กลิ่นอายปราณสีฟ้าของฉินเยว่ฉานปะทุจากตันเถียน กระบี่หยกถูกยกขึ้นในระดับอกเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
"เยว่ฉาน! เจ้าจะทำอะไร?" ฉินเหยียนอุทานอย่างตกตะลึง
นัยน์ตาของฉินเยว่ฉานฉายแววเกลียดชัง "ข้าจะฆ่ามัน! พวกมันทำให้ไป๋เฉินต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!"
สีหน้าของฉินเหยียนหนักอึ้ง เขารีบตะคอกห้ามปราบไว้ "เยว่ฉาน หยุดทำอะไรโง่ๆ! ข้าจะเปิดเส้นทางให้แก่เจ้า รีบหลบหนีออกไป!"
แต่จู่ๆไม่ทันที่ฉินเยว่ฉานจะได้ตอบสนอง กระแสลมกระโชกระเบิดจากร่างของฉินฟง มันพุ่งทะยานปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉินเยว่ฉานด้วยสีหน้ามืดมน "อย่าได้คิดหนีเชียว!"
ฝ่ามือพลังปราณพุ่งเข้าหาฉินเยว่ฉานอย่างโหดเหี้ยม!
การแสดงออกของฉินเหยียนแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด เขาหมุนเวียนปราณภายในร่างด้วยแรงกดกันอันหนักหน่วงและพยายามเข้าช่วยเหลือฉินเยว่ฉานด้วยการกระทืบเท้าอย่างรุนแรง
"ฉินเหยียน! คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!" แสงเจิดจ้าของกระบี่สีม่วงฟาดฟันปิดกั้นเส้นทาง ร่างของหยางลั่วปรากฏขึ้นโดยมิให้ฉินเหยียนเข้าช่วยเหลือ
ฉินเหยียนถอยร่นฝีเท้าไปอย่างฉิวเฉียว เขาถูกฟาดฟันโดยปลายกระบี่ปรากฏรอยกรีดจางๆบนแก้มตามมาด้วยเลือดไหลซิกๆ
นัยน์ตาฉินเหยียนส่องประกายด้วยแสงเย็น เขาพุ่งถอยหลังหมุนตัวกลางอากาศพลันเอื้อมมือคว้าวัตถุขนาดยาวออกมาจากหลังเก้าอี้
สิ่งที่ปรากฏคือหอกลวดลายมังกรขดสีทอง ใบหอกส่องประกายด้วยความเฉียบแหลมที่สามารถแทงทะลุได้แม้แต่โลหะ!
แม้นหยางลั่วจะขมวดคิ้ว แต่มันไม่วายกระทืบเท้ายืมแรงเหวี่ยงตรงไปยังฉินเหยียนด้วยการแทงกระบี่เป็นเส้นตรง
หอกมังกรทองคำของฉินเหยียนกวาดเป็นแนวยาวปิดกั้นกระบี่ เขาพลิกตัวตะแคงข้างยกขาขวาฟาดเข้าที่ใบหน้าหยางลั่วอย่างรุนแรง
หยางลั่วที่ตอบสนองไม่ทันพลันถูกกระแทกกระเด็นถอยกลับไปถึงสามก้าว มันเงยหน้าขึ้นจ้องมองในขณะมุมปากมีเลือดไหล นัยน์ตาฉายแสงจิตสังหารที่เริ่มพุ่งพล่าน
ก่อนที่ฝีเท้าของมันพลันเปลี่ยนไป จังหวะการหายใจเข้าคงที่ หยางลั่วจับกระบี่ด้วยท่วงท่าปราดเปรียวกระหน่ำกระบวนท่ากระบี่เข้าใส่ฉินเหยียนอย่างต่อเนื่องราวกับห่าฝน
ฉินเหยียนที่เสียเปรียบเนื่องจากพลังปราณไหลเวียนไม่ทันการณ์ ทำได้เพียงควงหอกในลักษณะกังหันลมปัดป้องไปเรื่อยๆ
หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากว่ายี่สิบกระบวนท่า หยางลั่วที่มองเห็นช่องโหว่พลันหยุดชะงักการกวัดแกว่งกระบี่ แต่มันกลับมีกริชสีม่วงหนึ่งเล่มปรากฏขึ้นในมือซ้ายแทงด้วยความเร็วสายฟ้าเข้าชายโครงในมุมอับ
