ตอนที่ 8 ความตายที่ใกล้เข้ามา
ณ ห้องหลอมโอสถทิศตะวันออกของเรือนพักเย่ฮาน
ลู่เอ๋อเบิกตาโตรู้สึกแปลกใจกับเม็ดยาสีดำนวลในมือของเย่หยวน
“โอ้โห… นายน้อย! ท่านกลายเป็นคนน่าทึ่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”
เย่หยวนยิ้มพลางหยิกจมูกสีชมพูของลู่เอ๋อ และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า
“แล้วนายน้อยของเจ้า ไม่น่าทึ่งตั้งแต่เมื่อใดล่ะ?”
เขาเพียงแค่จะหยอกล้อนางเล่นเท่านั้น แต่ลู่เอ๋อกลับจริงจัง นางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าตอบว่า
“เมื่อก่อนนายน้อยน่ะผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ท่านในทางเสียๆหายๆ ข้าก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด แต่ข้านึกเสมอว่านายน้อยของข้าเป็นคนดีและน่าประทับใจ แล้วนี่คือโอสถอะไร?”
เพียงหนึ่งวัน หลังจากที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ ลู่เอ๋อก็กลายเป็นคนสนิทของเขา เย่หยวนอธิบายอย่างไม่ปิดบัง
“มันคือยาพิษ แถมยังมีพิษรุนแรงมาก”
ลู่เอ๋อตกใจและถามว่า “หา? ไฉนท่านถึงหลอมกลั่นของแบบนี้ขึ้นมา?”
เย่หยวน ยิ้ม และตอบว่า
“ก็...หลอมกลั่นมาให้ใครบางคนกิน”
ลู่เอ๋อใคร่ครวญกับคำอธิบาย ก่อนที่จะถามด้วยใบหน้าซื่อๆว่า
“ข้าเข้าใจแล้ว นายน้อยหลอมยาพิษขึ้นมาเพื่อให้คนเลวๆกินนี่เอง”
เย่หยวนหัวเราะเสียงดังพูดว่า
“ไปกันเถอะ… คนเลวใกล้จะมาถึงที่นี่แล้ว เราจะไปคอยเขาที่ห้องโถง”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินตรงไปที่ห้องโถง และสาวใช้ก็มารายงานว่า มีคนผู้หนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดถามหาท่านและตอนนี้เขาก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูเรือนพักของเย่หยวน สั่งให้ไปพาคนผู้นั้นเข้ามาพบ
ชั่วครู่ต่อมา สาวใช้ก็นำคนน่าสงสารผู้นั้นมาที่ห้องโถง เขาคือหลิวอัน
ทันทีที่เห็นเย่หยวน หลิวอันก็วิ่งเข้าไปกอดขาของเขาไว้แน่นและโอดร้องอ้อนวอนว่า
“นายน้อยเย่… ได้โปรดเมตตาช่วยชีวิตข้าด้วยเถิด พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดท่านต้องทำให้ข้าถึงตายด้วย?!”
เย่หยวนมองหลิวอันด้วยสายตาเหยียดหยาม และเตะเขากระเด็นออกไป ก่อนที่จะนั่งลงและพูดว่า
“ไม่มีความแค้นต่อกันอย่างนั้นรึ? นี่เจ้าคงเห็นว่าข้าโง่มากกระมัง? ต่อให้โอสถบำรุงหัวใจของตระกูลเย่จะมีมากเพียงใด พวกเราก็ไม่มีทางนำมาให้กับสุนัขอย่างเจ้ากิน เจ้าจงเลือกเอาเอง จะสารภาพเพื่อแลกกับโอสถถอนพิษ หรือเจ้าจะยอมตายเพราะพิษนั่น?”
