ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 49 เทศกาลเรือยอชต์

วันที่สองเขาตื่นตอนหกโมงกว่า ฉินสือโอวเห็นว่าวินนี่ยังไม่ตื่น จึงลงไปสั่งอาหารเช้าชั้นล่าง

ระหว่างนั้นก็ซื้อ 'หนังสือพิมพ์ฉบับเช้าโทรอนโต' มา ฉินสือโอวอ่านเจอว่า ทางโทรอนโตกำลังจะจัดเทศกาลฤดูใบไม้ผลิเรือยอชต์ หนังสือพิมพ์แจ้งว่างานครั้งนี้จะจัดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยมีบริษัทเรือยอชต์กว่า 100 แห่งจากสิบสองประเทศมาร่วมด้วย

ท่าเรือโทรอนโตเป็นหนึ่งในท่าเรือสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของริมทะเลสาบออนตาริโอ ระดับน้ำความลึกมากที่สุดอยู่ที่ 10 เมตร ไม่มีคลื่นแปรปรวน ถือเป็นท่าเรือและจุดพักร้อนริมหาดยอดนิยม ซึ่งเทศกาลเรือยอชต์จะใช้สถานที่นี้ในการจัดงาน

ช่วงนี้ท่าเรือโทรอนโตค่อนข้างคึกคัก เพราะอากาศในแคนาดาที่เย็นขึ้น เส้นทางเดินเรือมากมายจึงมีการกำหนดเวลาเปิดปิด เช่นฤดูกาลเที่ยวเรือทะเลสาบของท่าเรือโทรอนโตคือต้นเดือนเมษายนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ช่วงเรือเดินทะเลหลังอาทิตย์แรกของเดือนเมษายนถึงกลางเดือนธันวาคม

ตอนนี้เป็นต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีเที่ยวเรือเปิดอยู่ไม่น้อย นักท่องเที่ยวมากันคับคั่ง กิจการประมงก็เฟื่องฟูไม่หยุด

สิบโมงครึ่ง ฉินสือโอวที่รอวินนี่ นำอาหารเช้าขึ้นไป เมื่อทั้งสองทานด้วยกันเสร็จจึงเตรียมตัวออกไปชมเรือยอชต์ต่อ

วินนี่เปลี่ยนเป็นอีกชุด เสื้อด้านบนใต้คอปกสูงเป็นลายลูกไม้ ตัวชุดมีไข่มุกร้อยตกแต่งลวดลายสวยงาม พอเธอสวมแล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนสาวหวาน

ปลายแขนเสื้อเป็นผ้าลูกไม้ขับให้มีเสน่ห์น้อยๆ เมื่อรวมเข้ากับแขนขาวนวลละเอียด ยิ่งทำให้แขนของเธอดูเพรียวสวย ด้านหลังเปิดเป็นช่องโดยใช้ดีไซน์รูปหยดน้ำ เพิ่มความน่าหลงใหล ทั้งมีสไตล์และทันสมัย

เพื่อให้เข้ากับเสื้อ วินนี่ใส่กระโปรงสั้นสีดำลายดอกไม้สีขาว ตัวกระโปรงยาวถึงแค่เข่า ด้วยดีไซน์กระโปรงเอวสูง ช่วยเพิ่มความเด่นของส่วนสูงเธอ และส้นสูงสีดำมีสาย ทำให้เธอดูมีรสนิยมผสมเซ็กซี่อย่างลงตัว

ฉินสือโอวมองตัวเองที่ยังใส่เสื้อยืดพิมพ์ลายโลโก้บาสเกตบอล ก็รู้สึกอายพอสมควร ช่างไม่ใส่ใจรูปลักษณ์ตัวเองเอาเสียเลย

พอยืนตรงหน้าฉินสือโอว วินนี่ก็ค่อยๆหมุนตัว กล่าวยิ้มๆว่า "ฉันใส่ชุดแบบนี้ คุณจะชินหรือเปล่า?"

