หลังจากนั้น 2-3 ชั่วโมงต่อมา พลูโตก็กลับมาถึงบ้านของเขา
"อ่าวพลูไหนบอกจะไม่อยู่ ไม่กลับอีก 2-3 วันไง"
ผู้เป็นพ่อเอ่ยทัก แต่ไม่มีการตอบรับจากผู้เป็นลูกเลยสักคำ ว่าแล้วพลูโตก็ค่อย ๆ เดินเหม่อผ่านพ่อของเขาเข้าไปในบ้าน
"อะไรของมันวะไอ้ลูกคนนั้น"
ช่างยลบ่นพึมพำ
"เฮีย เฮียคุยกับใครอะ"
เจ๊ท็อฟฟี่เดินมาทักช่างยล
"ก็ไอ้พลูโตไง ไม่รู้เป็นอะไรของมัน"
"เด็กสมัยนี้มาไวไปไวกันจริง"
"ไวที่ไหนนังท็อฟ มันเดินเหม่อ อย่างกับเต่าหงอยเข้าไปในบ้าน"
"เหรอเฮีย หนูไม่เห็นอะ ก็เลยนึกว่าน้องมันแว้นเข้าไปในบ้าน"
ช่างยลส่ายหัวไม่เห็นด้วย
"อย่าพึ่งไปสนใจมันเลย มันคงคิดอะไรไปเรื่อย ตามประสามันนั่นแหละ ไป ๆ ทำงานต่อได้แล้ว"
"ค่าเฮีย"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พลูโตพยายามคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็บ่ายโมงกว่า ๆ แล้ว เขารู้สึกหิวจึงออกจากห้องลงมาหาอะไรกินข้างล่าง แล้วก็เห็นแม่ของตัวเองนั่งกินข้าวดูทีวีอยู่
"อ่าวแม่ วันนี้ไม่ไปโรงเรียนเหรอ"
พลูโตเอ่ยทัก แม่ตกใจหันขวับกลับมาพูดด้วย
"ทำงานหนักไปรึไงนายพลู วันนี้วันเสาร์"
คุณครูสุทำเสียงดุใส่ลูกชายของตน
"เสาร์เหรอ..."
สิ่งที่แม่พูด ทำพลูโตนึกถึงตอนที่คุยกับซัทเมื่อเช้า
"ไม่ เราไม่เหมือนกัน ฉันยังอยู่ในระบบสุริยะ ส่วนนายน่ะ โดนขับออกไปแล้ว เสียใจด้วยนะ"
"เอ๊ะ! รึว่าโดนไล่ออกเพราะเรื่องนี้วะ!"
พลูโตอุทานออกมาเสียงดัง
"ว่าไงนะโดนไล่ออก!"
ครูสุอุทานออกมาเสียงดัง พร้อมกันกับช่างยล ที่เปิดประตูเข้ามาได้ยินพลูโตพูดพอดี
บนโต๊ะกินข้าว พ่อแม่ลูก ทั้ง 3 คนนั่งเผชิญหน้ากัน บรรยากาศมาคุ ระเบิดพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ
"ไหนบอกแม่มาสิ ไปทำอีท่าไหน ถึงได้โดนไล่ออกภายในหนึ่งวัน"
"ผมก็อยากบอกแม่อยู่หรอกนะ แต่ผมบอกไม่ได้ เพราะผมไม่รู้"
"ถ้าลูกไม่รู้ งั้นเล่าให้พ่อฟังหน่อยว่า เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังลูกกลับมา ขนเสื้อผ้าออกไป"
"บอกไม่ได้หรอก ผมรับปากไว้แล้ว มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างส่วนตัว และควรเก็บเป็นความลับด้วย"
"เฮ้อ!"
พ่อกับแม่ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน โดยมีเสียงทีวี กับเสียงคนเคี้ยวขนมสอดแทรกมาเป็นระยะ
"ดราม่านี้ไม่มันเลย"
เจ๊ท็อฟฟี่บ่นพึมพำ ก่อนจะเลิกสนใจเรื่องดราม่าสด ๆ ของคนในครอบครัว แล้วหันกลับไปดูทีวีแทน
"ดาราที่ถูกกล่าวถึงในเพจคุณชายสายเผือก ใช่คุณรึเปล่าคะ"
เสียงนักข่าวในทีวีพูด
"เรื่องนั้น..."
