เมื่อราว ๆ 3 ปีก่อน มีเพจเฟซบุ๊ก ที่ชื่อว่า คุณชายสายเผือก ได้ทำนายการเลิกราของดาราหนุ่มสาวคู่ดังคู่หนึ่ง ซึ่งแต่งงานกันแบบฟ้าแลบไปก่อนหน้านั้นไม่กี่ปี เพจคุณชายสายเผือกได้ทำนายไว้ว่า ดาราตัวท็อปคู่นั้น กำลังจะเตียงหัก แน่นอนว่า ณ เวลานั้นไม่มีใครเชื่อ
หลังจากคุณชายสายเผือกโพสต์ข้อความนั้นได้ไม่กี่อาทิตย์ถัดมา ดาราคู่นั้นซึ่งก็คือ ซัท ไอศูรย์ ในวัย 28 ปี ได้ออกมาประกาศว่าเขาได้หย่ากับนักแสดงสาว วี นัสญภา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำเอาช็อกกันทั้งสยาม ซึ่งเพจคุณชายสายเผือกได้รับเครดิตไปเต็ม ๆ ในฐานะผู้มาก่อนกาล ทำให้เพจคุณชายสายเผือกมีผู้ติดตามมากขึ้น มานับตั้งแต่วันนั้น
จากเพจที่คนมองว่าโพสต์ข่าวลือไร้สาระ กลายเป็นเพจที่น่าเชื่อถือขึ้นมาในทันตา ซึ่งหลังจากโด่งดังแล้ว คุณชายสายเผือกก็ยังท็อปฟอร์มไม่หยุด ดาราคนไหนเลิกกันกับใคร รักกันกับใคร ใครทำตัวฉาว ทุกเรื่องราวเหล่านั้น ได้ถูกบอกเล่าผ่านเพจคุณชายสายเผือก ซึ่งในบางครั้ง เพจนี้มีหลักฐานมาให้ด้วย
เคยมีข่าวว่าดาราบางคนยัดเงินให้ แลกกับการลบข่าวฉาวออกไปจากหน้าเพจ แต่เขาไม่รับ และแถลงจุดยืนของตนว่า เขาเป็นคนของประชาชน แถมยังเป็นสื่อ ซึ่งเขาอยากให้วงการบันเทิงเป็นเขตปลอดคนชั่วคนฉาว เพราะทุกการกระทำของคนในวงการบันเทิง ล้วนสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายต่อหลายคนได้ ทั้งในเรื่องที่ดี และไม่ดี ซึ่งเขาอยากให้มันมีแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้น ที่กลับคืนไปสู่สังคม
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นของเขา ถูกพิสูจน์ได้แล้วในทุกวันนี้ เพราะว่าเพจคุณฉายสายเผือก ไม่เคยรับโฆษณามาลงเพจเลยสักครั้ง ต่างจากเพจอื่น ๆ ที่รับโฆษณาบ้างเป็นครั้งคราว
จากการที่คุณชายสายเผือกนั้น ป่วนวงการบันเทิง ทำดาราหลายคนหมดอนาคตไปก็เยอะ ทำให้เขาถูกล่ามาโดยตลอด มีคนมากมายพยายามขุด พยายามตามหาว่า คุณชายสายเผือกเป็นใครกันแน่ แต่ก็ไม่มีใครเคยสาวถึงตัวเขาได้เลยสักคน จนมาถึงปัจจุบัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พอเสร็จงานอิเวนต์ ช่วงบ่าย ๆ แล้วพลูโตกับซัทก็บินกลับมายังเมืองหลวงทันที พวกเขาเอารถที่จอดไว้ในสนามบินขับกลับเพนต์เฮาส์ตามปรกติ
