บทที่ 18 หอมๆ

ตอนที่ 18 หอมๆ

หนึ่งเค่อ[footnoteRef:1]ต่อมา ในมือซูเสียวเสี่ยวก็มีเงินเพิ่มมาสามตำลึง [1: หนึ่งเค่อ เท่ากับ สิบห้านาที]

แต่นี่ไม่ใช่เพราะถูกหลังจงต่อราคาเหลือสามตำลึง เขาน่ะอยากต่อรองราคาอยู่หรอก แต่คนอ้วนใจดำบางคนไม่อนุญาต

เขามีเงินติดตัวแค่สามตำลึง

ซูเสียวเสี่ยวบอกว่าสามารถตามเขาไปเอาที่บ้านได้ เขาพึมพำว่า “หากแม่ข้ารู้ได้ตีข้าแน่...”

ซูเสียวเสี่ยว “…”

สุดท้าย ภายใต้การเจรจากันอีกครั้งของทั้งสองฝ่าย เขาจึงใช้เข็มเงินเล่มใหม่ชุดหนึ่งกับสมุนไพรรักษาบาดแผลมาแทนเงินส่วนที่ขาด

เพียงแต่ในมือเขาไม่มีสมุนไพรสองชนิดที่ซูเสียวเสี่ยวต้องการ อีกสามวันให้นางไปรับของที่ร้านยาบ้านเขา

“สองตำลึงก็หาของมาได้แล้ว นึกไม่ถึงว่าหรงเอินถังจะคิดข้าตั้งห้าตำลึง! ใจดำนัก!”

หลังจง “...”

เจ้ายังมีหน้ามาว่าคนอื่นใจดำอีกรึ

เมื่อเช้าตอนออกจากบ้าน ซูเสียวเสี่ยวเตรียมเงินติดตัวทั้งหมดเพื่อจะซื้อยาให้พ่อซู ไม่คิดเลยว่าไม่เพียงแต่จะไม่ต้องจ่ายสักตำลึงแล้ว ยังหาได้เพิ่มมาอีกตั้งสามตำลึง

ด้วยเหตุนี้ เงินในมือนางจึงมีห้าตำลึงแล้ว

ซูเสียวเสี่ยวถือเงินไปตลาด ซื้อถั่วแดง ถั่วเขียว น้ำตาลแดงและแป้งข้าวเหนียวอย่างละสิบชั่ง ส่วนงาขาวกับงาดำอย่างละสองชั่ง

คนในบ้านกินกันเก่งนัก คราวก่อนซื้อเนื้อกลับไปก็กินกันไม่พออย่างเห็นได้ชัด นางจึงไปร้านเนื้อร้านเดิมในตลาดอีกหนแล้วซื้อซี่โครงหมูสิบชั่งกับหมูสามชั้นห้าชั่งและเนื้อสันในอีกห้าชั่ง

“เอาเนื้อติดมันมาให้ข้าด้วยสองสามชั่ง”

เนื้อติดมันเอามาเจียวเป็นน้ำมันหมูได้ อีกอย่างกากหมูที่เจียวแล้วกรุบกรอบยิ่งนัก ทั้งยังมันเยิ้ม อร่อยมากทีเดียว

“แม่นาง เจ้าซื้อเนื้อไปมากมายเพียงนี้จะกินหมดรึ”

คนขายเนื้อถามอย่างฉงน

“บ้านข้าคนเยอะน่ะ กินหมดแน่นอน” ซูเสียวเสี่ยวบอก ไม่ได้จะกินให้หมดทีเดียวเสียหน่อย อย่างซี่โครงหมูก็เอาไปทำเนื้อเค็มได้

คนบ้านนอกไม่นิยมกินเนื้อกันทุกมื้อ หนึ่งเดือนได้กินถึงสองครั้งก็หาได้ยากยิ่งแล้ว แม่นางอ้วนพีนางนี้ดูแล้วธรรมดา คิดไม่ถึงว่าจะจับจ่ายอย่างใจกว้างไม่เบา