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น พลูโตก็เด้งพรวดมาดูทีวีด้วยอีกคน แถมยังเพิ่มเสียงทีวีให้ดังขึ้นอีกด้วย เพราะคนที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้ คือซัทนั่นเอง
พลูโตนั่งฟังการให้สัมภาษณ์สื่อของซัทอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งหลังจากซัทให้สัมภาษณ์เสร็จพลูโตก็เผ่นออกจากบ้านทันที
"จะไปไหนน่ะพลู ยังคุยกันไม่เสร็จเลยนะ"
ครูสุตะโกนตามหลังลูกชายออกไป
"เลือดร้อนจริง ๆ เลยไอ้ลูกคนนี้ ไม่รู้ได้ใครมา"
ช่างยลบ่นพึมพำแล้วก็ส่ายหัวไปมา
"หนูพูดได้ไหมเฮีย"
เจ๊ท็อฟฟี่ปิดทีวีแล้วหันมาพูดกับช่างยล
"ไม่ต้อง! ไปทำงานได้แล้วไปนังท็อฟฟี่ นั่งเผือกอยู่ได้"
ช่างยลตะคอกใส่เจ๊ท็อฟฟี่
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ราว ๆ หนึ่งชั่วโมงถัดมา พลูโตก็เดินทางมาอยู่หน้าปราสาทของจอมมาร เขาถามพี่ยามว่า เห็นรถของซัทขับเข้ามารึยัง คำตอบที่ได้คือยัง เขาจึงตัดสินใจดักรอซัทอยู่แถวนั้น
ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ที่พลูโตเฝ้ารอ ตั้งแต่ตอนมีแสงตะวันยามบ่าย จนตะวันลาลับ ฟ้าก็มืดดับลง ราว ๆ 1 ทุ่ม ในที่สุดซัทก็โผล่มา เขาจำรถของซัทได้ ก็เมื่อเช้าเขาเป็นคนขับมันไปทิ้งไว้ที่สนามบินเองกับมือ
จังหวะที่ซัทเลี้ยวรถเข้ามาหน้าตึก ก่อนถึงป้อมยาม พลูโตก็ตัดสินใจกระโดดออกไปขวางรถ ซัทจึงต้องเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน โชคดีมากที่เขาไม่ได้ขับมาเร็ว
ในทีแรกเขานึกว่าเป็นพวกซาแซงแฟน แต่เมื่อลองจ้องมองดูดี ๆ กลับเห็นเป็นพลูโตเสียนี่ ให้เจอซาแซงยังสบายใจกว่าอีก ซัทคิดพร้อมกับบีบแตรเสียงดัง แต่พลูโตก็ยังไม่หลบ แถมยังไม่พูดอะไรอีก
เมื่อได้ยินเสียงแตรถี่ ๆ เข้า พี่ยามจึงต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"มีอะไรหรือเปล่าครับคุณซัท"
เมื่อเห็นพี่ยามเดินออกมา ก็ได้ซัทจึงสบโอกาส ลดกระจกลงมาพูดกับพี่ยาม
"พี่ยาม...พี่ยามดอนใช่ไหมครับ"
"ใช่ครับคุณซัท ดีใจจังที่คุณจำชื่อผมได้ มีอะไรรึเปล่าครับ บีบแตรเสียงดังเชียว"
"พี่ดอนครับ พี่ช่วยลากตัวไอ้จืดนี่ไปให้พ้นทางหน่อยได้ไหมครับ ผมขับรถเข้าไปไม่ได้"
เมื่อพี่ยามได้ยินดังนั้นจึงมองไปทางหน้ารถ มองซ้าย มองขวา แล้วใบหน้าของพี่ยามก็ค่อย ๆ ซีดลง
"เอ่อ คุณซัทครับ คุณซัทหมายถึงใครเหรอครับ"
พี่ยามพูดไป หันมองซ้ายทีมองขวาทีอย่างเลิ่กลั่ก
เมื่อได้ยินพี่ยามพูดแบบนั้น ซัทจึงหันไปมองพลูโต ที่ก็ยังยืนขวางทางรถอยู่เงียบ ๆ เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ พลูโตกำลังยิ้มอย่างพอใจอยู่
"ให้มันได้อย่างงี้สิวะ"
ซัทพูดด้วยความโมโห เขาจึงเอามือทุบแตรรถไปอย่างแรงหนึ่งที
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของซัท สีหน้าของพี่ยามก็ซีดลงไปมากกว่าเดิมอีก ไม่รู้จะกลัวอะไรก่อนดี กลัวผีหรือกลัวซัท นั่นคือสิ่งที่พี่ยามคิด
"ก็ได้ ๆ ขึ้นรถมา"
ซัทตะโกนเสียงดังด้วยความหงุดหงิด
"เอ่อ คุณซัทจะให้ผมขึ้นรถเหรอครับ?"