แต่ที่ไม่ปรกติคือท่าทางของซัทต่างหาก หลังเสร็จงานแล้ว เขาแทบไม่พูดอะไรเลย ถามคำตอบคำ ไม่ว่าจะบนเครื่องบิน หรือแม้กระทั่งตอนนี้ก็ตาม
ระหว่างอยู่บนรถพลูโตเคยคิดว่าจะชวนเขาคุยอยู่เหมือนกัน แต่ซัทดันหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมาอ่านบนรถ พลูโตเดาว่าคงจะเป็นบทนั่นแหละ ด้วยเหตุนี้พลูโตจึงไม่กล้าชวนคุย และปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบงัน
ช่วงเย็น ๆ พวกเขาก็มาถึงเพนต์เฮาส์ พลูโตกำลังจะดับเครื่องรถ แต่ถูกขัดเสียก่อน
"ไม่ต้องดับหรอก"
ยังไม่ทันที่พลูโตจะหันกลับไปถามว่าทำไม ซัทก็ชิงพูดขึ้นก่อน
"วันนี้นายกลับบ้านได้นะ พรุ่งนี้นายก็หยุดไปแล้วกัน รถนี่ก็ขับกลับไปได้ คิดเสียว่าเป็นรถประจำตำแหน่ง ฉันต้องการอยู่คนเดียวเพื่อทำสมาธิก่อนถ่าย เข้าใจนะ"
พลูโตพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ซัทจะเดินจากไป
เมื่อเห็นซัทขึ้นลิฟต์ไปแล้ว พลูโตจึงค่อย ๆ ขับรถออกมาจากตึกนั้น
แน่นอนว่ารถต้องขับผ่านป้อมยาม และพี่ยามดอนเองก็อยู่ในป้อมนั้นนั่นเอง
เมื่อเห็นรถขับผ่านไปจนไกลลับตา พี่ยามดอนจึงกดเบอร์โทรหาใครบางคน
"ท่านครับ ดูเหมือนว่า ผู้จัดการกับคุณซัทจะแยกกันอยู่ครับคืนนี้"
"เปล่าครับเห็นแค่รถคันที่พวกเขาใช้ประจำขับออกไป แต่ไม่เห็นคุณซัทอยู่บนรถครับ"
"ครับท่านรับทราบครับ"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กว่าพลูโตจะขับรถมาถึงบ้านก็ช่วง 2 ทุ่มกว่า ๆ เกือบจะ 3 ทุ่มแล้ว เขาเห็นประตูอู่ปิดอยู่ จึงจอดรถหน้าประตู ก่อนจะเดินลงจากรถแล้วเข้าไปในบ้าน
"กลับมาแล้ว"
พลูโตเปิดประตูแล้วพูด จากนั้นก็กดปุ่มบางอย่างแถว ๆ ประตูบ้านด้านใน แล้วเดินออกมาขึ้นรถอีกรอบ
พ่อกับแม่ของพลูโตได้แต่มองกันด้วยความงุนงง ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรเขาก็เดินออกไปเสียแล้ว
เมื่อพลูโตกลับมาขึ้นรถ ประตูโรงรถก็เปิดพร้อมรอต้อนรับแล้ว เขาจึงขับเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ดับเครื่อง ลงจากรถกดปุ่มปิดประตู แล้วเดินเข้าไปในตัวบ้านอีกรอบ
"กลับมาแล้ว"
พลูโตเปิดประตูแล้วพูดอีกรอบ ก่อนจะเดินตรงขึ้นบ้านไปทันที โดยที่พ่อกับแม่ได้แต่มองตาปริบ ๆ
"นั่นลูกเราจริง ๆ รึเปล่าคุณ"
ช่างยลเอ่ยถามภรรยา
"ก็ใช่แหละคุณ แต่เหมือนจะไม่ได้เอาวิญญาณมาด้วยนะ"
ครูสุตอบ
"หรือไม่ก็เอามาแค่วิญญาณ"
"นั่นปากเหรอน่ะ!"