ฉินสือโอวตอบ "ดูดีมากเลย จะสวยเกินไปแล้ว"

ได้ยินดังนั้น วินนี่ก็ยิ้มกว้าง เอ่ยว่า "งั้นก็ดีแล้ว พวกเราไปกันเถอะ"

เมื่อออกจากประตูโรงแรม วินนี่ยื่นมือไปกอดแขนฉินสือโอวอย่างเป็นธรรมชาติ

ยามนี้ฉินสือโอวปลื้มใจมาก จนคิดว่าจะเปลี่ยนใจไม่ไปดูเรือยอชต์ แล้วพาวินนี่เดินเล่นในเมืองสักวันแทนน่าจะดี

แน่นอน ความคิดขี้แพ้แบบนี้ยังไงก็เป็นแค่ความคิด ทั้งสองคนยังคงไปดูเทศกาลเรือยอชต์เหมือนเดิม

เทศกาลเรือยอชต์จัดในกลางแจ้ง อากาศเดือนพฤษภาคมของโทรอนโตอบอุ่น แสงแดดอุ่นๆส่องกระทบตัว พาให้คนอารมณ์ดีตาม เมื่อถึงริมทะเลสาบออนตาริโอ ละอองน้ำเย็นๆก็พัดเข้าเต็มหน้า ยิ่งให้ความรู้สึกสบายกว่าเดิม

บริเวณอเมริกาเหนือ เรือยอชต์กลายเป็นการคมนาคมแบบทันสมัยอย่างหนึ่ง ไม่ว่าครอบครัวธรรมดาหรือผู้มีอิทธิพล ล้วนชื่นชอบการนั่งเรือยอชต์ทั้งนั้น และมีวิธีเพลิดเพลินแตกต่างกันไป

แม้ตอนนี้ตระกูลฉินสือโอจะไม่ใช่เล็กๆแล้ว แต่ความจริงถึงนั่งเรือยอชต์ไป ก็ไม่ได้ช่วยยกระดับฐานะของตระกูลเท่าไรอยู่ดี

ทางสหรัฐที่สนับสนุนเงินทุน มักมีคำถามคลาสสิกข้อหนึ่ง ที่ว่า หากคุณได้เงิน 1 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ คุณจะใช้มันซื้ออะไรบ้าง?

1 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถซื้อรถโรลส์-รอยซ์ได้ 100 คัน หรือบ้านพักตากอากาศสักสิบกว่าหลัง หรือไม่ก็เครื่องบินส่วนตัว แต่ถ้าคุณใช้เงินพวกนี้ซื้อเรือยอชต์สักลำ...อย่างเรือซูเปอร์ยอชต์หนึ่งลำ เกรงว่า 1 ร้อยล้านดอลลาห์สหรัฐนั้นคงหมดพอดี

ตั้งแต่มีเรือล่าสัตว์ลำแรกของราชวงศ์ขึ้นในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 'เรือยอชต์' ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความฟุ่มเฟือย ซึ่งส่วนใหญ่มีเพียงราชวงศ์ บุคคลที่มีชื่อเสียงและชนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้

ทั้งซื้อมาด้วยราคาสูง ค่าบำรุงรักษา ค่าจอดเรือ ไหนยังค่าติดตั้งเครื่องสูบน้ำก็ปาไปสิบล้านถึงแสนล้านของทรัพย์สินตระกูลแล้ว

ทุกครั้งที่เรือยอชต์ออกจากท่า ก็แทบไม่ต่างจากปราสาทอีกหลังในทะเล เจ้าของเรือที่มีอำนาจดั่งพระราชา มีอิสระที่จะควบคุมโลกอันหรูหราของตัวเอง สำหรับผู้ชายแล้ว จะยังมีอะไรน่าดึงดูดใจไปกว่านี้อีก?

