0006 ปรับสูตรโอสถ

 ตอนที่ 6 ปรับสูตรโอสถ

ทันทีที่โอสถตกถึงท้อง เขาก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น ราวกับว่าอาการทั่วร่างได้ผ่อนคลายไม่น้อย

ประสิทธิภาพของโอสถตัวนี้ได้ผล!

ท่าทางที่ดีขึ้นของเขา ทำให้เย่หยวนรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น เมื่อเขาได้กลืนโอสถบำรุงหัวใจระดับสูงลงไป เย่หยวนก็ทำการจับชีพจรของเขาต่อทันที

“ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

เย่หยวนถามด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

  “ขอบคุณท่านมาก นายน้อยเย่...ข้าต้องขอโทษจริงๆ ที่ข้ากล่าวเช่นนั้นไป โปรดมองข้ามสิ่งที่ข้ากล่าวเมื่อครู่นี้ไปด้วยเถิด อย่างไรก็ตาม...ข้าไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินท่านแต่อย่างใด แต่ข้าไม่เคยได้ยินสัตว์อสูรชื่องูเมฆาเจ็ดสีมาก่อนเลย”

หลิวอันยังไม่ลืมภารกิจที่ต้องทำ ดังนั้นเมื่อดีขึ้น เขาจึงถามต่อในทันที

หลังจากความสนใจของทุกคนได้เปลี่ยนเป็นเรื่องอาการของหลิวอัน ทำให้ลืมเรื่องของเย่หยวนไปในทันที แต่เมื่อเขาเริ่มถามเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของทุกคนที่จับจ้องไปยังเย่หยวนด้วยสายตาแสนดูถูก

  เย่หยวนยิ้มพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“อันที่จริง งูเมฆาเจ็ดสีนั้น เป็นชนิดงูที่กลายพันธุ์มาจากงูเจ็ดปีศาจ เพียงแค่ว่างูเจ็ดปีศาจนั้นสามารถพบเจอได้ตามปกติ ในขณะที่งูเมฆาเจ็ดสีจะพบได้ยากกว่ามาก งูพวกนั้นจะมีคุณสมบัติธาตุหยิน ดังนั้นพิษงูส่วนใหญ่จึงเป็นธาตุหยิน แต่ก็ยังมีงูบางชนิดที่มีพิษธาตุหยาง และสิ่งที่นักล่าสัตว์อสูรผู้นี้พบคืองูเมฆาเจ็ดสีที่เป็นธาตุหยาง ลักษณะของงูเมฆาเจ็ดสีนั้นแทบไม่แตกต่างจากงูเจ็ดปีศาจเลย แต่อย่างไรก็ตาม...ที่มันได้ชื่อว่า เมฆาเจ็ดสีเพราะลายผิวหนังของมันจะมีลายคล้ายๆเมฆาเจ็ดสีตามชื่อ”

เนื่องจากสัตว์ปีศาจตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่ ดังนั้นนายพรานจึงไม่มีทางสังเกตได้อย่างละเอียดว่า… รอบตัวของงูมันมี ลายเมฆาเจ็ดสีจริงหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้...เขาจึงแยกไม่สามารถออกระหว่าง งูเมฆาเจ็ดสี กับ งูเจ็ดปีศาจ ได้นั้นเอง

“สัตว์อสูรทั้งสองตัวนี้มีธาตุที่ต่างกัน ดังนั้นหากพวกเราใช้โอสถแก้พิษธาตุหยางเพื่อไปล้างพิษหยางล่ะก็ นายพรานผู้นี้ถึงแก่ความตายแน่นอน”

  เมื่อเย่หยวนพูดเสร็จ เขาก็สังเกตทางทีของเฉินเหมียวคล้ายฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

สิ่งที่เย่หยวนพูดมานั้นฟังดูน่าเชื่อถืออย่างไม่มีข้อสงสัยใด ถ้าคนๆนี้กำลังทรมานอยู่ด้วยพิษธาตุหยางจริงๆ แล้วเขาให้โอสถแก้พิษธาตุหยางซ้ำไป มันจะเป็นอันตรายต่อเขาถึงชีวิต

  อย่างไรก็ตาม เขาทั้งประหลาดใจและงงงวยกับเหตุการณ์ตอนนี้มาก นายน้อยเย่สามารถวินิจฉัยพิษนี้ได้อย่างไร? แม้สัตว์อสูรที่เย่หยวนกล่าวขึ้น เขาจะไม่รู้จักมาก่อนก็ตาม แต่นายน้อยเย่รู้ได้อย่างไรว่า พิษชนิดนี้มันแตกต่างกับพิษของงูเจ็ดปีศาจ?

  “แม้ว่าสัตว์อสูรที่เจ้าเรียกว่า งูเมฆาเจ็ดสี นั้นจะมีอยู่จริง แล้วเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่า นักล่าสัตว์อสูรท่านนี้โดนพิษของงูเมฆาเจ็ดสีจริงๆ?”

เฉินเหมียวเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น

  เย่หยวนยิ้มและตอบกลับว่า

“มันจะยากอันใด? เพราะงูเมฆาเจ็ดสีและงูเจ็ดปีศาจจะมีบรรพบุรุษเป็นสายพันธุ์เดียวกัน ดังนั้นอาการเมื่อโดนพิษจึงคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันทั้งหมด… ท่านลองกดจุดใต้รักแร้ของนักล่าท่านนี้ดู จุดที่ว่าห่างจากรักแร้เจ็ดนิ้วลงมา”

  ชายร่างกำยำงงงวยเป็นอย่างมากในตอนนี้ เมื่อเฉินเหมียวพยักหน้าและได้ทำตามนายน้อยเย่กล่าว เขาวัดช่วงเจ็ดนิ้วใต้รักแร้ลงมาและลองกดทันที

แม้แรงที่กดไปจะไม่แรงมากนัก แต่นายพรานคนนี้แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดอย่างมากออกมาชัดเจน

หลังจากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมา

เลือดที่กระอักพ่นออกมาจากปากนั้นกระเด็นเลอะทั่วพื้นพร้อมส่งกลิ่นเหม็นออกมา  คนที่สูดดมกลิ่นนี้เขาไป ต่างวิงเวียนศีรษะ...เห็นได้ชัดว่า พิษนี้ร้ายแรงแค่ไหน

  “นี่มัน...”

เฉินเหมียวประหลาดใจอย่างมาก นักล่าสัตว์อสูรส่วนใหญ่มักจะโดนพิษของงูเจ็ดปีศาจ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะด่วนสรุปว่า นักล่าสัตว์อสูรคนนี้ก็โดนพิษชนิดนี้เช่นกัน  แต่อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าลักษณะของพิษงูเจ็ดปีศาจเป็นอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้ามันทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่

  แม้พิษของงูเจ็ดปีศาจจะมีฤทธิ์รุนแรงขนาดไหน แต่ก็ยังห่างไกลกับพิษที่อยู่ตรงหน้านี้มาก

  เมื่อเขาเห็นภาพฉากที่ปรากฏ เขาก็ยอมรับผิดทันทีว่า การวินิจฉัยของเขาผิดพลาดจริงๆ แต่การที่จะกล่าวขอโทษเย่หยวนต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวสนทนากับเย่หยวนด้วยถ้อยคำที่อ่อนลงคล้ายมีอะไรซ่อนอยู่

นอกจากนี้ลักษณะคำพูดระหว่างกล่าวกับเย่หยวนก็ยังเปลี่ยนอีกด้วย จากเรียกเย่หยวนกลับกลายมาเป็นหยวนเอ๋อแทน เพราะตอนนี้เขาดูจะเอ็นดูเย่หยวนเป็นอย่างมาก โดยธรรมชาติ ด้วยสถานะของเฉินเหมียว เขาย่อมสามารถเรียกอีกฝ่ายว่า หยวนเอ๋อได้

  อย่างไรก็ตามคำถามเหล่านี้ก็ยังทำให้คนรอบบริเวณฉงนใจยิ่งยวด

“หากได้รับพิษธาตุหยินจำต้องรักษาด้วยธาตุหยาง และหากได้รับพิษธาตุหยางก็ต้องรักษาด้วยธาตุหยิน ท่านลุงเฉิน ท่านเองก็มีความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถลึกซึ้งยิ่ง ดังนั้นใบสั่งโอสถอันล่าสุดนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ก็แค่สับเปลี่ยนสมุนไพรบางตัวที่มีธาตุหยางให้เป็นยาธาตุหยิน ในส่วนของหญ้าเขียวกับโสมทับทิมแดงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เนื่องจากทั้งคู่เป็นเพียงสมุนไพรธาตุกลางทั่วไป แต่แกนอสูรนกอินทรีนั้นเป็นยาธาตุหยาง แม้แกนอสูรอินทรีที่มีฤทธิ์พิฆาตพิษงูเจ็ดปีศาจเป็นอย่างดีก็เถิด แต่พิษนี้มันก็มิใช่ของงูเจ็ดปีศาจ ดังนั้นควรเปลี่ยนจากแกนอสูรนกอินทรี เป็นแกนอสูรพังพอนลายอัสนี เท่านี้ก็ทำให้อาการทุเลาลงได้ แต่เนื่องจากพิษงูเมฆาเจ็ดสีนั้นมีฤทธิ์เผาไหม้อย่างรุนแรง...ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะเพิ่ม ดอกลำโพงแกะสลักซึ่งอุดมไปด้วยธาตุหยินลงไปด้วยจะดีที่สุด”

  เย่หยวนร่ายอธิบายได้อย่างคล่องแคล่วราวกับผู้ที่แตกฉานในด้านโอสถอย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่เขาพูดออกมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นศัพท์ที่มีแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโอสถเท่านั้นที่จะเข้าใจ ดังนั้นคนรอบข้างที่ได้ฟังจึงไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

  ลู่เอ๋อมองไปยังนายหนุ่มของเขาและรู้สึกว่า...ไฉนวันนี้เขาช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน

  “ทะ-ท่านอาจารย์ฉิน...สิ่งที่เขาพูดมันเป็นความจริงหรือไม่?”