พี่ยามถามด้วยความสงสัย
ว่าแล้วประตูรถอีกฝั่งข้างคนขับก็ถูกเปิดออก พี่ยามเห็นคนขึ้นรถมา หน้าพี่ยามตอนนี้ซีดจนไม่รู้จนซีดยังไงแล้ว ขาก็สั่นพึ่บพั่บ ไม่รู้เลยว่า ที่ขึ้นรถไปนั่นคนหรือผี
"สวัสดีครับพี่ยาม พี่ยามชื่อดอนใช่ไหมครับ ผมชื่อพลูโตครับ เป็นผู้จัดการ..."
"อดีต"
ซัทพูดแทรกพลูโตที่กำลังแนะนำตัว
"จากนี้ไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"
พลูโตพูดต่อจนจบ แล้วซัทก็ขับรถเข้าไปในตึก
ทันทีที่รถขับไปจนลับตา พี่ยามก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก สีหน้าสีตาก็ดีขึ้น
"แล้วไปไม่ใช่ผี"
พี่ยามบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วก็เดินกลับเข้าไปในป้อมยาม ก่อนจะกดโทรศัพท์ โทรหาใครบางคน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ซัทขับรถมาจอดในลานจอดรถส่วนตัวที่ชั้นสอง แล้วก็เริ่มการสนทนากับพลูโตภายในรถ
"ฉันไล่นายออกไปแล้วนี่ ต้องการอะไรอีก เงินเหรอ"
"ผมแค่อยากจะมาคุยกับคุณให้รู้เรื่อง เพราะผมรู้แล้วว่า คุณไม่พอใจผมเรื่องอะไร"
"ก็แหงล่ะ คนเราทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ"
"นั่นแหละปัญหา ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมไม่ได้บอกใครเลยเรื่องเมื่อวานนี้"
"อย่างนี้นี่เอง ถ้านายไม่ได้บอกใคร งั้นความเป็นไปได้ก็เหลืออยู่ประการเดียว นายนั่นแหละคือ คุณชายสายเผือก ใช่ไหมนายจืด"
ซัทพูดพร้อมกับหันมาจ้องหน้า จ้องตาของพลูโตราวกับจะกลืนกิน เพื่อมองหาพิรุธ
"ไม่ใช่"
พลูโตเองก็ตอบอย่างมั่นใจไม่กลัวเกรงเช่นกัน
บรรยากาศในลานจอดรถส่วนตัว ในช่วงหัวค่ำช่างเงียบสงบ ทั้งคู่กำลังเล่นเกมจ้องตาจับพิรุธกันอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่หลายนาที จนในที่สุด ผลการแข่งในครั้งนี้ก็ออกมา และซัทเป็นฝ่ายแพ้
"มีความเป็นไปได้ 2 อย่าง อย่างแรกคือนายไม่ได้โกหก อีกอย่างคือนายโกหกเก่งขึ้นแล้ว"
ซัทพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางหน้ารถ
"แล้วไงครับ เราจะสงบศึกกันได้รึยัง"
"ก็ได้ อย่างที่โบราณว่าไว้ ควรเก็บเพื่อนไว้ใกล้ตัว แล้วเก็บศัตรูไว้ให้ใกล้กว่า ฉันจะยังไม่ปักใจเชื่อนายหรอก แต่ฉันจะจับตาดูนายไว้ ไม่ให้คลาดสายตาเลย"