เพราะช่างยลพูดแบบติดตลกมากไปหน่อย จึงโดนภรรยาดุ
ช่างยลจึงตัดสินใจทำสิ่งที่สามีผู้กล้าหาญทุกคนควรจะทำ
"ขอโทษครับ"
ช่างยลพูด พร้อมกับยกมือขึ้นมาตบปากตัวเอง 2-3 ครั้ง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อมาถึงห้องของตัวเอง พลูโตก็ทิ้งตัวนอนคว่ำลงบนเตียงทันที
ช่างเป็นการทำงานสองสามวันที่ยาวนานเหลือเกิน เขาก็ขับรถวกไปวนมา ขึ้นเครื่องบินไปเหนือ ล่องอีสาน แล้วกลับมาเมืองหลวงรวม ๆ กันได้ตั้ง 3-4 รอบ ตอนขับรถกลับบ้าน รถก็ติดยาวกันเป็นหางว่าว กว่าจะถึงก็ทำเอาล้าไปทั้งตัว พลูโตนอนคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนจะคิดถึงท่าทีแปลก ๆ ของซัท
จากนั้นเขาก็พลิกตัวมานอนหงาย เขาหยิบบางอย่างที่อยู่บนมือขวาขึ้นมาดู มันคือกุญแจรถที่เขาขับมา พร้อมกับสายห้อย เป็นตุ๊กตาวูดูตัวนั้นนั่นเอง
พลูโตจ้องหน้าตุ๊กตาอยู่สักพัก ก่อนจะพลิกตัวไปทางซ้าย เอื้อมมือเอากุญแจรถไปวางไว้ตรงหัวเตียง แล้วนอนคว่ำหน้าอยู่แบบนั้น ในหัวก็คิดไปว่า
"แม้แต่จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ ก็ยังไปไม่เป็นสินะ เมื่อบังเอิญเจอแฟนเก่า"
จากนั้นเขาก็ผล็อยหลับไป โดยที่ไฟในห้องยังไม่ได้ปิดด้วยซ้ำ
พลูโตรู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่ทุกอย่างมืดสนิท เข้าคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเป็นเวลาตีสาม จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเปิดไฟในห้อง ที่เขาจำได้ว่า ตอนเขาหลับ เขาไม่ได้ปิดมัน
"สงสัยพ่อกับแม่คงมาแอบดูแล้วปิดให้แน่ ๆ"
พลูโตบ่นพึมพำ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าล้างตา
จากนั้นเขาก็เดินลงมาชั้นล่าง เปิดตู้เย็นหาอะไรกิน ซึ่งของที่กินได้ในตู้เย็นมีเพียบ แต่ต้องลงมือทำมันเอง ซึ่งเขาทำกับข้าวไม่เป็น จึงควานหาอะไรก็ได้ที่มัน สำเร็จรูป แล้วมือเขาก็ไปสัมผัสเข้ากับกล่องเหลี่ยม ๆ เขาจึงหยิบมันออกมาดู เห็นเป็นกล่องข้าวผัดแช่แข็งสำเร็จรูป
"ไม่เอา!"
พลูโตอุทานออกมาเบา ๆ
เพราะข้าวผัดกล่องนั้น ทำให้เขานึกถึงข้าวผัดชุดคุณหนู ที่ซัทเคยทำให้เขากินมาแล้วถึงสองรอบ เขาจึงโยนข้าวผัดกล่องนั้นกลับเข้าไปที่เดิม ที่ที่มันเคยอยู่ อย่างหงุดหงิด
จากนั้นเขาก็ควานหาสิ่งอื่นที่พอจะกินได้ต่อไป ก่อนเขาจะพบว่าไม่มี
เมื่อเขาไม่สามารถทำกับข้าวกินเองได้ และไร้ซึ่งอย่างอื่นให้กิน นอกจากข้าวผัดกล่องนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก ในเวลาตีสามเช่นนี้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หนุ่มน้อยยืนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ สายตาจับจ้องไปเบื้องหน้า ด้วยความโกรธ และความหิว เพราะที่ป้ายแบนเนอร์หน้าร้านสะดวกซื้อนั้น มีรูปของซัทพร้อมข้าวผัดในมืดติดอยู่