ก็จริง ไม่กินเนื้อมากเพียงนั้นแล้วจะอ้วนกลมได้เพียงนี้รึ

เขาไม่ได้จะดูถูกคนอ้วน ตรงกันข้าม เขารู้สึกว่าคนอ้วนมีวาสนา

พ่อค้าเนื้อหนุ่มคิดเรื่องต่างๆ ในใจมากมาย ไม่ลืมใช้ใบไผ่ห่อซี่โครงหมูกับเนื้อไว้ด้วยกันแล้วส่งให้ซูเสียวเสี่ยว

“ซี่โครงหมูชั่งละยี่สิบเหวิน เนื้อหมูชั่งละสิบสามเหวิน เนื้อติดมันชั่งละแปดเหวิน ทั้งหมดสี่ร้อยยี่สิบเหวิน คิดเจ้าสี่ร้อยเหวินก็พอแล้วก็แถมหนังหมูให้เจ้าด้วยนิดหน่อย”

ปากบอกหนังหมู แต่ความจริงแล้วก็ติดเนื้อเช่นกัน หนักหนึ่งชั่งครึ่งเต็มๆ

“มีเซี่ยงจี๊[footnoteRef:2]ด้วยนะสองอัน แม่นางจะเอาหรือไม่ หากเอาข้าจะแถมให้” [2: เซี่ยงจี๊ ไตหมู]

“เอาสิ”

จะเอากลับไปบำรุงไตให้เว่ยถิง

กิจการเล็กๆ ไม่ได้มีกำไรอะไรมากมาย พ่อค้าเนื้อคิดราคาถูกให้แล้ว เพื่อเป็นการตอบแทน ซูเสียวเสี่ยวจึงหยิบเอาไส้ตุ๋นที่ตัวเองทำออกมาจากตะกร้าใบน้อยถ้วยหนึ่ง ก่อนจะวางไว้บนแผง

พ่อค้าเนื้อหันมาเห็นไส้ตุ๋นที่เพิ่มมาถ้วยหนึ่งก็รีบเอ่ยว่า “แม่นาง! ไส้ของเจ้า!”

ซูเสียวเสี่ยวส่ายหน้าอย่างผ่าเผย “ไม่ๆ ไส้ของเจ้าต่างหาก”

พ่อค้าเนื้อ “...”

ซูเสียวเสี่ยวพาเด็กน้อยเดินเล่นในตลาดต่อ

“เอ๋ นึกไม่ถึงว่าจะมีผักดำ[footnoteRef:3]ด้วย” [3: หั่มช้อยกอน หรือ ผักดำ เป็นผักดองแบบจีนชนิดหนึ่ง ซึ่งทำจากผักขมที่ชาวจีนเรียกว่าชุนไฉ่ หรือผักกวางตุ้ง นำมาขยำกับเกลือแล้วบีบน้ำออกจนแห้ง หมักไว้ในโอ่งสองคืน แล้วนำมาตากแดดจนแห้งสนิท เป็นสีดำ มีกลิ่นเฉพาะตัว ใช้ทำอาหารได้หลายชนิด เช่น นึ่งกับหมูบะช่อ ทำเคาหยก และผักดำต้มหมูสามชั้น]

นั่นเป็นแผงลอยเล็กๆ ขายของแห้ง ของแห้งอื่นๆ แทบจะขายหมดเกลี้ยงแล้ว มีผักดำตะกร้าเดียวที่เหมือนว่าจะไม่มีคนสนใจ

“อันนี้ขายอย่างไรรึ” ซูเสียวเสี่ยวถาม

หญิงชราขายผักเหลือบตาใส่นางอย่างรำคาญ “ห้าสิบเหวิน ให้เจ้าหมดเลย”

“เอาสิ” ซูเสี่ยวเสี่ยวซื้ออย่างรวดเร็ว

หญิงชรา “...”