ชายร่างกำยำถามอย่างลังเล

  เฉินเหมียวเหลือบมองชายร่างกำยำ พร้อมส่ายหัวพร้อมรอยยิ้มที่ขมขื่นและกล่าวว่า

“ด้วยความสัตย์จริง ข้าปราศจากมั่นใจยิ่งในตอนนี้...แต่สิ่งที่ข้าการันตีได้เลยก็คือ เลือดที่จะกระอักพ่นออกมานั้น เมื่อพินิจดูแล้ว...มันไม่ใช่พิษของงูเจ็ดปีศาจแน่นอน”

  “ตะ-แต่ท่าน...แม้แต่ท่านก็มิอาจมั่นใจได้ว่าสูตรโอสถของเขาจะปลอดภัยใช่ไหม? แล้วข้าจะทำอย่างไร!?”

ไม่ว่าชายผู้นี้จะศรัทธาในหอโอสถแค่ไหน แต่ชื่อเสียงที่แย่ๆของเย่หยวน มันก็เกินกว่าที่เขาจะเชื่อได้จริงๆ เนื่องด้วยความอคตินี้จึงทำให้เขาไม่สามารถไว้วางใจเย่หยวนลงได้

  พิษที่อยู่ในร่างกายของชายผู้นี้ที่ได้รับการวินิจฉัยโดยเย่หยวน อาจเป็นเพียงเรื่องที่กุขึ้นทั้งหมด… ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ ดังนั้นเขาจะมั่นใจได้อย่างไร?

  เฉินเหมียวพร้อมยกยิ้มและกล่าวว่า

“ข้าเองก็มิทราบว่าวิธีที่หยวนเอ๋อกล่าวไปจะรักษาได้จริงหรือไม่ แต่...ข้ารู้สึกได้ว่าวิธีที่เขากล่าวมานั้น มันสามารถรักษาเจ้าได้จริง”

“สิ่งที่ท่านไม่อาจยืนยันได้ว่าปลอดภัย แต่ท่านก็จะให้ผู้เคราะห์ร้ายอย่างข้าทานอีกรึ?”

ในขณะที่มีเสียงถกเถียงกันอย่างดังสนั่น จู่ๆสายตาฝูงชนต่างจับจ้องไปยังประตูและได้เห็นชายผู้หยาบคายเดินมาอย่างรวดเร็ว

  “ทะ-ท่านผู้นำตระกูล” ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆเฉินเหมียวรู้ดีว่า บุคคลที่เพิ่งมาถึงเป็นใคร จึงรับถอยออกมาทันที

ผู้ชายคนนั้นคือ เย่ฮาน

  “ท่านพ่อ?”

“ท่านผู้นำ”

เย่หยวนและเฉินเหมียวได้กล่าวออกมาพร้อมกันทันทีที่เห็นเย่ฮาน

เย่ฮานหยุดอยู่ตรงหน้าเย่หยวนพร้อมพยักหน้าเบาๆอย่างเห็นชอบและโล่งใจ ได้เห็นลูกของตนอธิบายแบบนั้นประจักษ์ต่อสายตาเขา

“ท่านนักล่าสัตว์อสูร แท้จริงแล้ว ท่านถูกพิษของงูเมฆาเจ็ดสีเข้าต่างหาก และมันก็หาใช่พิษของงูเจ็ดปีศาจแต่อย่างใด เนื่องจากวิธีแยกแยะพิษงูทั้งสองชนิดนี้เป็นเรื่องยากมากจึงทำให้อาจารย์เฉินวินิจฉัยผิดพลาด ข้าต้องขออภัยสำหรับเรื่องนี้จริงๆ”

“แล้วก็...ใบสั่งโอสถที่ลูกข้ากล่าวมานั้น มันไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด ท่านสามารถทานมันได้แน่นอน หากเกิดอะไรขึ้น...ทางหอโอสถจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง ท่านคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”

  เย่ฮานนั้นเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงในรัฐฉิน ปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่สามารถพบเขาได้ที่นี่ แถมเขาก็ออกปากเองขนาดนี้ ดังนั้นยังจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาลังเลอีก?

ดูเหมือนว่าเรื่อง นายน้อยตระกูลเย่ผู้ไร้ความสามารถ นั้นเป็นเพียงคำนินทาเกินจริง หรือบางทีมันอาจเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แท้จริงแล้ว… เขาอาจจะมีความสามารถที่แท้จริงซ่อนแฝงอยู่

............................