"จะตามหลอกหลอนกันไปถึงไหนวะ"
พลูโตบ่นพึมพำก่อนจะกลั้นใจเดินเข้าไปในร้าน อย่างไม่มีทางเลือก แต่ทว่าการเดินทางของเขาก็เป็นอันต้องติดขัดอีกครั้ง เมื่อประตูเลื่อนอัตโนมัติของร้าน ไม่ทำงาน
"ว่าแล้วเชียว ก็เพราะงี้แหละ ถึงไม่อยากมา"
พลูโตบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง เพราะเขารู้ตัวดีว่า ประตูไม่ทำงานเพราะอะไร
ใช่แล้ว นี่ก็เป็นเหตุการณ์ปรกติ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำกับตัวเขา นอกจากคนส่วนใหญ่มักจะไม่สังเกตเห็นเขา เวลาอยู่เงียบ ๆ แล้ว ประตูอัตโนมัติเองก็เช่นกัน แต่ที่แย่กว่าคือ ถ้าเป็นคนยังส่งเสียงให้เขาเหล่านั้นรับรู้ได้ แต่กับประตูเลื่อนนั้น มันไม่ได้ทำงานด้วยเสียง พลูโตจึงไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากทุบมัน เพราะการโบกมือไปมาใส่เครื่องตรวจจับตรงประตูไม่เป็นผล มีแต่ทุบประตูนี่แหละที่เขายังไม่เคยลอง
พลูโตกำหมัดทั้งสองข้างไว้อย่างแนบแน่นด้วยความโมโห และหิว ภาพในจินตนาการของเขานั้น ประตูร้านได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยกำปั้นของเขาไปแล้ว และในตอนนี้ เขาก็กำลังยกมือขึ้นมา เพื่อจะเคาะเรียกพนักงานเฉย ๆ ไม่ได้ทุบแต่อย่างใด แม้ในใจจะอยากทุบมันมากแค่ไหนก็ตาม
ทันใดนั้นเองประตูร้านก็ได้เลื่อนเปิดให้เขาโดยไม่ทราบสาเหตุ เสียงแจ้งเตือนของร้านก็ดังขึ้น พนักงานที่ยืนหันหลังให้เครื่องคิดเงินก็กลับหลังหันมาทางประตูอย่างว่องไว พร้อมกับกล่าวต้อนรับ
"สวัสดีครับเชิญครับ"
พลูโตดีใจมาก ที่พนักงาน และประตูมองเห็นเขาแล้ว เขาดีใจจนน้ำตาเริ่มคลอ จนกระทั่งเขาเห็นบางอย่าง ค่อย ๆ ย่างกรายผ่านตัวเขาไปอย่างเชื่องช้า
ทันทีที่ประตูร้านค่อย ๆ เปิดออก มีหมาสีน้ำตาลตัวหนึ่ง ค่อย ๆ เดินผ่านพลูโตเข้าไปในร้าน ก่อนที่มันจะหันหน้ามามอง และจ้องหน้าเขาแบบเหยียด ๆ ถ้ามันพูดภาษาคนได้ก็คงจะหันมาพูดประมาณว่า
"กะอีแค่เปิดประตูง่าย ๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้อีก แล้วก็รีบ ๆ เข้ามาสักทีสิ เดี๋ยวประตูก็ปิดหรอก"
ราวกับทั้งสองสื่อสารกันผ่านสายตาหรือกระแสจิต พลูโตจึงก้าวเข้ามาในร้าน ตามคำแนะนำของหมา ก่อนที่ประตูร้าน จะค่อย ๆ เลื่อนและปิดลงดังเดิม
"พี่น้ำตาล ถ้าเห็นลูกค้าเดินเข้ามาต้องออกไปนะ ลูกค้าบางคนเขากลัว บางคนก็ไม่ชอบโอเคนะ"
พนักงานพูดกับหมา ก่อนจะหันหลังกลับไป ทำอะไรบางอย่างตามเดิม
พี่น้ำตาลเองก็ดูเหมือนจะรู้กันกับพนักงาน พอได้ยินที่พนักงานบอกปุ๊บ หล่อนก็ทิ้งตัวลงไปนอนกองกับพื้นทันที พร้อมกับเบือนหน้าหนีพลูโต
"หน็อยแน่แค่หมาหน้าร้านทำเป็น!"