หลังจากถูกเย่หยวนเตะกระเด็น หลิวอันก็ไม่กล้าคร่ำครวญแม้แต่นิด แต่กลับคลานเข้าไปใกล้เขามากขึ้น แต่ครั้งนี้ เขาไม่กล้ากอดเข่าเย่หยวนอีก แต่เพราะตอนนี้พลังปราณของเย่หยวนอยู่เพียงอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับหนึ่ง ดังนั้นแม้เขาจะเตะสุดกำลัง ก็มิได้ทำให้หลิวอันได้รับบาดเจ็บอะไรนัก
เย่หยวนหาได้กังวลว่า หลิวอันจะโต้ตอบเขาอย่างสุนัขจนตรอก นั่นเพราะพลังของหลิวอันแตกกระจายไปทั่วร่าง และเขาไม่สามารถระดมพลังปราณใดๆได้เลยในตอนนี้
“นายน้อยเย่… ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าท่านกกำลังพูดเรื่องอะไร! ข้าไปที่หอโอสถเพียงเพื่อไปรับการรักษา แม้ว่าจะขัดแย้งกับท่าน แต่ก็ไม่สมควรตาย ข้าเป็นเพียงชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง ข้าขอร้องล่ะนายน้อยเย่ ได้โปรดรักษาพิษและไว้ชีวิตข้าไปเถิด”
หลิวอันพูดและร้องไห้สุดอดกลั้นคล้ายไม่สนศักดิ์ศรีอันใดอีกแล้ว
เย่หยวนมิเอ่ยปากอะไรตอบ ได้แต่มองสีหน้าที่ตื่นกลัวของหลิวอัน จนกระทั่งความตายค่อยๆคืบคลานมาเรื่อยๆ
จนถึงตอนนี้ หลิวอันก็ไม่ยอมปริปากพูดและยังคงเชื่อว่า ไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนก็ต้องให้ยาถอนพิษแก่เขา เพราะคิดแค่ว่าเย่หยวนเพียงต้องการกลั่นแกล้งเขาเท่านั้น
หลิวอันยอมทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดเพื่อแลกกับโอสถถอนพิษขวดนี้
ถ้าหากมีคนรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของเขา เขาจะถูกตามล่าโดยนักล่าสัตว์อสูรอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ เย่หยวนจ้องเขาเป็นเวลานานโดยไม่มีท่าทีอ่อนข้อให้ หัวใจของหลิวอันพลันตกไปอยู่ใต้ตาตุ่มแล้วในตอนนี้
เย่หยวนมองเขาพร้อมเผยรอยยิ้มอันเลือดเย็น รอยยิ้มนี้ทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้านจับไขกระดูก
“นะ-นายน้อยเย่”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร… หากเจ้ายังไม่อยากพูด ข้าก็รอได้ แต่เจ้าไม่รู้สึกรึว่า ตอนนี้อวัยวะภายในกำลังถูกแผดเผา?..”และอีกไม่ช้ามันก็จะสุก นั่นเพียงแค่เริ่มต้น… หากภายในของเจ้าสุกจนผิวภายนอกไม่สามารถรับไหว ในที่สุดผิวเหล่านั้นก็จะปริและระเบิด! ระเบิดออกมาอย่างกับแตงโมเลยล่ะ!”
ในขณะที่พูด เขาก็ทำท่าทางบรรยายไปด้วย ทั่วร่างของหลิวอันนั้นสั่นเทาไปหมด เหมือนที่เย่หยวนบรรยายเมื่อครู่และท้ายที่สุดก็จะระเบิดออกมาจริงๆ
จนถึงตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่า เขาได้ตกที่นั่งลำบากจริงๆ นายน้อยเย่จะต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน
เขาได้คำนวณเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ในหัวเรียบร้อยแล้ว ในระยะเวลาอันสั้น หัวใจของหลิวอันสงบลงอย่างรวดเร็ว นี่คือความสามารถพิเศษอันโดดเด่นของเหล่านักล่าสัตว์อสูร ที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์คับขันมานับไม่ถ้วน
หลิวอันเป็นคนค่อนข้างเด็ดขาด แผนการที่เขาคิดขึ้นไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลาอะไรมากมายเลย โดยปกติตัวเขาจะไม่ค่อยเปิดเผยความคิดให้ผู้อื่นรับรู้ แม้จะมีแผนการบางอย่างอยู่ในหัวก็ตาม ดังนั้น ท่าทางของเขาที่แสดงออกมาจึงยังคงดูน่าสงสารและหมดหวัง เพื่อทำให้เย่หยวนตายใจในท้ายที่สุด
หลิวอันลุกขึ้นและได้พูดอย่างร้อนใจว่า
“นะ-นายน้อยเย่ ข้าผิดไปแล้ว… ข้าจะไม่ปิดบังท่าน ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้ ขอเพียงท่านไว้ชีวิตที่ไร้ค่าของข้าด้วยเถิด”
เย่หยวนดูราวกับยินดี ที่ในที่สุดหลิวอันก็ยอมเผยความจริงออกมา… เขายิ้มและพูดว่า
“มันขึ้นอยู่กับว่า ข้อมูลที่เจ้าบอกข้านั้น มีค่ามากพอหรือไม่… หากไม่มากพอ ข้าคงจะไม่ยกโอสถถอนพิษนี้ ให้กับชีวิตที่ไร้ค่าของเจ้า”