ซัทพูดพร้อมกับกางนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว เป็นนิ้วชี้กับนิ้วกลาง จ่อมาที่ตาของตัวเอง แล้วหันมันไปทางพลูโต
"ตามสบายถ้างั้น ผมกลับเข้ามาทำงานได้เลยใช่ไหมครับ"
"ก็คงงั้น นายยังไม่ได้ถูกไล่ออกสักหน่อย"
"อ่าว! ก็เมื่อเช้าคุณไล่ผมออกเองไม่ใช่เหรอ"
"ก็ใช่ แต่ฉันยังไม่ได้โทรไปบอกพี่เลย"
"แล้วไปผมนึกว่า คุณจะไล่ผมออกจริง ๆ แล้วเสียอีก"
"ไม่ ฉันตั้งใจจะไล่นายออกจริง ๆ ฉันแค่ยังไม่มีเวลาโทรไปบอกพี่เฉย ๆ"
"นี่พี่ตั้งใจจะไล่ผมออกจริง ๆ เหรอหลังจากเรื่องเมื่อวาน กับเรื่องเมื่อคืน"
น้ำเสียงของพลูโตดูโมโห แต่ก็ไม่มากนัก โมโหพอเป็นพิธีเฉย ๆ
"นายจะมาโมโหอะไรฉัน ฉันต่างหากที่ต้องโมโห ฉันพึ่งถูกใครก็ไม่รู้แฉ ซึ่งใครคนนั้นมันอาจจะเป็นนายเองก็ได้"
ซัทขึ้นเสียงเล็กน้อย
"ไม่ใช่ผมแน่ ๆ เพราะคนที่พี่เป็นข่าวด้วย ก็คือผมนะอย่าลืม"
"นายอาจจะเอาตัวเข้าแลกก็ได้นี่ใครจะไปรู้"
"ถามจริง"
"ตอบจริง ก็ไอ้คุณชายสายเผือกนั่นน่ะ บางครั้งมันได้ข่าวที่น้อยคนนักจะรู้มาเปิดเผย แค่นั้นยังไม่พอนะ บางครั้งมันยังมีรูปถ่าย หรือหลักฐานอื่น ๆ มาประกอบด้วย คนแบบนั้นคงทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ"
"งั้นเหรอ แต่ผมว่าเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกมั้ง เขาเคยบอกไม่ใช่เหรอว่า จะทำเพื่อประชาชน เพื่อพัฒนาวงการให้เป็นแบบอย่างที่ดี อะไรทำนองนั้นน่ะ"
"เด็กหนอเด็ก คิดจริง ๆ เหรอว่า ไอ้คนที่พร่ำบอกคนอื่นว่า ฉันเป็นคนดีนะ จะเป็นคนดีไปได้ ดูนักการเมืองสิ ก็บอกกันทุกคนนั่นแหละ เลือกผมเถอะ ผมเป็นคนดี มีคนดีจริง ๆ สักคนไหมถามหน่อย"
คำพูดของซัททำเอาพลูโตนิ่งไปเลย เพราะเถียงไม่ออก เขาหยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
"ถ้างั้นพี่คิดว่าใครคือคุณชายสายเผือก"
"นายไง"
ซัทตอบยียวน กวนเบื้องล่าง จนพลูโตต้องแอบกำหมัด
"เอางี้ ถามใหม่ นอกจากผมแล้ว พี่คิดว่าใครคือคุณชายสายเผือก"
"ไม่รู้สิ แต่คงเป็นคนในวงการสักคนนั่นแหละ ไม่ก็..."
ซัทหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก
"ไม่ก็..."
พลูโตพูดซ้ำ แล้วรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
"พี่ยามดอน!"