พลูโตบ่นพึมพำเมื่อเห็นท่าทางอันสูงส่งและเย่อหยิ่งของพี่น้ำตาล พลูโตโมโหจนกำหมัดแน่นกว่าเดิม แต่เขาจะข่มใจไว้ เพราะปากท้องต้องมาก่อน เขาจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อไป ไม่สนใจหรอกหมา
แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวไปข้างหน้า ความร้อนบนหัวก็ลุกโชนขึ้นหนักกว่าเดิม เมื่อเขามองไปเห็นโปสเตอร์ ที่มีรูปของซัทอยู่ไกล ๆ กำลังส่งยิ้ม ที่เหมือนจะหัวเราะเยาะใส่เขาอยู่เบื้องหน้าตนเอง
"อดทนไว้พลูโต อดทนไว้แกแค่หิวเท่านั้น เลยดูเหมือนโมโห"
พลูโตคิดในใจ ก่อนจะค่อย ๆ เดินสมาธิไปเลือกของภายในร้าน
ในระหว่างที่พนักงานร้าน กำลังจัดการงานเอกสารบางอย่าง ด้านหลังเคาน์เตอร์ เขาก็ได้ยินเสียงก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขาจึงกลับหลังหันมา แล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน แต่ก็ไม่เห็นใคร นอกจากพี่น้ำตาล ที่นอนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เขาจึงหันกลับไปทำงานต่อ
หลังจากหันกลับไปได้สักพัก เสียง ก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ก็ดังขึ้นอีก เขาทำแบบเดิม หันกลับมา กวาดตามอง ไม่เจอใครนอกจากหมา เท่านั้นแหละ ความกลัวก็แทรกซึมเข้ามาภายในจิตใจของเขา เขาจึงเงยหน้าขึ้นไปมองภาพจากกล้องวงจรปิด ก็ไม่พบใคร นอกจากประตูตู้เย็น ที่กำลังค่อย ๆ ปิดลงอย่างแผ่วเบา
เมื่อเห็นแบบนั้น พนักงานหนุ่มจึงรีบกดกริ่งเพื่อเรียกเพื่อนออกมาทันที แต่ทว่ากว่าเพื่อนของเขา ที่อยู่ด้านหลังร้านจะโผล่มาก็ใช้เวลาเกือบนาทีอยู่เหมือนกัน
พนักงานที่อยู่หลังร้าน แง้มประตูออกมาพร้อมตะโกนถามว่า
"ลูกค้าเยอะเหรอพี่"
พนักงานคนนั้น ค่อย ๆ กวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน ก็เห็นว่าไม่มีใคร จึงรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน
"เปล่าหรอก เอ็งทำอะไรอยู่เหรอทิว"
พนักงานตรงเคาน์เตอร์เอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ผมอยู่ข้างบน กำลังหาของเอามาเติม"
"มิน่าล่ะช้าเชียว"
อากาศในร้านสะดวกซื้อ ตอนตีสามกว่า ๆ มันต้องเย็นมาก ๆ อยู่แล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร พนักงานที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ ถึงพูดไป ปาดเหงื่อไป
"แล้วพี่พรล่ะทิว อยู่ไหน"
เขาเอ่ยถาม พร้อมกับเอาหลังพิงเคาน์เตอร์ไว้ เพื่อความมั่นคง เพราะเขากลัวว่า คำตอบที่จะได้รับ อาจทำให้เขาทรุดลงไปกองกับพื้น ต่อหน้าพนักงานรุ่นน้อง ถ้าเป็นแบบนั้นคงจะเสียชื่อผู้ช่วยผู้จัดการร้านกันพอดี
"พี่พรอยู่ในห้องน้ำครับพี่"
คำตอบของรุ่นน้องทำเอาเขาเข่าอ่อน โชคดีที่เขาคิดไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ เขาจึงยังประคองตัวให้ยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง ประมาณหนึ่ง
"อะ...โอเค กะ...กลับไป...ทำงานเถอะ"
น้ำเสียง คำพูดคำจา ของพนักงานรุ่นพี่ดูแปลก ๆ จนเขารู้สึกได้ แต่เขาก็ไม่อยากจะเสียเวลาถาม เพราะงานเยอะ จึงปิดประตูแล้วหายวับเข้าไปหลังร้านตามเดิม
เมื่อเห็นพนักงานรุ่นน้อง กลับเข้าไปทำงานต่อแล้ว เขาจึงค่อย ๆ หันกลับไปทำงานของตัวเองเช่นกัน แม้ตัวของเขาจะสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ก็ตาม แต่เขาจะพยายามไม่กลัว เพราะมือซ้ายของเขาตอนนี้ กำลังจับสร้อยพระที่ห้อยอยู่กลางอก ซึ่งเป็นพระวัดดังด้วย ไม่เห็นต้องกลัวเลยกับอีแค่ผีตัวเดียว เขาพยายามข่มใจตัวเอง
"คิดเงินให้ด้วยครับ"
มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของเขา ทำเอาตัวเขาสะดุ้งโหยง
พนักงานหนุ่มจึงเอามือทั้งสองข้าง มาพนมไว้กลางอก โดยประกบพระเอาไว้ พร้อมกับท่องบทสวดไป นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไปในหัว แล้วค่อย ๆ หันกลับไปทางหน้าเคาน์เตอร์ แล้วเขาก็เห็น...