หลิวอันตื่นเต้นอย่างยิ่งเมื่อได้ยิน เขาคงคิดว่าตัวเขาเองเป็นหมอจริงๆรึไง ทั้งๆที่จริงๆแล้วก็เป็นเพียงเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งและยังคิดว่าน้ำผึ้งเพียงไม่กี่หยด ก็สามารถทำให้หลิวอันปริปากออกมาได้
แต่ความจริงแล้ว ทุกอย่างมันไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดคะเนของเย่หยวนเลยแม้แต่น้อย ชายร่างกำยำคนนั้นได้เดินเข้าร้านค้าโอสถหลายแห่ง และมีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นที่รับรู้ได้ว่านี่คือพิษของงูเจ็ดปีศาจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรักษาได้
อย่าพึ่งดูถูกเฉินเหมียวว่าไร้ฝีมือ เหมือนกับอย่าดูถูกเย่หยวน หากยังไม่เห็นอีกด้านของเขา เมื่อเฉินเหมียวเข้ามายังรัฐฉิน เขาก็ถูกจัดอันดับให้เป็นนักหลอมโอสถระดับแนวหน้าของรัฐ เขายังสามารถวินิจฉัยและรักษาพิษจากงูเจ็ดปีศาจได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า… หมอท่านอื่นๆจะสามารถทำได้แบบเขา โชคดีที่หมอพวกนั้นไม่สามารถรักษาได้… มิเช่นนั้น ชายร่างกำยำคงตายเพราะพิษนั้นไปแล้ว
เมื่อทางเลือกของเขาเหลือไม่มาก เขาจึงเดินทางไปยังคฤหาสน์ดวงดาว และผู้นำแห่งคฤหาสน์ดวงดาว หวังตงไห่ก็ได้เฝ้าดูการวินิจฉัยนี้เช่นกัน
ซึ่งผลการวินิจฉัยของนักหลอมโอสถในคฤหาสน์ดวงดาวนั้นเหมือนกับของเฉินเหมียว แต่อย่างไรก็ตาม…หวังตงไห่ที่เฝ้าสังเกตการณ์วินิจฉัยอยู่ คล้อยหลังกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงขอให้ชายร่างกำยำคนนี้ไปแสวงหาผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกว่านี้เพื่อทำการรักษา
ภายในรัฐฉิน นอกเหนือจาก คฤหาสน์ดวงดาวแล้ว ก็มีเพียงหอโอสถเท่านั้น ฉะนั้นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของชายร่างกำยำในตอนนี้ คือการไปรักษาที่หอโอสถ หวังตงไห่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและก็รู้ว่าเย่ฮานก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่เขาก็ไร้หนทางรักษา
ในคราแรก ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้โดยหวังตงไห่ แต่ใครจะรู้ว่าผลจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ นายน้อยเย่…สามารถหาทางรักษาพิษชนิดนี้ได้อย่างไม่คาดคิด จึงทำให้หลิวอัน ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“ฮ่าๆๆ จริงๆแล้ว เจ้าหวังตงไห่ ก็ร้ายไม่เบาในการวางแผนแบบนี้”
เย่หยวนหัวเราะพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
หวังตงไห่และพ่อของเย่หยวน นั้นเป็นคู่อริกัน ทั้งคู่อยู่ในตำแหน่งที่สูงเกี่ยวกับด้านโอสถภายในรัฐฉิน แม้หวังตงไห่จะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่ก็ไร้ซึ่งจรรยาบรรณ นี่คือข้อแตกต่างจากเย่ฮาน
เย่หยวนนั้นคุ้นเคยกับหวังตงไห่ดี แม้ว่าทั้งสองตระกูลจะมิได้เป็นอริกันตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ แต่ลูกชายของเขา…หวังหยวน คือคู่อริคนสำคัญของเขาในสำนักตันอู่
แม้เขาจะเป็นคู่อริกัน แต่ความจริงแล้ว… หวังหยวนนั้นเอาแต่ข่มเหงเย่หยวนอยู่ฝ่ายเดียว ตัวเย่หยวนกลับไม่สามารถตอบโต้ใดๆได้เลย แม้ว่าหวังหยวนจะมีนิสัยเหมือนเขา แต่ในบรรดานักเรียนในสำนักตันอู่ เขาถือเป็นเยาวชนที่มีฝีมือโดดเด่นอย่างมาก นอกเหนือจากจะสำเร็จอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับหกแล้ว เขายังเป็นผู้ช่วยนักหลอมโอสถแห่งสำนักตันอู่อีกด้วย
ท่ามกลางนักเรียนในสำนักตันอู่ หวังหยวนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับเย่หยวนแล้ว เย่หยวนไม่ติดฝุ่นเขาเลย