ดังนั้น แม้ว่าเทศกาลเรือยอชต์จะจัดไปสี่วันแล้ว แต่ก็ยังมีคนมากมายสัญจรไปมา ฝูงคนครึกครื้น

ทีแรกแม้ใจหนึ่งฉินสือโอวก็อยากซื้อเรือยอชต์ ทว่าเซนต์จอห์นนั้นเล็กเกินไป ถึงมีบริษัทมาขายเรือยอชต์ไม่น้อย แต่เรือหรูหราของจริงกลับมีอยู่ไม่เท่าไร

มาเทศกาลรอบนี้ ฉินสือโอวจึงแค่มาลองชมเรือหรูของแท้เท่านั้น

ตัวเต็งในเทศกาลคือเรือยอชต์สุดหรูรุ่นหนึ่งของบริษัท Riva ประเทศอิตาลี หากจะให้แนะนำ นี่ถือเป็นเรือแห่งปีของ Riva ทีเดียว ด้านในตกแต่งอย่างอลังการ มีห้องรับแขก ห้องนอนหลัก ห้องนอนแขก ห้องครัว บาร์ ฟลอร์เต้นรำ คาราโอเกะที่ติดตั้งเพลงทั้งหมดไว้แล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยต่างๆ และระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมที่มีพร้อมทุกอย่าง

แน่นอนว่า เรือยอชต์ปกติราคาย่อมไม่ใช่น้อยๆ ซึ่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา!

ผ่านเรือยอชต์ลำนี้ไป ก็ถือว่าเข้าร่วมงานอย่างเป็นทางการแล้ว พื้นที่ภายในงานทั้งหมดแบ่งเป็นสี่โซน ตามสมรรถนะของเรือยอชต์ ดังนี้

โซนเรือยอชต์สำหรับกีฬา โซนเรือบ้าน โซนเรือสำหรับมาพักร้อนทั้งครอบครัว โซนเรือยอชต์ตกปลา โซนเรือยอชต์สำหรับธุรกิจส่วนตัว โซนเรือยอชต์สำหรับกิจการรับเหมา โซนเรือซูเปอร์ยอชต์

พื้นที่ของโซนซูเปอร์ยอชต์นั้นมีขนาดใหญ่ที่สุด แต่มีเรือเพียงแค่สองลำที่มาตั้งแสดง ฉินสือโอวกับวินนี่ดูเรือที่ชื่อว่า 'อัล ซาลามาห์' ของอู่ต่อเรือเลอเซิร์น ประเทศเยอรมันที่เพิ่งสร้างขึ้น จากคำอธิบายของพนักงาน เรือลำนี้อยู่ในความครอบครองของเจ้าชายสุลต่าน บิน อับดุลอาซิซแห่งกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย

อัล ซาลามาห์มีความยาว 139 เมตร ส่วนพักอาศัยมีพื้นที่ถึง 8000 ตารางเมตร ทั้งหมด 80 ห้อง ลูกเรือจำนวน 96 นาย บนเรือยังมีสระว่ายน้ำขนาดเล็ก ห้องอื่นๆอย่างห้องครัว โรงหนัง ห้องรับประทานอาหาร บาร์ ฟิตเนส สนามกอล์ฟ ที่จอดเครื่องบิน เรียกได้ว่าแทบจะมีทุกอย่าง

เทียบกับรถหรูแล้ว เรือยอชต์สุดอลังการประเภทนี้ย่อมดึงดูดสายตาผู้คนมากกว่า วินนี่ที่ได้เห็นเรือ ก็ยังพูดเบาๆอย่างอดไม่ได้ "โอ้ว พระเจ้า มันดูดีมากเลย"

ผู้หญิงมักชอบของสวยงาม พนักงานแนะนำสินค้ารีบเข้ามาอธิบายเรือลำนี้ให้ทั้งสองฟัง พอได้ทราบเกี่ยวกับเรือลำนี้มากขึ้น ทั้งสองก็รู้สึกประทับใจยิ่งกว่าเดิม วินนี่เอ่ยอย่างอิจฉา "ถ้าได้ขึ้นไปดูก็คงดี"

พนักงานได้แต่ยักไหล่ กล่าวว่า "ถ้าพวกคุณมางานตั้งแต่วันแรก ก็คงมีโอกาสได้ขึ้นไปชมอยู่หรอก แต่เรือนี้ถูกซื้อไปแล้วจึงไม่อนุญาตให้แขกขึ้นไปได้”

จังหวะนั้นเอง ขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะพาวินนี่ไปต่อ กลุ่มชาวมุสลิมสวมชุดอาหรับก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นคนกลุ่มนั้น พนักงานก็รีบผละจากพวกฉินสือโอว เข้าไปถามอย่างเป็นมิตรทันที "คุณอัลนะฮ์ยาน ไม่ทราบว่าพวกคุณมารับเรือยอชต์กันใช่ไหมครับ?"