"คิดเงินให้ด้วยครับพี่"
พลูโตกล่าวด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ เข้าร้านสะดวกซื้อกลางดึกตอนไม่มีคนทีไร เป็นแบบนี้ทุกที
หลังจากนั้นพนักงานก็คิดงั้นให้เขาตามปรกติ แม้ในใจจะยังกล้า ๆ กลัว ๆ ในหัวจะยังสงสัยว่า ที่อยู่ข้างหน้าเขานี่คนหรือผี แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่ง
หนุ่มน้อยยืนอยู่ภายในร้านสะดวกซื้อ ในมือทั้งสองมีถุงใบใหญ่พร้อมกับของยัดอยู่ภายในจนเต็มถุง สายตาของเขาจับจ้องไปเบื้องหน้า ด้วยความโกรธ และความหิว เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถนำของที่ซื้อมา กลับไปกินได้
เขาเงยหน้ามองไปยังที่ตรวจจับบนประตูอย่างหาเรื่อง เพราะมันไม่ยอมเปิดให้เขาผ่านไป เขาจึงหันไปหาพนักงาน แต่เมื่อเห็นพนักงานที่ยังตัวสั่นอยู่ ก็ทำเอาเขาเหนื่อยใจ แต่แล้วก็มีความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัว
พลูโตหันกลับไป แล้วก้มลงมองพี่น้ำตาล ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่พี่น้ำตาลจะเบือนหน้าหนีไปแบบไม่ไยดี
ความโกรธของพลูโตขึ้นไปถึงจุดเดือด หิวก็หิว ยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก เขาจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่เขา ไม่อยากจะทำ แต่เขาไม่มีทางเลือกแล้ว พลูโตจึงหยิบบางอย่างออกมาจากในถุง ทำเอาพี่น้ำตาลหันขวับ แล้วลุกขึ้นมาหาเขาอย่างรวดเร็ว พี่น้ำตาลเดินไปหน้าประตูอย่างรู้งาน พอประตูเปิด หล่อนก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากร้าน โดยมีพลูโตเดินตามหลังมาติด ๆ
เมื่อมาอยู่หน้าร้านได้สำเร็จ พี่น้ำตาลก็นั่งลง แล้วจ้องมองไปยังพลูโต ด้วยสายตาจิกกัด
"อย่าลืมที่สัญญากันไว้ล่ะ"
เหมือนสายตาของพี่น้ำตาลจะบอกกับเขาแบบนั้น
พลูโตเองในฐานะมนุษย์จะให้ผิดสัญญากับหมา ก็เกรงว่าจะเสียศักดิ์ศรี เขาจึงหยิบไส้กรอกออกจากห่อ ให้พี่น้ำตาลไปหนึ่งชิ้น พี่น้ำตาลเองก็คาบมันไว้อย่างใจเย็น แต่ทว่าพี่น้ำตาลยังไม่หยุดจ้องหน้าเขา
"ยังไม่พออีกเหรอ"
พลูโตเอ่ยถาม แน่นอนว่าคำตอบของพี่น้ำตาลนั้น ส่งผ่านมาทางสายตาเรียบร้อยแล้ว
พลูโตจึงหยิบไส้กรอกส่งไปให้ พี่น้ำตาลอีกชิ้น พี่น้ำตาลรับมาคาบไว้แต่ก็ยังนิ่ง พลูโตจึงหยิบชิ้นที่สามส่งไปให้ พี่น้ำตาลคาบไว้แต่ก็ยังนิ่งอยู่
"ไอ้หมาโลภเอ๊ย"
พลูโตบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะส่งไส้กรอกชิ้นที่สี่ส่งให้พี่น้ำตาล ซึ่งหล่อนก็รับมันไว้ ก่อนจะสะบัดตูดใส่พลูโต แล้วกินไส้กรอกอย่างมีความสุข สรุปแล้วพลูโตเสียไส้กรอกไปทั้งหมด 4 ชิ้นหรือ 1 ห่อ เป็นค่าเปิดประตูในการมาร้านสะดวกซื้อครั้งนี้
"ฉันล่ะเกลียดหมาหน้าร้านฉลาด ๆ แบบนี้จริง ๆ"