ค่อนข้างเสียดายที่ไม่ได้ต่อราคา

ซูเสียวเสี่ยวไปซื้อเครื่องเทศมาอีกนิดหน่อย วัตถุดิบวันนี้ก็ซื้อมาเสร็จเรียบร้อย

นางมาถึงหน้าตลาด พบว่าตาเฒ่าหลี่ยังอยู่ ของบนเกวียนวัวก็ขายหมดเกลี้ยงแล้ว มีเสี่ยวอู๋ซื่อนั่งอยู่ข้างหน้า

นางยิ้มแย้มเดินไปหา “ท่านลุงหลี่ สายมากแล้วยังไม่กลับรึ คงไม่ได้ตั้งใจรอข้าอยู่ที่นี่โดยเฉพาะหรอกกระมัง”

ตาเฒ่าหลี่สำลักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ขะ...ข้าอยากจะบรรทุกคนเพิ่มสักสองคน ไม่อยากมาเสียเที่ยว”

เสี่ยวอู๋ซื่อไม่ได้เอ่ยคำใด

เมื่อครู่มีสามคนจากหมู่บ้านข้างๆ จะนั่งเกวียน แต่ถูกตาเฒ่าหลี่ปฏิเสธไป

ซูเสียวเสี่ยวอุ้มเจ้าเด็กน้อยขึ้นเกวียน “ข้าจะให้ค่าเกวียนท่านในราคาสี่คนนะ!”

นางคิดของตัวเองเป็นสองคน เด็กสามคนนั่นคิดเป็นหนึ่งคน ข้าวของที่ซื้อมาคือเป็นหนึ่งคน

ตาเฒ่าหลี่ขานรับในลำคอ แต่เมื่อลงจากเกวียนกลับคิดเงินนางแค่หนึ่งคนเท่านั้น

ซูเสียวเสี่ยวกลับมาถึงบ้านก็พบว่าคนในบ้านออกไปข้างนอกกันหมด

นางเข้าไปในห้องเว่ยถิงพลางถามว่า “พ่อกับน้องชายข้าเล่า”

เว่ยถิงหันหลังให้นาง เขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “เพิ่งออกไป”

“ได้บอกหรือไม่ว่าไปทำอะไรกัน”

“ไม่ได้บอก”

“อ้อ” ซูเสียวเสี่ยวกลับหลังหันเดินไปห้องครัวเพื่อทำกับข้าว

เว่ยถิงเรียกนางไว้ “ยาข้าล่ะ เหตุใดจึงเหลือแค่ขวดเดียว อีกขวดไปไหน”

“ขายไปแล้ว” ซูเสียวเสี่ยวบอก

เว่ยถิงขมวดคิ้ว “เจ้า...ใครให้เจ้าขายยาข้ากัน”

นั่นเป็นยาทาแผลอันแสนล้ำค่าเชียวนะ! มีเงินก็ซื้อไม่ได้!

ซูเสียวเสี่ยวหัวเราะเหอะๆ เอ่ยว่า “รบกวนเจ้าช่วยเข้าใจสถานการณ์ของตนเองหน่อย เจ้ากินของของข้า ดื่มของของข้า พักในบ้านข้า ซ้ำยังเกือบจะใช้ชุดปฐมพยาบาลจนเกลี้ยง ขายยาทาแผลของเจ้าไปขวดเดียวแล้วมันทำไม”

เว่ยถิงฝืนข่มโทสะไว้

ซูเสียวเสี่ยวเอ่ยเหมือนคล้ายคิดบางอย่างอยู่ “ในทางกลับกัน บนตัวเจ้านอกจากยาสองขวดแล้ว สิ่งของมีค่าอะไรก็ไม่มีเลย เจ้าออกจากบ้านไม่พกเงินหรือไร”

เว่ยถิงไม่สนใจนาง

ซูเสียวเสี่ยวหรี่ตาลง “เจ้าต้องมีเงินแน่ๆ ใช่หรือไม่ เจ้าซ่อนเงินไว้ที่ไหน”

