บทที่ 35 จี๊ป แกรนด์ เชอโรคี
เมื่อเครื่องบินออกตัว ฉินสือโอวก็เริ่มตึงเครียด เขาหลับตาพยายามสูดลมหายใจ สองมือกำแขนเก้าอี้แน่น ระแวงว่าอาจเกิดเหตุน้ำหนักเกินระหว่างเครื่องบินกำลังไต่ระดับ
มืออบอุ่นเล็กๆ เข้ากุมมือซ้ายเขา พร้อมกลิ่นหอมของดอกแพโกดาอันคุ้นเคยข้างตัว
"โอเค ใจเย็นๆ นะคะ ไม่เป็นไร นึกถึงฉากตอนกำลังโล้ชิงช้าในลานเมื่อสมัยเด็ก ผ่อนคลาย ปล่อยความรู้สึกไปค่ะ..."
พอไต่ขึ้นถึงระดับสอง ฉินสือโอวจึงลืมตาขึ้น ก็เห็นวินนี่ส่งยิ้มขบขันมาให้ตรงหน้า เขากล่าวขอบคุณ "คุณช่วยผมไว้อีกแล้ว บอกตามตรง อาการเมาพาหนะนี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย"
วินนี่ยิ้ม "ก็จริง แต่ฉันคิดว่าถ้าคุณได้นั่งหลายๆ รอบ มันน่าจะดีขึ้นนะคะ"
ฉินสือโอวส่ายหน้า "ต่อให้มีแค่เที่ยวบินของคุณให้นั่ง ผมขอไม่ขึ้นเครื่องบินเลยดีกว่า จริงสิ คุณเป็นแอร์โฮสเตสนี่เอง มิน่าเล่าตอนคุณช่วยผมไว้คราวก่อน ผมตั้งใจจะขอบคุณคุณแต่ก็หาตัวไม่เจอเสียแล้ว"
"เพิ่งมาเป็นแอร์โฮสเตสได้ไม่นานค่ะ ฉันยังต้องดูแลลูกเรือบนเครื่องบินลำนี้ด้วย ก็เลยค่อนข้างยุ่ง" วินนี่อธิบาย
"งั้นผมยิ่งต้องขอบคุณที่คุณสละเวลามาช่วยปลอบผมด้วย" ฉินสือโอวกล่าว
วินนี่ขยิบตาให้ "ไม่หรอกค่ะ ที่จริงฉันแค่จะแสดงให้เพื่อนร่วมงานท่านหนึ่งเห็นเป็นพิเศษ ว่าการบริการผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่ดีของคนรุ่นใหม่น่ะมันเป็นยังไง"
พูดจบ วินนี่ก็หลุดหัวเราะ ฉินสือโอวหัวเราะตาม
เรื่องซุบซิบของสาวๆ ฉินสือโอวประเมินดู อีกฝ่ายต้องเป็นแอร์โฮสเตสชั้นหนึ่งตามที่เขาเดาไว้แน่นอน ไม่งั้นวินนี่คงไม่สามารถมาพูดเล่นแบบนี้ได้
ฉินสือโอวย้ายที่นั่งมาอยู่แถวหลังสุด ซึ่งด้านหลังเป็นโซนเครื่องดื่ม วินนี่จึงยืนคุยกับเขาตรงนี้ได้โดยไม่ถูกผู้โดยสารคนอื่นสงสัยอะไร ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักพัก กระทั่งมีเสียงประกาศเรียกตัวแอร์โฮสเตส
"ฉันรู้สึกว่ามีคนกำลังตกหลุมรักเข้าให้แล้ว" เออร์บักที่นั่งอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น