พลูโตบ่นพึมพำก่อนจะเดินกลับบ้าน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พลูโตนั่งอยู่หน้าคอม พร้อมกับหาอะไรดูไปด้วย ระหว่างกิน โดยมีของกิน กับขนมเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ พลูโตดูไปกินไป อย่างมีความสุข จนกระทั่งมีโฆษณาตัวหนึ่ง ซึ่งแทรกอยู่ในวิดิโอที่เขากำลังดูเด้งขึ้นมา มันเป็นโฆษณาที่ซัทเล่น เมื่อเห็นดังนั้น พลูโตจึงรีบปิดเว็บนั้นทันที พร้อมกับวางทุกอย่างในมือแบบหมดอารมณ์
ในขณะที่พลูโตกำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าคอมนั้นเอง ดูเหมือนว่าเขาจะคิดบางอย่างได้ จึงเปิดเว็บขึ้นมา แล้วพิมพ์คำว่า ซัท ไอศูรย์ นภสินธุ์ จากนั้นก็กดค้นหา
พลูโตอ่านข้อมูลต่าง ๆ ของซัทไปพลาง หยิบขนมเข้าปากไปพลาง จากนั้นก็กดเข้าไปสำรวจบัญชีโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของซัท ก่อนจะพบว่า ซัทก็โพสต์สิ่งต่าง ๆ เป็นปรกติเหมือนดาราคนดังทั่วไปนะ แต่จากการทำงานร่วมกันมา อยู่ด้วยกันมา 2-3 วัน เขาอยู่กับซัทแทบจะตลอด แต่เขาเองก็ไม่ค่อยเห็นซัทหยิบโทรศัพท์มาเล่นสักเท่าไหร่ พลูโตเริ่มคิดทบทวนในหัว
บางทีบริษัทอาจจะเป็นคนดูแลบัญชีโซเชียลมีเดียของซัททั้งหมดเลยก็ได้ ถ้างั้นซัทไปรู้เรื่องคุณชายสายเผือกจากไหน?
โอเค อาจจะเป็นนักข่าวหรือใครก็ได้ จริง ๆ ซัทเองก็เป็นคนทันเทคโนโลยี เพราะงั้นแค่ค้นหาด้วยตัวเองคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่า...ด้วยความคาใจพลูโตจึงกดเข้าไปในเพจคุณชายสายเผือก แล้วเลื่อนหาโพสต์ที่เพจนั้นกล่าวพาดพิงซัท
5 ทุ่ม 23 นาที วันที่ 1 เมษา 2022 คือเวลาที่เพจนั้นโพสต์ ซึ่งตอนนั้นพวกเขาพึ่งกลับมาจากไชน่าทาวน์ได้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ในตอนที่โพสต์ พวกเขาก็คงหลับกันไปหมดแล้ว ตอนตื่นมาทุกอย่างก็ยังดูปรกติ ตอนอยู่บนรถ ตอนขึ้นเครื่อง ถ้าซัทไม่อ่านหนังสือ อ่านบท ก็หลับ ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย...พลูโตหยุดคิดไปครู่หนึ่ง
จากนั้นพูลโตก็หยิบกระดาษหยิบปากกาใกล้ ๆ มือมา แล้วก็เริ่มขีดเขียนบางอย่าง
'เมย์คนดูแลงานที่ทุ่งศรีภูมิ คือคุณชายสายเผือก?'
หลังจากเขียนข้อความด้านบนเสร็จ พลูโตก็หยุดและคิดทบทวนต่อ
จากท่าทีตอนได้เจอกันในเช้าวันนี้ เมย์มีท่าทางแปลก ๆ ก็จริง เธอดูยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนมีอะไร ว่าแล้วพลูโตก็ขีดฆ่าข้อความนั้น
ไม่ใช่ ข้อความในเพจไม่ได้ระบุว่า คนที่ซัทจูงมือเดินด้วยเป็นใคร ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นผู้จัดการ หรืออื่น ๆ แต่เธอคงเห็นข้อความในเพจจริง ๆ แล้วก็คงจะจิ้นเรากับซัท ตามประสาสาววายแน่ ๆ ไม่ก็คงเป็นแฟนคลับซัทนั่นแหละนะ
พลูโตยังคงคิดทบทวนต่อไป เขาใช้มือขวากำปากกาแล้วนั่งเท้าคางอยู่ ในขณะที่มือซ้ายค่อย ๆ หยิบขนมเข้าปาก
ท่าทางของซัทเปลี่ยนไปหลังจากนั้นต่างหาก ตอนที่พวกเราแยกกัน งั้นเมย์ยิ่งไม่น่าใช่ใหญ่ เพราะมีความเป็นไปได้ว่า คนที่เป็นคุณชายสายเผือก จะเป็นคนเอาโพสต์นี้ไปให้ซัทดู ซึ่งตอนนั้นเมย์อยู่กับเราตลอด...