ในความเป็นจริง เรื่องที่เย่หยวนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพิษตอนนั้น เขาได้พยายามวิเคราะห์แล้ว ก็พบว่า…มีโอกาสสูงมาก ที่หวังหยวนจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
‘ดี! ดีจริงๆ! ความแค้นในคราก่อนยังไม่ได้ชำระ ความแค้นในคราใหม่ก็เริ่มขึ้นซะแล้ว สองพ่อลูกตระกูลหวัง… อย่าหวังว่าข้าจะให้อภัย! เมื่อเย่หยวน คิดได้เช่นนี้ เขาก็หัวเราะในใจอย่างเยือกเย็น’
“นะ-นายน้อยเย่ ข้าได้พูดทุกอย่างในสิ่งที่ข้าควรพูดไปแล้ว ดังนั้นท่านก็ควรจะ…”
หลิวอันกล่าวเสียงอันเบา
ตอนนี้เขาได้เปิดเผยแล้วว่า เขาคือไส้ศึกจากคฤหาสน์ดวงดาว ทั้งหมดที่เขากล่าวมาก็เพื่อให้เย่หยวนเชื่อใจเขา และหลอกเอาโอสถถอนพิษมา
เย่หยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับโยนเม็ดโอสถที่ได้รับการปรุงใหม่ให้เขาและพูดว่า
“พูดได้ดี นี่รางวัลของเจ้า… โอสถถอนพิษ”
เมื่อหลิวอันได้รับโอสถถอนพิษมาเขาดีใจอย่างมาก… และรีบกลืนมันลงไปทันที และค่อยๆพยุงตัวขึ้นเพื่อทำสมาธิและดูดซับฤทธิ์โอสถถอนพิษ
แต่เมื่อเขาได้ทำสมาธิเพื่อดูดซับฤทธิ์ยานั้นไปสักพัก จู่ๆเขาก็เริ่มวิงเวียนศีรษะ และเมื่อเขาลืมตาขึ้น… เขาก็ได้พุ่งโจมตีเย่ หยวน อย่างรวดเร็วดุจเสือที่ขย้ำเหยื่อ เล็บเขาได้แทงเข้าไปยังลำคอของเย่หยวน
“อา! นายน้อย!!” ลู่เอ๋อ ที่อยู่ข้างๆได้กรีดร้องด้วยความตกใจ นางไม่คิดว่าจู่ๆเขาจะพุ่งมาบีบคอนายน้อยของนางแบบนี้
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ในทันทีว่า...มีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายเขา เขาเป็นถึงนักล่าที่ต่อสู้กับสัตว์ปีศาจมามากมาย แต่ทำไม่แค่เด็กหนุ่มตัวเล็กๆอย่างเย่หยวน เขาถึงไม่สามารถปลิดชีพได้
เขาจึงย้ายกรงเล็บไปยังคอลู่เอ๋อแทน แต่หลังจากนั้นหลิวอันก็ล้มลงกับพื้นโดยตรง และเริ่มชักเกร็งอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนเสียรูปด้วยความเจ็บปวด
เย่หยวนดึงแขนลู่เอ๋อออกมาทันที จากนั้นเขาก็มองหลิวอันที่นอนชักอยู่บนพื้นด้วยความสมเพช เขายิ้มออกมาอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า
“แม้ภัยธรรมชาติที่ว่าต้านยากแล้ว แต่ภัยที่มาจากความชั่วของตนนั้นต้านยากกว่าเป็นไหนๆ หากเจ้าไม่มีความคิดชั่วๆแบบนี้… ยาพิษทลายเครื่องใน ก็ไม่ทางออกฤทธิ์ได้เลย เพราะเจ้ามีความคิดชั่วๆ… เจ้าเลยต้องมาทนทุกข์ทรมานมากขึ้นแบบนี้”
“ทะ-ทำไม…”
หลิวอันพยายามกัดฟันพูดออกมา
เย่ หยวนยิ้มอ่อนๆพร้อมพูดว่า
“เจ้าคิดว่า โอสถบำรุงหัวใจที่ข้าให้ตอนอยู่ที่หอโอสถนั้น จะมีพิษจริงๆอย่างนั้นรึ? ความจริงแล้วนั้นเป็นโอสถบำรุงหัวใจของจริง แต่โอสถเม็ดนั้นมันได้ถูกสกัดหลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นฤทธิ์ของมันจึงเข้มข้นเป็นพิเศษ เจ้าจึงมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด และไม่สามารถรวบรวมพลังปราณได้ ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงผลข้างเคียง จากโอสถที่เข้มข้นเกินไปเท่านั้น จริงๆแล้วมันไม่มีผลร้ายแรงต่อร่างกายเจ้าเลย เมื่อผลข้างเคียงนั้นหายไป… เจ้าก็จะกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม ในทางกลับกัน… เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย’
“ส่วนสิ่งที่เจ้าพึ่งกลืนลงไปเมื่อครู่ มันคือยาพิษชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า พิษสลายเครื่องใน หลังจากที่กลืนลงไป เจ้าจะเจ็บปวดอย่างรุนแรง… พิษจะเข้าไปทำลายลำไส้และอวัยวะต่างๆของเจ้า ทุกๆ หกชั่วยามในแต่ละวัน…ยาพิษจะออกฤทธิ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้าจะสิ้นใจตาย”
หลิวอันได้ยินคำพูดของเย่หยวนชัดถนัดหูและดูเหมือนว่าในตอนนี้ อาการของเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
.............................