คำตอบของซัททำเอาพลูโตแทบจะหงายท้องตึง แล้วลงไปชักดิ้นชักงอบนพื้น
"พี่ยามคนเมื่อกี้นี่นะถามจริง"
"ตอบจริง ไม่แน่ว่า...เขาอาจจะแอบฟังเราอยู่แถว ๆ นี้ก็ได้"
พูดจบซัทก็หันมองไปข้างรถ หน้ารถ หลังรถ มองไปทั่ว ซึ่งพลูโตก็หันมองไปตามเขาเช่นกัน
"ไม่เห็นจะมีใครเลย"
"ก็ใช่ เพราะพี่ยามไม่ใช่คุณชายสายเผือกไง นายต่างหาก"
"ตามสบาย อยากจะคอยจ้อง คอยจับตาดูผมขนาดไหนก็เชิญ แต่ตอนนี้พวกเราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า ผมโคตรจะเหนื่อยเลยวันนี้"
"เห็นด้วย"
พูดจบทั้งสองก็เดินลงมาจากรถ แล้วเดินตรงขึ้นลิฟต์ไปทันที
ในมุมมืดมุมหนึ่ง ไม่ใกล้ ไม่ไกลจากรถที่ทั้งสองคนเดินลงมา ในมุมที่เห็นทุกอย่างบนรถ และเห็นทั้งสองคนเดินขึ้นลิฟต์ไป จนประตูลิฟต์ปิดลงจนสนิท เขาจึงค่อย ๆ ย่องออกมาจากมุมนั้น
"ขอโทษครับท่าน พอดีเมื่อกี้ คุณซัทมองมาทางผมพอดี"
พี่ยามดอนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน
"น่าจะไม่เห็นนะครับท่าน"
"ครับท่าน อย่างที่ผมบอกไปว่าทั้งสองคนไม่ได้มาพร้อมกัน ดูเหมือนพวกเขาจะทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้พวกเขาน่าจะคืนดีกันแล้วครับ"
"ครับท่าน พวกเขาขึ้นข้างบนแล้วครับ"
"ครับท่านถ้ามีอะไรอีก เดี๋ยวผมจะแจ้งครับ"
"ครับท่าน ขอบคุณมากครับ"
ไม่รู้ว่าพี่ยามคุยกับใครอยู่ แต่ดูเหมือนว่าหัวข้อของการพูดคุยนั้น จะเป็นซัทกับพลูโต
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อลิฟต์จอดลงตรงชั้นที่ 50 ประตูลิฟต์ก็ค่อย ๆ เปิดออก แล้วทั้งสองคนก็เดินออกมา จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างรุนแรงราวกับฟ้าผ่า ดังจนกลบเสียงประตูลิฟต์ปิดไปจนหมดสิ้น
"กินอะไรสักหน่อยไหม เดี๋ยวทำให้"
ซัทหันมาพูดกับพลูโต พร้อมอมยิ้มกลั้นขำ
"อะไรก็ได้ครับ"
พลูโตพูดเสียงแผ่วด้วยความอับอายขายขี้หน้า เพราะเสียงท้องของเขาร้องดังสนั่นเช่นเดียวกันกับเมื่อวานนี้ ตอนมาที่นี่ครั้งแรก
พลูโตเดินไปนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ที่เคยนั่งมาก่อน แล้วคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ถึงจะผ่านมาได้แค่วันเดียว แต่ดูมันช่างยาวนานเหลือเกิน มีเรื่องราวหลายหลาก ทั้งดีทั้งลำบากเกิดขึ้น ซึ่งมันทำให้เขาหวนนึกถึงบางอย่าง เขาจึงหยิบมันออกมาจากกระเป๋า และสิ่งนั้นก็คือ ตุ๊กตาวูดู
มันเป็นพวงกุญแจตุ๊กตาวูดู อันเล็ก ๆ สีเทา ตาของมันเป็นรอยเย็บรูปกากบาทสีดำ ปากของมันเป็นรอยเย็บเหมือนตะขาบสีดำ ที่มอง ๆ ดูแล้วก็น่ารัก แบบแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน เขานั่งมองแล้วกลั่นแกล้งเจ้าตุ๊กตาอยู่คนเดียว อย่างมีความสุข จนไม่รู้เลยว่า เวลามันผ่านไปรวดเร็วขนาดไหน
"เสร็จแล้ว"
ซัทพูดพร้อมกับวางจานอาหารลงบนเคาน์เตอร์
"ทำอะไรอยู่น่ะ ยังเก็บมันไว้อีกเหรอ"
ซัทกล่าวพร้อมมองไปยังตุ๊กตาวูดูบนมือของพลูโต
"แน่นอนอยู่แล้ว คุณซัทอุตส่าห์ แสดงฝีมือยิงปืน แล้วคว้ารางวัลนี้ให้ผมมาเชียวนะ"
"นี่ตั้งใจกวนฉันรึไง แล้วก็นะฉันอนุญาตให้นายเรียกฉันเหมือนเดิมก็ได้ แต่มีเงื่อนไขนิดหน่อย เพราะฉันยังไม่ไว้ใจนายขนาดนั้น ต้องเป็นตอนอยู่กันสองคนแบบตอนนี้เท่านั้น นอกเวลางาน ที่สาธารณะห้าม เข้าใจไหม"
"รับทราบครับท่าน!"