ฉินสือโอวมองแผ่นหลังอันสง่างามของวินนี่ โดยเฉพาะขาเรียวยาวสองข้างนั้น ชวนมองน่าหลงใหลเสียจน ไม่ได้สนใจคำพูดไร้สาระของเออร์บักนัก
จากการสนทนาทำให้ฉินสือโอวได้ทราบว่า วินนี่มีสายเลือดของคนจีนถึงสี่ส่วนทีเดียว ปู่ของเธอเป็นคนปักกิ่ง เธออาศัยอยู่ที่ปักกิ่งกับปู่ย่าจนอายุสิบขวบ มิน่าถึงพูดภาษากลางได้คล่องขนาดนี้
เดินทางมาหนึ่งคืน โบอิง 777 ก็มาถึงสนามบินนานาชาติปักกิ่ง ฉินสือโอวรอจนวินนี่พาพวกลูกเรือลงจากเครื่องเป็นกลุ่มสุดท้ายจึงเดินออกไป
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกัน น่าเสียดายที่วินนี่ไม่มีเวลา ไม่งั้นฉินสือโอวคงพาเธอไปเที่ยวปักกิ่งด้วย แน่นอนว่าวินนี่ทำหน้าที่เป็นไกด์
หลังลงจากเครื่องบิน เขาไม่ได้ไปหาเหมาเหว่ยหลงทันที แต่นั่งแท็กซี่ไปยังร้านไครสเลอร์ (Chrysler) ที่ใกล้ที่สุดก่อน เพื่อรูดบัตรซื้อจี๊ป แกรนด์ เชอโรคีรุ่นล่าสุดมาคันหนึ่ง แล้วจึงโทรหา
"เหมาอี โคโกโร่ ตอนนี้นายอยู่ไหนเนี่ย? ไอ้เวรฉันเสด็จลงจากเครื่องมาแล้ว ส่งโลมา เดี๋ยวฉันไปหา"
เหมาอี โคโกโร่เป็นชื่อเล่นของเหมาเหว่ยหลง สมัยมหาวิทยาลัยหมอนี่ก็ค่อนข้างเป็นที่ฉาวโฉ่อยู่แล้ว มีช่วงหนึ่ง คู่รักในมหาวิทยาลัยนิยมทำของขวัญ DIY ให้กัน
เหมาเหว่ยหลงที่มีความสามารถในการถักเสื้อไหมพรม จึงถักเสื้อตัวหนึ่งในวันวาเลนไทน์ไปสารภาพกับสาวงามที่สุดในวิทยาลัย แน่นอนว่าด้วยท่าทีคลั่งไคล้เกินงามของเขาย่อมต้องโดนปฏิเสธ 'นายมันบ้า'
จากนั้น เหมาเหว่ยหลงผู้ยิ่งแพ้ยิ่งสู้ ทั้งเทศกาลชีซี [footnoteRef:1]จนเทศกาลวาเลนไทน์ปีถัดๆมา... พูดง่ายๆคือ เขายังคงถักเสื้อไหมพรมถึงสี่ตัวเพื่อแสดงความรักแก่แม่เทพธิดามาตลอด จนสุดท้ายรวมทั้งหมดเป็นห้าตัว ซึ่งล้วนไม่ได้ส่งไปให้ [1: ตำนานการกลับมาพบกันของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี ถือเป็นวันแห่งความรักอีกวันของคนจีน]
แต่วีรกรรมนี้กลับทำให้เขากลายเป็นคนดังภายในคณะ ครั้งหนึ่งขณะฉินสือโอวเดินไปกับเขาบนทางเดิน มักมีคนชี้ไม้ชี้มือมาไม่ก็กระซิบกระซาบว่า "นั่นไง นั่นไง ไอ้ขี้แพ้ที่คอยส่งเสื้อไหมพรมให้เทพธิดาของมัน..."
ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าจงต้าซุ่นจึงตั้งชื่อเล่นเหมาเหว่ยหลง ตามโมริ โคโกโร่ในเรื่อง 'ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน' เป็นเหมาอี(ไหมพรม) โคโกโร่
ตอนที่ฉินสือโอวโทรมาหา เหมาเหว่ยหลงยังทำงานอยู่ พอได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนซี้ เขาก็ดีใจจนแทบเตรียมจะไปรับที่สนามบินทันที แต่ฉินสือโอวบอกว่านั่งแท็กซี่ออกมาแล้ว เขาจึงส่งที่อยู่ให้แทน
เปิดตัวด้วยจี๊ป แกรนด์ เชอโรคีโฉมใหม่ทั้งที ฉินสือโอวพาเออร์บักขับไปบนทางหลวงอันยิ่งใหญ่ของประเทศตัวเอง
เพราะคุ้นเคยกับการขับเรือยนต์บนคลื่นที่ขึ้นลงไปมาในทะเลแล้ว พอมาเจอจราจรทางหลวงเมืองปักกิ่งที่ต้องคอยหยุดๆขับๆ เลยรู้สึกไม่ชิน จนเขาทนไม่ไหวบีบแตรสบถไปหลายที
รถมันจะเยอะไปไหนเนี่ย?
เขาน่าจะรอให้เหมาเหว่ยหลงเลิกงานก่อน ค่อยให้อีกฝ่ายมาหาเองฉินสือโอวจะได้เซอร์ไพรส์ส่งรถคันนี้ให้เขาทีเดียว แล้วดูตอนนี้สิ แผนเซอร์ไพรส์ก่อนเลิกงานของเขาเละไม่เป็นท่าแล้ว
การจราจรเมืองปักกิ่งนอกจากช่วงที่จราจรหนาแน่นอย่างเวลาก่อนและหลังงาน ยามอื่นก็ถือว่าปกติ ความจริงคือฉินสือโอวเองก็ไม่รู้ทาง จากที่ใช้เวลาขับรถเพียงหนึ่งชั่วโมงกลายเป็นสองชั่วโมงครึ่ง จนเข้าสู่ช่วงจราจรหนาแน่นในที่สุด
เมื่อไม่มีทางเลือก ฉินสือโอวก็ต้องยอมรับว่าเขาคงไปหาเหมาเหว่ยหลงที่กรมการค้าต่างประเทศไม่ทัน จึงโทรหาอีกฝ่ายให้มารับเอง
ภายในสาย เหมาเหว่ยหลงกลับหัวเราะกับความทุกข์ของคนอื่น "ก็ว่าอยู่เห็นแกเงียบไป นึกว่าจะแอบซุ่มทำอะไรให้ฉัน ถ้าแกบอกมาแต่แรก ฉันคงไปรับแกดีๆแล้ว คิดว่าทางหลวงเรามันเดินทางง่ายนักเหรอ? ขอบอกเลยว่าถ้าไม่มีคนนำทาง แกไม่มีทางไปถึงได้หรอก!"
"ฉันซื้อจี๊ป แกรนด์ เชอโรคีมาให้แกคันหนึ่ง ถ้าฉันนั่งแท็กซี่ไปตั้งแต่แรก ป่านนี้คงถึงแล้ว..."
"แกพูดบ้าอะไรน่ะ? จี๊ป แกรนด์ เชอโรคี? เชี่ย แกไม่ได้ซื้อมันจริงๆหรอกใช่ไหม?"
