งของเย่หยวน ความรู้สึกที่เขามีให้กับหลิวอัน ราวกับว่าพวกเขาเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกันมา
ณ เวลานี้…ความอึดอัดไม่สบายใจที่ถูกเย่หยวนปลุกปั่นนั้น กลับค่อยๆสงบลงและแทนที่ด้วยความสงบเยือกเย็น
“ทะ-ท่าน จะ-เจ้านั่น…บอกกับข้าว่า พิษ…นั้นเรียกว่า พิษทะลวงเครื่องใน”
หลังจากพูดจบ หลิวอันก็นิ่งเงียบไป
“พิษทะลวงเครื่องใน…พิษทะลวงเครื่องในงั้นหรือ…” หวังตงไห่ พึมพำชื่อนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ในขณะที่คิ้วก็ขมวดเข้าหากันมากขึ้น
ยิ่งเขาพูดชื่อนั้นซ้ำไปซ้ำมามากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกราวกับเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนมาก่อน
“พิษทะลวงเครื่องในอย่างนั้นรึ? พิษทะลวง…เครื่องใน?! ใช่แล้ว…พิษทะลวงเครื่องใน?! แต่...แต่จะ-เจ้าขยะนั่นรู้จักพิษทะลวงเครื่องในได้อย่างไรกัน?”
นัยน์ตาของหวังตงไห่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หวังตงไห่พยายามรื้อฟื้นความทรงจำขึ้นทันที เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน น่าจะเป็นเมื่อหลายปีก่อนนี้ ตอนที่อาจารย์ของเขาพูดถึงชื่อนี้!
เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนนั้น…อาจารย์ของเขาเคยบอกไว้ว่า พิษชนิดนี้เป็นพิษร้ายแรงมากและไม่สามารถรักษาได้ พิษทะลวงเครื่องในนี้ แม้มิใช่พิษขั้นสูงอะไร ซึ่งความจริงแล้ว…มันเป็นเพียงพิษที่ค่อนข้างรุนแรงในบรรดาพิษระดับหนึ่งเท่านั้น ทว่านั้นกลับไม่มีวิธีรักษาที่ถูกต้องปรากฏเด่นชัด และท่านอาจารย์ของเขาผู้เป็นถึงราชันโอสถเสมือนก็บอกไว้เองว่า พิษชนิดนี้ไม่มีทางรักษาได้ ณ ปัจจุบันก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า พิษชนิดนี้ร้ายกาจเพียงใด
แต่...เย่หยวนจะหลอมโอสถพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? เว้นแต่จะเป็นฝีมือของเย่ฮาน?
ตอนนี้…หวังตงไห่ไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้นอีก หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขารู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะทำเช่นไรก็ไม่มีทางช่วยชีวิตหลิวอันไว้ได้แน่
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เขาจำต้องเสียสละชีวิตของหลิวอัน!
ชื่อเสียงของเขาสำคัญกว่ามากนัก แต่หากเรื่องไส้ศึกในหมู่นักล่า ได้ถูกเปิดเผยออกไป ผลกระทบที่มีต่อคฤหาสน์ดวงดาวจะยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น จากคำพูดของหลิวอัน ที่ยังพูดไม่จบประโยคเมื่อครู่นี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า หากหวังตงไห่ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เขาจะต้องเปิดเผยด้านมืดของคฤหาสน์ดวงดาวต่อหน้าผู้คนอย่างแน่นอน หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้นผลที่ตามมาก็คงจะคาดเดาได้ยาก
หวังตงไห่สูดลมหายใจลึก และถอนหายใจ…“พิษชนิดนี้แพร่ลึกเข้าสู่ภายในมากแล้ว ข้าคงไร้ความสามารถแล้วตอนนี้เหลือเพียงหนทางสุดท้าย”
เมื่อพูดจบ…เขาก็สั่งให้คนจับหลิวอันขึ้นนั่ง สองมือยกขึ้นพับแขนเสื้อของตนอีกครั้ง และเริ่มใช้ดัชนีล่องหนเป็นคำรบสอง ทว่าคราวนี้กลับรุนแรงกว่าคราก่อนหน้ามาก
รอบตัวหลิวอันสว่างจ้า ทำให้เขาเห็นภาพลวงตา หวังตงไห่รมดลพลังปราณสร้างก่อลมพายุรอบตัวรุนแรง จนผู้คนไม่สามารถลืมตาได้
ขณะที่เย่หยวนยังคงจ้องมองพฤติกรรมของหวังตงไห่ รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าของเขา ดัชนีล่องหนนี้ อาจเป็นหนึ่งในวรยุทธสำหรับการต่อสู้ แต่ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการรักษาได้เช่นกัน ในคัมภีร์ศาสตร์โอสถแห่งเต๋าเคยกล่าวไว้ ในความคิดของเย่หยวน มันช่างเชื่องช้า แต่ก็ทำให้เขาเข้าใจกระบวนดัชนีได้มากขึ้น
กระบวนดัชนีนี้สามารถช่วยชีวิตก็ได้หรือทำร้ายผู้อื่นก็ดีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากตัดสินใจใช้ทำร้ายผู้อื่นมันก็นับเป็นวิธีสังหารชีวิตที่โหดร้ายเหลือเกิน กระบวนดัชนีนี้ใช้จี้สกัดจุดต่างๆบนร่างกายเช่นเดียวกับการฝังเข็ม แต่ตอนนี้ บริเวณที่หวังตงไห่จี้สกัดใส่นั้นล้วนเป็นจุดตายหมายเอาชีวิตอย่างชัดแจ้ง
ถึงกระนั้น…เย่หยวนก็ไม่คิดเปิดโปงเจตนาของหวังตงไห่ ในเมื่อเขาต้องการทำลายคนของเขาเอง เย่หยวนย่อมสงเคราะห์ให้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวนในตอนนี้ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะหวังตงไห่ เพราะตอนนี้กลับอ่อนแอเกินไป
ทันที่หวังตงไห่หยุดใช้ดัชนีล่องหน ร่างของหลิวอันก็หยุดหายใจทันทีและค่อยๆทรุดลงกับพื้น
“ช่างน่าทึ่งมาก…ท่านผู้นำหวัง! ท่านสำแดงใช้กระบวนดัชนีอันเลื่องลือ แล้วสามารถรักษาเขาจนตายได้! ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก! ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก!”
เย่หยวนร้องอุทานขึ้นพร้อมยิ้มบางเช่นเดิม
…………………………….