พลูโตพูดพร้อมกับยกมือขวาขึ้นมาทำท่าตะเบ๊ะ
"อันนี้กวนแล้ว"
"มิกล้าครับท่านพลแม่นปืนประจำงานวัด"
พลูโตพูด โดยมือยังอยู่ในท่าเดิม
"หยุดล้อฉันเลย ไอ้ร้านนั้นมันโกงกันชัด ๆ ยิงโดนเต็ม ๆ แต่ตุ๊กตาดันไม่ล้มเฉย"
"ของมันก็แน่อยู่แล้ว ถ้าให้คนเล่นเอาของรางวัลไปได้ง่าย ๆ ก็ขาดทุนยับกันพอดี"
"ก็ถูกของนาย เอามือลง แล้วกินข้าวซะ ฉันจะไปอาบน้ำนอนละ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า"
ซัทพูดพร้อมกับเดินออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ที่พลูโตนั่งอยู่
"รับทราบครับท่าน"
พลูโตยียวนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลดมือลง แล้วมองไปยังจานอาหารที่ซัททำให้
"ชุดคุณหนูอีกแล้ว ทำเป็นอย่างเดียวรึไงลุง"
พลูโตพึมพำออกมา เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
"อ่อ แล้วก็..."
เสียงของซัทที่ลอยมา ทำเอาพลูโตสะดุ้งโหยง เพราะนึกว่าเขาได้ยินที่ตนพึ่งบ่นไป
พลูโตเงยหน้า หันไปหาซัท ทำให้ทั้งสองกำลังคนสบตากันอยู่ ในระยะไกล ๆ
"แล้วก็ต่อให้นายเป็นคุณชายสายเผือกจริง ๆ ฉันจะบอกให้นายรู้ไว้ นายจะเอาไปแฉก็ตามใจ เรื่องเมื่อวานนี้ ที่ไชน่าทาวน์ เป็นวันหยุดที่ดีที่สุดในชีวิตฉันเลย ฝันดีจืด"
พูดจบซัทก็หันหลังแล้วเดินจากไป
"ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ซัท"
พลูโตพูดไล่หลังตามซัทไป แต่ซัทก็มิได้ตอบสนองใด ๆ กลับมา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันที่ 3 เมษา พอเครื่องบินลงจอด ซัทกับพลูโต เดินฝ่าวงล้อมของแฟนคลับ ไปขึ้นรถ ที่พาไปยังห้าง
เมื่อถึงห้างทั้งคู่ก็แยกกันไป ซัทไปเตรียมตัว พลูโตไปรับกำหนดการของงานในวันนี้มา จากนั้นก็ไปรายงานให้ซัทฟังในห้องส่วนตัว
หลังจากรายงานเสร็จสิ้นลง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งคู่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพราะมันยังไม่ถึงเวลางานเริ่ม ยังไม่ถึงเวลาห้างเปิดเลยด้วยซ้ำ
"นี่ฉันเอง"
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ที่อีกฟากของประตู ทำให้ท่าทีของซัทเปลี่ยนไป
"นายจืด ไปเปิดประตูให้เขาเข้ามานะ แล้วนายก็ไปรอข้างนอก"
ซัทพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
พลูโตได้ยินดังนั้นก็เดินตรงไปยังประตู ก่อนที่จะค่อย ๆ ดึงมันเข้าหาตัว
ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือ ผู้หญิงที่สวยมาก ๆ คนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
เธอเป็นผู้หญิงที่คนรู้จักทั้งประเทศ แน่นอนว่าพลูโตก็รู้จัก และซัทเองก็รู้จักเธอ อันที่จริงเขาอาจจะรู้จักเธอมากกว่าใครเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอคือ อดีตภรรยาของเขานั่นเอง
....โปรดติดตามซีนต่อไป....