บทที่ 29 นกขมิ้นแห่งท้องสมุทร
วาฬเบลูกาถือได้ว่าเป็นนกขมิ้นแห่งมหาสมุทรที่สวยที่สุด
เจ้าวาฬเบลูกาตัวใหญ่ที่มีนิสัยอ่อนโยนปกติแล้วจะอาศัยอยู่ในมหาสมุทรทางเหนือแถบยุโรป อลาสก้าและแคนาดา ฉินสือโอวไม่ยักจะรู้ว่าที่เกาะนิวฟันด์แลนด์ก็มีพวกมันอาศัยอยู่ด้วย
คุณควรรู้ไว้ว่าที่ไหนมีวาฬเบลูการวมตัวอยู่ ที่เหล่านั้นล้วนเป็นสถานที่ชมวาฬที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่นแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ทางตะวันออกของแคนาดาและปากแม่น้ำเชอร์ชิลล์ในอ่าวฮัดสันตะวันตก
สำหรับชาวประมงวาฬเบลูกาไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาล่าหรือว่าคู่ต่อสู้ วาฬเบลูกามีหน้าตาคล้ายกับปลาโลมา มีลักษณะนิสัยที่ไร้เดียงสาและอบอุ่น ไอคิวสูง มีความสามารถในการใช้เสียงสื่อสารกัน มันเป็นสัตว์สังคมอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่สิบแปดที่มีการค้นพบพวกมันเป็นต้นมา ก็มีเรื่องราวมิตรภาพระหว่างวาฬเบลูกากับชาวประมงออกเล่าสู่กันมาไม่หยุด
เหตุที่เรียกวาฬเบลูกาว่านกขมิ้นนั้น เป็นเพราะพวกมันมีความสามารถในการใช้เสียงมากที่สุดในบรรดาปลาทั้งหลาย พวกมันสามารถส่งเสียงได้หลายร้อยเสียงและเสียงที่เปล่งออกมานั้นล้วนแตกต่างกัน
หลังจากเจ้าวาฬเบลูกาตัวน้อยปรากฏตัวขึ้น มันก็อ้าปากสั้นๆ ของมันส่งเสียงเลียนแบบหวูดของเรือโดยสาร มันเห็นเรือยนต์เป็นครั้งแรกจึงรู้สึกสงสัยใคร่รู้ เมื่อเรือออกสู่มหาสมุทรมันก็ว่ายตามมาอย่างอารมณ์ดี
ฉินสือโอวเห็นว่าเป็นวาฬเบลูกาก็รู้สึกโล่งใจ ถ้าหากเป็นฉลามหรือพวกปลากินคนโผล่มาล่ะก็ เขาคงต้องเสียเวลาในการจัดการพวกมันเป็นแน่
เมื่อเห็นวาฬเบลูกาตามเขามาข้างหลังอย่างสนอกสนใจ ฉินสือโอวจึงเร่งความเร็วเรือและหักเลี้ยวไปมาเพื่อเล่นกับเจ้าวาฬเบลูกา
เจ้าวาฬเบลูกากระทุ่มน้ำอย่างงุ่มง่ามตามมา พอได้ยินเสียงมอเตอร์ของเรือยนต์บ่อยๆ เข้า มันก็เลียนเสียงเครื่องยนต์ขึ้นมา “บรื้นๆ… บรื้นๆ”
ฉินสือโอวถูกความน่ารักของวาฬสีขาวตัวเล็กนี้ดึงดูดเข้าให้แล้ว เขาหยอกมันได้ไม่นาน ก็มีเสียง “หวู่ๆ” ของหวูดเรือที่วาฬเบลูกาส่งเสียงออกมาตอนแรกดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
พอได้ยินเสียงนั้น เจ้าวาฬเบลูกาน้อยก็มุดหัวลงไปให้ทะเล มันมองดูอยู่ครูหนึ่งก็ว่ายน้ำจากไป
จิตสำนึกโพไซดอนของฉินสือโอวตามมันไปอย่างไม่รอช้า ที่แท้ก็มีวาฬเบลูกาที่โตเต็มไวอีกตัวอยู่ไม่ไกล เจ้าวาฬเบลูกาน้อยตัวนี้คงออกมาหาอาหารพร้อมกับแม่ของมัน
ด้วยความรัก ฉินสือโอวนำจิตโพไซดอนเข้าไปในร่างกายของเจ้าวาฬเบลูกาน้อย หลังจากนั้นก็ไม่อยากจะจากมันไป
ฉินสือโอวอยากจะพาเจ้าวาฬเบลูกาน้อยกลับไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงที่ฟาร์มปลาเหลือเกิน แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็โหดร้ายสำหรับแม่วาฬเบลูกาไปหน่อย เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก ปัจจุบันจำนวนของวาฬเบลูกานับวันยิ่งน้อยลงทุกที เขาต้องการปกป้องเจ้าสิ่งมีชีวิตที่น่ารักนี้ไว้
นับแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา เนื่องจากผลกำไรที่สูงจากการล่าปลาวาฬทำให้นักล่าออกล่าวาฬเบลูกาอย่างดุเดือด ส่งผลให้จำนวนปลาวาฬเบลูกาลดลงอย่างรวดเร็ว