เว่ยถิงเอ่ยเสียงเย็นว่า “พวกเจ้าค้นตัวข้าตั้งแต่แรกแล้วมิใช่รึ หากข้าซ่อนเงินไว้ พวกเจ้าจะค้นไม่เจอหรือไร”

ซูเสียวเสี่ยวลูบคาง “ถ้าอย่างนั้นก็คงจะซ่อนไว้ที่อื่นแน่แล้ว”

เว่ยถิงยังคงหันหลังให้นางอยู่ “อย่ามาหลอกล่อข้าให้เสียยาก!”

เหอะๆ ขี้ระแวงนักนะ

ซูเสียวเสี่ยวกลับไม่โกรธ นางมองไหล่กว้างและแผ่นหลังอันทรงพลังของเขา ก่อนจะเอ่ยอย่างวางอำนาจว่า “อาหารการกินที่พักอาศัยและค่ายาของเจ้าน่ะ ข้าจดเอาไว้ให้เจ้าหมดแล้ว หากภายหน้าเจ้ายังไม่จ่าย ก็เอาเนื้อเจ้ามาชดใช้!”

เว่ยถิง “...”

จวบจนย่ำค่ำ พ่อซูกับซูเอ้อร์โก่วก็ยังไม่กลับมา ซูเสียวเสี่ยวจึงต้องทำมื้อค่ำให้กับเด็กทั้งสามและผู้ป่วยหนักอย่างเว่ยถิงกินก่อน

เมื่อกินข้าวกันเสร็จแล้ว นางก็อาบน้ำให้เด็กทั้งสามคน

พอนางเทน้ำกลับมาที่ห้องตัวเอง เด็กสามคนก็อยู่ในห้องแล้ว พวกเขาหอบหมอนน้อยๆ มากันคนละใบ

ซูเสียวเสี่ยวถามหยั่งเชิงว่า “นี่พวกเจ้า...ทำอะไรน่ะ”

“นอนกับแม่” ต้าหู่ตอบ

เอ้อร์หู่ชี้ที่บ้านข้างๆ “หนิวต้าน นอนกับแม่”

ส่วนเสียวหู่ตรงมากอดขาของซูเสียวเสี่ยวไว้ เงยศีรษะน้อยๆ น่ารักขึ้นมาเอ่ยด้วยเสียงเลียนแบบผู้ใหญ่ว่า “เฉียวหุ นอน กับแม่”

เสนอความต้องการ ยกตัวอย่างความจริงมาเป็นข้อๆ ใช้แผนการใหญ่โดยการทำตัวน่ารัก...

นี่พวกหนูกำลังปฏิบัติการขอนอนด้วยอย่างเป็นระบบและเป็นพรรคเป็นพวกอยู่เหรอ!

ซูเสียวเสี่ยวกอดอกอย่างเคร่งขรึม

เด็กสามคนดวงตากลอกกลิ้งไปมา

“มืด” ต้าหู่ชี้ห้องของซูเอ้อร์โก่วพลางเอ่ยขึ้น

“กลัว” เอ้อร์หู่เอ่ยต่อ

“อื้อๆ!” เสียวหู่พยักหน้าอย่างจริงจัง

ซูเสียวเสี่ยว “…”

“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” นางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “พรุ่งนี้พวกเจ้าต้องกลับไปนอนที่เรือนตะวันตก”

เด็กน้อยทั้งสามพากันพยักหน้าแต่โดยดี

ซูเสียวเสี่ยวปูที่นอนแล้วถอดเสื้อให้เจ้าหนูสามคน ก่อนจะอุ้มพวกเขาขึ้นเตียง

“เหตุใดจึงยังไม่นอนอีก” นางมองไปยังเจ้าเด็กน้อยทั้งสามในกองผ้าห่ม

เจ้าเด็กทั้งสามกะพริบดวงตากลมโตปริบๆ

ต้องหอมๆ ก่อนจึงจะหลับ