"จริงสิคนคนนั้น!"
จู่ ๆ พลูโตก็อุทานออกมา
พลูโตพึ่งนึกขึ้นได้ว่า หลังจากไปพูดคุยกับเมย์แล้ว ตอนไปกลับไปหาซัท มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องของซัท แถมยังเรียกซัทว่าพี่ด้วย แสดงว่าต้องสนิทกันมากแน่ ๆ แล้วก็เป็นหลังจากนั้นนั่นแหละ ที่เขาถูกซัทไล่ออก เขาเป็นใครกันนะ
พลูโตพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก ผู้ชายคนนั้น หน้าตาก็คุ้น ๆ อยู่หรอก เหมือนเคยเห็นกันก่อนหน้านั้น แต่ชื่อมันติดอยู่ที่ปาก ว่าแล้วพลูโตก็ใช้มือซ้ายเอื้อมไปหยิบขนม แต่เขากลับพบเจอแค่ความว่างเปล่า
"หมดซะแล้ว"
พลูโตบ่นพึมพำ ก่อนจะมอง เพื่อเลือกว่า ขนมห่อไหนจะเป็นเหยื่อรายต่อไปของเขา
เขาหยิบขนมขึ้นมาดูทีละห่อสองห่อสามห่อดูไปเรื่อย ๆ แต่แล้วก็มีขนมห่อหนึ่งไปสะดุดใจเขา
"ขนมข้าวโพดอบกรอบโตชีส"
พลูโตอ่านหน้าซองขนม
"โตชีสเหรอ ชีส อืม ชีสเหรอ"
พลูโตบ่นพึมพำงึมงำ อยู่พักหนึ่ง แล้วเขาก็อุทานออกมา
"ใช่แล้วชีคไง!"
ว่าแล้วพลูโตก็พิมพ์คำว่า ชีคดารา แล้วกดค้นหา ทันทีที่รูปเขาโผล่ขึ้นมา พลูโตก็อุทานอีกรอบ
"ว่าแล้วเชียว!"
จากนั้นพลูโตก็แกะซองขนม หยิบขนมเข้าปาก ก่อนจะวางมันไว้ทางฝั่งซ้าย
แล้วเขาก็ใช้มือขวาหยิบปากกาขึ้นมาขีดเขียนต่อ
'ชีคบอกข่าวซัทเหรอ เขาเป็นคุณชายสายเผือกรึเปล่า?'
พลูโตหยุดเขียน แล้วคิดทบทวนต่อ
ที่ซัทสงสัยเขา เพราะเขานับว่าเป็นคนใกล้ตัวซัทเช่นกัน แต่เราสองคนพึ่งรู้จักกันไม่ใช่เหรอ เพจคุณชายสายเผือก เริ่มดังตอนลงข่าวหย่าของซัท เมื่อ 3 ปีก่อน ก่อนที่ซัทจะหย่าจริง ๆ ถ้างั้น คนที่สามารถรู้เรื่องนี้ก่อนใครได้ ก็ต้องรู้จักกันมา 3 ปีเป็นอย่างน้อย
ว่าแล้วพลูโตก็เริ่มลงมือขีดเขียนอีกรอบ เขาหยิบกระดาษมาวางไว้ข้างหน้าหลายต่อหลายแผ่น แล้วเริ่มขีดเขียนบางอย่างลงไปทีละแผ่นสองแผ่น พร้อมกับพิมพ์หาข้อมูลในเน็ตไปด้วย หยิบขนมเข้าปากไปด้วย
เมื่อเขียนเสร็จ เขาก็ปีนขึ้นไปยืนบนเตียงนอน แล้วนำกระดาษเหล่านั้นไปแปะผนังตรงนั้น ทีละแผ่นสองแผ่น จนเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แล้วก็ลงจากเตียงมายืนมองผลงานของตัวเอง แล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
"คุณชายสายเผือก แกเกือบทำฉันถูกไล่ออก คราวนี้แหละ ฉันจะเล่นแกบ้าง"
พลูโตบ่นพึมพำแล้วยิ้มออกมาด้วยสีหน้าและแววตาอันแสนชั่วร้าย
....โปรดติดตามซีนต่อไป....