ฉินเหยียนที่เหวี่ยงหอกไม่ทันการณ์เนื่องจากแรงเหวี่ยงที่ช้ากว่า เขากระเถิบร่างไปสองก้าวใช้เท้าเตะเสยขึ้นเพื่อปัดป้อง
กริชสีม่วงหลุดจากมือปักอยู่เหนือเพดาน ในเวลาเดียวกันนั้นหยางลั่วพลันพุ่งทะยานด้วยปราณที่หมุนเวียนอย่างโกลาหล ฝ่ามือสีม่วงเข้าทุบหน้าอกของฉินเหยียนจนกระเด็นไปไกลชนเข้ากับกำแพงด้วยจนเขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ขาทั้งสองของฉินเหยียนทรุดลง เสียงหอบหายใจอย่างหนักดังขึ้นราวกับไม่มีอากาศเพียงพอสำหรับการหล่อเลี้ยงระบบหายใจ อาการข้างต้นนี้ล้วนแล้วเกิดจากพิษคร่าหัวใจทั้งสิ้น
แต่จังหวะการต่อสู้กลับมิได้สิ้นสุด หยางลั่วสะบัดกระบี่ด้วยท่วงท่าที่ไร้ปราณี มันกวัดแกว่งจู่โจมอย่างฉับพลันแม้นว่าฉินเหยียนจะกำลังล้มอยู่ก็ตามที
การลอบจู่โจมในขณะศัตรูไร้ทางต่อสู้นับว่าเป็นวิธีการที่น่ารังเกียจและไร้ยางอาย!
แต่หยางลั่วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสนใจ สิ่งที่มันต้องทำคือสังหารฉินเหยียนและให้ฉินฟงยึดครองตระกูลฉินเท่านั้น
ฉินเหยียนแหงนหน้าขึ้นมามอง พลันเห็นแสงสีม่วงกระพริบกำลังจะแทงเข้าที่กะโหลกในเสี้ยววินาทีต่อมา ด้วยการสูดลมหายใจสุดปอดรัศมีระดับปราณลึกลับแผ่ซ่านพรั่งพรู เขาตัดสินใจใช้ปลายหอกรับการจู่โจมไว้
"ฉัวะ!"
ด้ามไม้ของหอกถูกเฉือนจนขาดสะบั้น ในชั่วอึดใจหยางลั่วพลันตวัดกระบี่กลับเส้นทางเก่าฟาดฟันจากมุมขวาในลักษณะกำลังจะตัดคออย่างโหดเหี้ยม!
แต่ฉินเหยียนยังพอมีฝีมือและการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว เขาโค้งตัวลงอย่างกะทันหัน พลันเหยียดตัวเองขึ้นมาฟาดลูกเตะเสยคางใส่หยางลั่วอย่างแรงจนต้องถอยร่นไปด้วยความมึนงง
แม้นสถานการณ์ทางด้านของหยางลั่วจะแลดูสูสี แต่ไม่ไกลจากที่ทั้งสองอยู่ ฉินฟงกำลังกระหน่ำกำปั้นราวกับกระแสลมนับพันจู่โจมจนฉินเยว่ฉานมิอาจต่อต้านได้
นางพยายามหลบเลี่ยงอย่างทุลักทุเล แต่ด้วยความเร็วที่คล่องแคล่วและระดับบำเพ็ญที่เหนือกว่า ฉินฟงจึงสามารถไล่ต้อนฉินเยว่ฉานได้อย่างง่ายดายราวกับผู้ใหญ่รังแกเด็ก
แต่ฉินเยว่ฉานมิได้อยู่เฉย กระบี่หยกยังคงฟาดฟันโดยไร้กระบวนท่าและไร้ซึ่งลีลา นางเพียงแค่ฟาดฟันป้องกันตามสัญชาตญาณเท่านั้น
"ปัง!"
ร่างของฉินเยว่ฉานถูกอัดกระเด็นชนกำแพงดุจดั่งว่าวเชือกขาดจากฝ่ามือปราณที่แข็งแกร่ง นางทรุดตัวลงพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง
ฉินฟงจะไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดลอยไป มันส่งผ่านพลังปราณหมุนเวียนจากตันเถียนไหลเวียนผ่านเส้นชีพจรเข้าสู่ฝ่ามือ เสียงลมหวีดโหยหวนตบไปยังศีรษะของฉินเยว่ฉานหมายที่จะระเบิดกะโหลกให้แหลกละเอียด!