ในคนกลุ่มนี้ ด้านหน้าสุดเป็นชายวัยอายุประมาณสามสิบ ดวงตาลุ่มลึกจมูกโด่ง ท่าทางเย่อหยิ่ง เสื้อคลุมสีขาวสะอาดไร้รอยด่าง แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา

ฉินสือโอวได้เห็นก็รู้สึกคุ้นหน้าคนคนนี้ จึงพยายามเค้นสมองนึก แล้วลองถามออกไป "เฮ้ อาฟิฟ ซีค ลีฟะฮ์ บิน ซายิด อัลนะฮ์ยานใช่ไหมครับ?"

อาฟิฟก็คือเศรษฐีอาหรับที่ประมูลรูปปั้นเพอร์ซิอัสกับเมดูซ่าของเขาที่บริษัทจัดประมูลริชชี่นั่นเอง แต่ตอนเข้าร่วมงานประมูลเขาสวมชุดสูท มาตอนนี้สวมเสื้อคลุมอาหรับ และผ้าโพกหัว รูปลักษณ์จึงแตกต่างกันมาก

ได้ยินเสียงทักของฉินสือโอว ชายด้านหน้าก็ชะงัก เขาหันมายิ้มให้ พลางเดินเข้ามาจับมือ "ฉิน? สวัสดีครับ ไม่นึกว่าจะได้มาเจอคุณที่นี่"

ทั้งสองจับมือทักทายกันและกัน จากนั้นฉินสือโอวจึงถามว่า "คุณซื้อเรือยอชต์ลำนี้หรือครับ?"

อาฟิฟส่ายหัวยิ้มๆ "เปล่าครับ เป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งของผมต่างหาก ผมแค่มารับของแทนเขา"

ฉินสือโอวถาม "ผมจำได้ว่าคุณเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงท่านหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนหน้านี้พนักงานบอกว่า เรือยอชต์ลำนี้เป็นของกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย แสดงว่าพวกคุณเป็นญาติกันเหรอ?"

อาฟิฟยิ้มตอบ "ใช่ครับ กระทรวงกลาโหมที่คุณพูดถึงนั้นคือน้าเขยของผม น้าเล็กผมเป็นคนซื้อให้เขาเอง"

มีเส้นแบบนี้ เรื่องก็ง่ายขึ้นแล้ว ฉินสือโอวลองถามว่าจะสามารถขึ้นไปชมบนเรือได้ไหม ซึ่งอาฟิฟก็ตอบโดยการผายมือให้อย่างไม่ลังเล

เมื่อขึ้นมาบนเรือ ฉินสือโอวกับวินนี่หันมองรอบๆ ส่วนอาฟิฟเตรียมไวน์อย่างดีไว้ที่ดาดฟ้าเรือ แล้วเชิญฉินสือโอวมาพูดคุยกัน

ระหว่างการสนทนาฉินสือโอวได้ทราบว่า อาฟิฟก็มาซื้อเรือเช่นกัน แต่เขาซื้อเป็นเรือยนต์สูตรหนึ่ง(F1 Powerboat) เขาคลั่งไคล้การแข่งเรือยนต์F1มาก มีทีมของตัวเองหนึ่งทีม และยังได้รับรางวัลถ้วยทองจากการแข่งขันด้วย

แม้ภายนอก อาฟิฟจะดูเป็นคนหยิ่งผยอง แต่ความจริงพอได้ลองคุยแล้ว คนคนนี้กลับเข้าหาได้ง่ายทีเดียว กิริยาท่าทางที่สุภาพ แต่ยังแฝงความน่าเกรงขาม มีน้ำใจกว้างขวาง สมกับที่ตระกูลผู้ดีผลิตทายาทที่เพียบพร้อมออกมา

คุยกันไปสักพัก ฉินสือโอวสังเกตว่าวินนี่ดูจะเริ่มติดลม จึงกล่าวขอบคุณอาฟิฟก่อนขอตัวกลับ พวกเขายังเดินเที่ยวงานเทศกาลไม่ถึงไหนเลย

............................................................