ที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นก็คือสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาของวาฬเบลูกาได้รับความเสียหาย การได้รับสารพิษหลายชนิดเช่น Polychlorinated Biphenyls, DDT รวมไปถึง Polycyclic Aromatic Hydrocarbons ที่ก่อให้เกิดมะเร็งอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของวาฬเบลูกาได้รับความเสียหายและตายเป็นจำนวนมาก
หลังจากบอกลาเจ้าวาฬเบลูกาน้อยแล้ว ฉินสือโอวก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเที่ยวเล่นอีกต่อไป เขาจึงเร่งเครื่องกลับเข้ามายังท่าเรือของฟาร์มปลา
มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมรอบเจ็ทสกีลำหนึ่งอยู่ที่ท่าเรือ ฉินสือโอวลงจากเรือยิ้มให้ก่อนจะพูดกับชาร์คว่า “ให้เด็กๆ ผลัดกันนั่งสักหน่อยสิ”
เด็กๆส่งเสียงโห่ร้องอย่างดีใจ ฉลามน้อยสามสี่คนมองไปยังชาร์คด้วยสายตาที่น่าสงสาร ชาร์คจึงพูดอย่างลำบากใจว่า “น้ำทะเลที่กระเซ็นขึ้นมามันค่อนข้างเย็น จะทำให้เด็กไม่สบายได้ง่ายนะ”
เหล่าเด็กๆนำโดยฉลามน้อยร้องตะโกนว่า “ไม่กลัว พวกเราไม่กลัว!”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วตอบว่า “ขี่ช้าๆ ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง นายอยากให้ลูกเป็นดอกไม้ในเรือนกระจกหรือว่าต้นสนเขียวชอุ่มที่สูงใหญ่กันล่ะ?”
ชาร์คได้ยินดังนั้นก็ไม่พูดอะไร ติดเครื่องเจ็ทสกีและพาเด็กๆ ไปทีละคน
ของทั้งหมดส่งมาถึงแล้ว ฉินสือโอวไปนับด้วยตนเอง เมื่อไม่มีปัญหาอะไรเขาก็ทำการจ่ายเงิน จ่ายไปแปดแสนกว่าดอลลาร์แคนาดาในครั้งเดียว
แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ นอกจากฟาร์มปลากับพันธุ์ปลาแล้ว ถือว่ากลับมาเปิดฟาร์มปลาแล้วนะเนี่ย
เมื่อเขาถ่ายรูปตัวเองขี่เจ็ทสกีสามสี่รูปแล้วส่งเข้ากลุ่มแชท เพื่อนๆ ในกลุ่มแชทของเขาก็เริ่มเข้ามาคุยกันอย่างสนุกสนาน
เหมาเหว่ยหลง: “ฉินโซ่ว ชีวิตของแกนับวันยิ่งสบายขึ้นทุกทีแล้วนะ เมื่อไหร่จะซื้อเรือยอชต์? ถึงตอนนั้นพวกฉันจะไปเล่นด้วย”
เฉินเหล่ย: “เชี่ย เจ็ทสกีลำนี้โคตรเท่เลยว่ะ ฉินโซ่ว บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเป็นของแกจริงๆ หรือแค่ขึ้นไปนั่งถ่ายรูปของคนอื่นเขา?”
ซ่งเสวี่ยเหมย: “ขอร้องอย่ามาอวดรวย มันทำให้พวกพนักงานบริษัทอย่างฉันทุกข์ทรมานรู้รึเปล่า? ฉันยังคิดว่าค่าเช่าเดือนหน้าจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายอยู่เลย ดูท่าแล้วน่าจะต้องไปนอนข้างถนนว่ะ”
จงต้าจวิ้นออกมาเดี๋ยวนี้: “เสวี่ยเหมย นายไม่ต้องไปเช่าเขาอยู่แล้ว มาอยู่กับฉันนี่ สี่ขาของฉันยินดีต้อนรับแก”
หม่าจินส่งอีโมจิลามกกลับมาแล้วตอบว่า: “ฉันว่า 5 ขามากกว่ามั้ง”
“ไปตาย!” เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มสามสี่คนรุมด่าหม่าจิน และแน่นอนว่าจงต้าจวิ้นถูกด่าจนเละยิ่งกว่า
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพิมพ์ตอบกลับไปสามสี่ประโยค จากนั้น QQ ก็แสดงการแจ้งเตือนขึ้นมาที่มุมขวาล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาเปิดดูแล้วพบว่ามันเป็นข้อความจากฉินเผิงเพื่อนสนิทที่บ้านเกิดของเขา
“ฉินโซ่ว อีกครึ่งเดือนฉันจะแต่งงาน กลับมาร่วมงานได้ไหม? อีกอย่าง... ทำไมฉันถึงโทรติดต่อนายไม่ได้เลย?”
ฉินเผิงเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉินสือโอว เรียกได้ว่าโตมาด้วยกันเลยล่ะ เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม ชั้นเดียวกัน ห้องเดียวกัน นิสัยเข้ากันได้ เล่นด้วยกันตลอด
ความจริงแล้วฉินสือโอวมีเพื่อนไม่เยอะ พูดตรงๆ ก็คือ เขาเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางและนิสัยไม่ดี ส่วนฉินเผิงนั้นนิสัยดี เขามักจะหัวเราะอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าเด็กวัยเดียวกันในหมู่บ้านจะมีอยู่ไม่น้อย แต่เล่นกันฉินเผิงน่ะสนุกที่สุดแล้ว
ฉินเผิงเรียนไม่ค่อยเก่ง เรียนม.ปลายยังไม่ทันจบก็หยุดเรียนแล้วไปทำงาน เขาชอบพวกเครื่องยนต์ ตอนนี้ก็เปิดร้านซ่อมรถอยู่ที่บ้านเกิด
ฉินสือโอวไม่ได้อยู่บ้าน ที่บ้านมีแค่พ่อแม่แก่ๆ อยู่สองคน ฉินเผิงก็ช่วยเขาดูแลมาตลอด เมื่องานที่ฟาร์มยุ่งเขาก็ไปช่วย พอถึงวันเกิดก็ช่วยส่งเค้กให้
ดังนั้นเมื่อเห็นข้อความที่เขาฝากไว้ ฉินสือโอวจึงรีบตอบกลับไปทันที
“ไปสิๆ ฉันไปแน่นอน จะไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย เหลือที่ไว้ให้ฉันที่หนึ่งนะ”
ฉินเผิงไม่ตอบกลับมา ฉินสือโอวจึงส่งเบอร์โทรศัพท์ของเขาไปให้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เขาก็มีความผิดอยู่เหมือนกัน ตัวเองมาอยู่แคนาดาเปิดโรมมิ่งแล้ว แต่กลับไม่เคยโทรไปบอกเพื่อนคนนี้เลย
รู้ตัวอีกทีฉินสือโอวก็มาอยู่แคนาดาได้เกือบเดือนแล้ว เขามาที่นี่เมื่อต้นเดือนเมษายน ตอนนี้ก็ใกล้จะปลายเมษายนแล้ว เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงงานแต่งงานของฉินเผิงเขาจึงรีบโทรไปบอกให้เออร์บักช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้เขาหน่อย
เขายังไม่ได้ซื้อเรือตกปลา ฉินสือโอวจึงไม่มีอะไรให้ทำ วันต่อมาจึงตัดสินใจไปสมัครสอบใบขับขี่แล้วก็ถือโอกาสทำใบอนุญาตครอบครองปืนไปด้วยเลย
การสมัครสอบใบขับขี่นั้นง่ายมาก แค่หาโรงเรียนสอนขับรถแล้วเอาข้อมูลของเขาพร้อมเงินหกร้อยดอลลาร์ไปยื่นก็เรียบร้อย
ทดสอบการขับขี่ในแคนาดาเข้มงวดมาก เข้มงวดเฉพาะตอนสอบ เนื่องจากทุกบ้านล้วนมีรถ หลายคนขับเป็นแล้วค่อยมาสอบ ดังนั้นขอแค่อบรมครบห้าหัวข้อ ก็สามารถไปสอบได้
ส่วนการขอใบอนุญาตครอบครองปืนนั้นยากขึ้นมาหน่อย
ก่อนอื่นฉินสือโอวส่งแบบฟอร์มใบสมัคร หลังจากนั้นก็ไปตรวจสภาพจิตใจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่รัฐกำหนด
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เขาต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมสามระดับจากกรมตำรวจเซนต์จอห์น กรมตำรวจนิวฟันด์แลนด์และสำนักงานสืบสวนกลางแห่งชาติ เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าเขาไม่มีประวัติอาชญากรรมมาก่อน นอกจากนี้หลังจากยื่นขอใบอนุญาตครอบครองปืนแล้วก็จะมีการตรวจสอบจากสถานีตำรวจท้องที่ว่าคุณมีอาการติดเหล้ารึเปล่า ทะเลาะกับเพื่อนบ้านรึเปล่าและมีความรุนแรงในครอบครัวรึเปล่าอยู่เป็นระยะๆ
ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาประมาณสองเดือน ถ้าทั้งหมดไม่มีปัญหาอะไร จึงจะสามารถไปรับใบอนุญาตให้ซื้อปืนและใบอนุญาตให้ครอบครองปืนที่สถานีตำรวจได้
หลังจากได้รับใบอนุญาตทั้งสองแล้ว ฉินสือโอวต้องซื้อปืนภายใน 30 วัน และหลังจากซื้อปืนต้องไปที่สถานีตำรวจเพื่อลงทะเบียนหมายเลขปืนภายใน 72 ชั่วโมง
ถึงแม้จะรู้สึกว่ามันยุ่งยากแค่ไหน แต่ฉินสือโอวก็ต้องทำ เพราะบนสวรรค์ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนดีแค่ไหนก็ไม่มีทางได้ครอบครองปืน อีกอย่างเขาคิดว่าผู้ชายที่ไม่เคยเล่นปืนนั้นเป็นผู้ชายที่ไม่สมบูรณ์
……………………………………….