สีหน้าของฉินเยว่ฉานแปรเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง แต่เมื่อพยายามต่อต้านและขยับเขยื้อน ร่างกายของนางกลับสั่นสะท้านโดยไร้การตอบสนอง
นางทำได้เพียงกัดฟันอย่างไม่เต็มใจเมื่อเล็งเห็นแล้วว่าชีวิตของนางคงจะสิ้นสุดลงเท่านี้ "ไป๋เฉิน..."
ฉินเหยียนที่เพิ่งสังเกตเห็นคำรามอย่างเดือดดาล "เยว่ฉาน!!!!!"
แต่จู่ๆกลับมีวัตถุทรงกลมพุ่งมาด้วยความเร็วที่มองตามไม่ทันจากหน้าประตูห้องโถงปรากฏแนวโค้งให้เห็นเพียงแสงกระพริบสีดำ หากจะให้สันนิษฐานทรงกลมนั้นถูกส่งมาโดยการเตะก็เป็นได้!
ด้วยการตอบสนองที่รวดเร็ว ฉินฟงกระโดดข้ามวัตถุนั้นโดยไม่หันกลับไปมอง เพราะคิดว่ามันอาจจะเป็นการจู่โจมจากใครบางคน
แต่เมื่อวัตถุนั้นชนเข้ากับกำแพงกลับมีเสียง "แผละ!" ออกมาราวกับว่ามีบางสิ่งแตกละเอียด
ด้วยเสียงตกกระทบที่แปลกประหลาด ทุกสายตาจ้องมองไปยังทิศทางนั้นด้วยการปรับขนาดสายตาอย่างสับสน
วินาทีต่อมาเมื่อเห็นฉากที่สยดสยองต่อหน้าต่อตา หัวใจของฉินฟงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม มันกรีดร้องคำรามโดยไม่สนใจฉินเยว่ฉานและรีบพุ่งไปจับศีรษะนั้นไว้ในอ้อมแขน "หมิงเอ๋อร์! หมิงเอ๋อร์!"
นัยน์ตาของฉินฟงเบิกกว้างอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นว่าวัตถุนั้นมิใช่อาวุธ หากแต่เป็นหัวของหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีใบหน้าบู้บี้ย่อยยับจากแรงกระแทกกับกำแพง!
และหญิงวัยกลางคนผู้นั้นคือเมิ่งหมิงเอ๋อร์ ภรรยาของฉินฟงเอง!
สายตาของพวกเขาสัมผัสได้ถึงความสยดสยอง การตัดคอและเตะเข้ามาราวกับเป็นลูกบอลยางเช่นนี้ ต้องมีจิตใจที่โหดเหี้ยมเพียงใดกัน!?
"โอ้? ฉินฟง เจ้าชอบของขวัญที่ข้าได้ให้เจ้าหรือไม่?"
เสียงฝีเท้าเบาบางค่อยๆก้าวเข้ามาจากภายนอกมาพร้อมกับเสียงกล่าวแหบพร่า สายตาของทั้งสามมองเห็นร่างหน้ากากไหมสีดำมาพร้อมกับรังสีเข่นฆ่าราวกับเครื่องจักรสังหารค่อยๆย่างกรายเข้ามาอย่างใจเย็นราวกับเป็นหลิวเต้อหัว
บรรยากาศอบอ้าวในเวลาเที่ยงวันกลับแปรผันเป็นเย็นยะเยือกสั่นสะท้านไปถึงกลางหลังประดุจดั่งภูเขาน้ำแข็ง ราวกับพวกเขาได้ยินเสียงโหยหวนของดวงวิญญาณนับพันกรีดร้องเรียงไล่มาตามเสียงของฝีเท้านั้น
แม้นร่างสีดำนั้นจะไร้ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง แต่ฉินเหยียนสามารถสัมผัสได้รังสีเข่นฆ่าอันอำมหิต จนเขาต้องเกร็งขาไว้มิให้ล้มลง
จิตสังหารที่รุนแรงถึงเพียงนี้! คนผู้นี้อันตราย!
คนประเภทนี้สามารถสังหารได้โดยไม่ต้องคิดทบทวน ตลอดเส้นทางเปี่ยมไปด้วยการนองเลือดและการสังหารหมู่!
หากเป็นผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ อาจจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนถึงขั้นกลายเป็นคนวิกลจริต!