"เดี๋ยวฉันดูก่อนว่าตอนนี้อยู่ตรงไหน แล้วแกค่อยมาดู มาลองขับเองเลย ทีแรกตั้งใจจะเซอร์ไพรส์แก ดันมาพลาดเพราะการจราจรเฮงซวยนี่แหละ"
ต่อมาไม่นาน บนทางหลวงฉางอันก็เกิดกลยุทธ์เชิงรุกเชิงรับขึ้น ข้าศึกเข้าเราหลบ ข้าศึกถอยเรารุก ทุกนาทีในการขับไม่มีสูญเปล่า ด้วยสกิลความว่องไว ฉินสือโอวเห็นดังนั้นก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ทำไมคนขับไม่ไปเล่น F1(เกมแข่งรถ) ให้รู้แล้วรู้รอดเสียเลยล่ะ
ปรากฏเมื่อรถจอด คนที่ลงมากลับเป็นหน้ายิ้มกริ่มของเหมาเหว่ยหลง
"เชี่ย เพื่อน แกจะขับเก่งอะไรปานนั้น" ฉินสือโอวทำหน้าตกตะลึง
เหมาเหว่ยหลงเข้ามากอดเขาอย่างเป็นมิตร กล่าวอย่างลิงโลด "ไว้แกขับรถในปักกิ่งได้สักสี่ปี เดี๋ยวก็ขับได้ประมาณนี้เอง"
หลังผละจากฉินสือโอว เหมาเหว่ยหลงจึงเข้าไปดูจี๊ป แกรนด์ เชอโรคี รถจี๊ปคันนี้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด พลาสติกที่หุ้มไว้ยังไม่แกะออก ล้อขาวเป็นประกาย รูปลักษณ์อันน่าเกรงขาม สีเด่นเป็นสง่า โดยรวมความมีเสน่ห์เต็มร้อย
"ให้ตายเถอะเพื่อน เป็นแกรนด์ เชอโรคีจริงๆด้วย" เหมาเหว่ยหลงกางแขนวางบนหน้ารถอย่างลืมตัว
ฉินสือโอวตอบ "ไม่ต้องห่วง รถใหม่เอี่ยมหมื่นเปอร์เซ็นต์เลย ไม่ใช่ว่าแกอยากได้จี๊ปสักคันมาตลอดเหรอ? วันนี้เพื่อนอย่างฉันทำให้ความปรารถนาแกเป็นจริงแล้วนะ"
พอได้สัมผัสถึงความเย็นของผิวเหล็ก เหมาเหว่ยหลงจึงใจเย็นลง เขาพูดขึ้นว่า "เฮ้ย ไอ้เวร ฉันรู้ว่าตอนนี้แกเงินเยอะแล้ว แต่บอกมาตามตรงเถอะ แกซื้อรถนี่ให้ฉันเพื่ออะไรกันแน่วะ? ให้ทานหรือไง?"
ฉินสือโอวมองค้อนใส่ ตอบว่า "แล้วตอนที่แกหาคนส่งฉันไปบริษัทปิโตรเลียมล่ะ แกทำไปเพื่ออะไร? ทำทานเหมือนกันหรือเปล่า? แล้วก็ ถ้าแกไม่สนใจก็ไม่เป็นไร รถคันนี้เพิ่งขับมา ฉันยังเอาไปคืนได้อยู่"
ความจริงฉินสือโอวไม่ได้สนใจราคารถคันนี้เลยด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็คงราวๆ หกแสนหยวน เท่ากับปลาค็อดหนึ่งแสนกว่าตัว
แต่ไหนแต่ไร ฉินสือโอวก็ติดหนี้บุญคุณเหมาเหว่ยหลงครั้งใหญ่อยู่แล้ว ปีที่เขาเรียนจบและไม่สามารถหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมได้เสียที จนล่วงเลยไปครึ่งเดือนพร้อมอาการนอนไม่หลับในตอนกลางคืน
แน่นอนว่าทั้งหมดไม่รอดพ้นสายตาของเหมาเหว่ยหลงเพื่อนรักได้ อีกฝ่ายช่วยหาโอกาสให้เขา พอรู้ว่าเขาอยากอยู่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่า ก็หาเส้นสายคนในส่งเขาไปยังบริษัทปิโตรเลียม
บุญคุณนี้ฉินสือโอวตราตรึงไว้ในใจไม่เคยลืม การที่เขาซื้อรถไม่ใช่เพื่อแลกบุญคุณ แต่เพื่อต้องการบอกกับเพื่อนรักคนนั้นว่า ฉินสือโอวก็เหมือนกับเหมาเหว่ยหลง เขาเพียงเลือกที่จะทำสิ่งเดียวกันให้
……………………………………….