ตอนที่ 15 ท่านปู่
หากเขาสามารถกลับเข้าไปในสนามรบได้ ต่อให้มีสำนักชิงอวิ๋นหนุนหลังอยู่ก็เถอะ ฮ่องเต้ก็คงไม่ปฏิบัติกับจวนหลินอ๋องแบบนี้
หลายปีที่ผ่านมา ด้วยจวินเสี่ยนกลัวว่าทหารของตนจะเกินหน้าเกินตา จึงได้ทำการลดทอนกองกำลังทหารจากกองทัพรุ่ยหลินไป ยามที่เพิ่งสร้างรัฐชีขึ้นใหม่ ขณะนั้นทหารของรัฐชีเจ็ดส่วนล้วนเป็นทหารจากกองทัพรุ่ยหลินทั้งสิ้น แต่พอมาวันนี้ ความจริงที่ว่าจวินเสี่ยนเองก็ถดถอยลงทุกวัน เขาจึงเหลือกำลังเพียงแค่ห้าส่วนเท่านั้น หากจวินเสี่ยนมีใจคิดอยากชิงบัลลังก์จริง ราชวงศ์รัฐชีคงเปลี่ยนจากคนแซ่มั่วไปตั้งนานแล้ว
การที่จวินเสี่ยนยอมถอยให้ ไม่ได้ทำให้ฮ่องเต้ซาบซึ้งพระทัยแต่อย่างใด แต่กลับกัน มันกลับทำให้ฮ่องเต้ทรงหวาดกลัวจวนหลินอ๋องมากขึ้นกว่าเก่า
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอู๋เสียได้เป็นอันขาด ตราบเท่าที่ข้ายังมีลมหายใจ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามแตะต้องหลานสาวข้า!” มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นที่จวินเสี่ยนไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
เขาเสียบุตรชายไปคนหนึ่งแล้ว จะเสียหลานสาวอีกคนไม่ได้
ในขณะที่สองพ่อลูกกำลังพูดคุยถึงอนาคตอันมืดมนของจวนหลินอ๋อง ก็มีเงาคนสองคนปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู
จวินอู๋เสียได้แต่มองจ้องทะลุเข้าไปในบานประตูที่ลงกลอนอยู่ คำพูดที่จวินเสี่ยนกับจวินชิงพูดเมื่อสักครู่นี้ นางล้วนได้ยินหมดทุกคำ ดวงตาที่เป็นประกายของนางหรี่ลงเล็กน้อย คิดถึงผู้ที่อยู่ด้านในแล้วเด็กสาวก็ขมวดคิ้วมุ่น
ท่านปู่...
ในชาติที่แล้ว คนที่ได้ชื่อว่า ‘ปู่’ นี่แหละที่กักขังนางไว้ตลอดสิบกว่าปี
อะไรที่เรียกว่าความบ้าคลั่ง อะไรที่เรียกว่าความสุดโต่ง ในสิบปีนั้นนางล้วนได้ลิ้มรสมันมาหมดแล้ว
'คุณปู่' สองพยางค์นี้ ก่อนหน้าที่จวินอู๋เสียจะหนีออกจากที่นั่นได้ มันเปรียบเสมือนฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนนางอยู่ตลอดเวลา พอได้เกิดใหม่ ญาติที่นางเจอเป็นคนแรกก็ยังเป็น ‘ท่านปู่’ ของเจ้าของร่างเดิมอีก
ไม่เหมือนกับตาแก่ปีศาจที่กักขังนางไว้เมื่อชาติที่แล้ว จวินเสี่ยนใส่ใจจวินอู๋เสียเสมอ ไม่ว่าเขาจะได้ของดีอะไรมา สิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือส่งมันมาให้นางที่ห้อง สิ่งนี้ทำให้นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมจวินเสี่ยนถึงได้โอ๋เอ็นดูนางมากขนาดนี้
จวินอู๋เสียไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต การกระทำที่เกิดจากความรักของจวินเสี่ยนทำให้นางทำตัวไม่ถูก
นางมักจะหลบหน้าจวินเสี่ยนอยู่บ่อยๆ เพราะนางไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรกับการที่จวินเสี่ยนใส่ใจนางดี จวินเสี่ยนเป็น ‘ท่านปู่’ ที่แสนจะแตกต่างจากในความทรงจำของนางเหลือเกิน
แต่...นางคิดไม่ถึงว่าชายชราคนนี้จะทำเพื่อนางได้มากขนาดนี้!
แม้จวนหลินอ๋องจะถูกราชวงศ์จับจ้องมาโดยตลอด แต่จวินเสี่ยนก็ยังจงรักภักดีต่อฮ่องเต้เสมอมา พอมาวันนี้ หอกของฮ่องเต้ได้ชี้มาที่หลานสาวของเขา ผู้เฒ่าที่จงรักภักดีมาตลอดทั้งชีวิตย่อมต้องโกรธเป็นธรรมดา
เพื่อหลานสาวของเขาแล้ว เขายอมแลกทุกอย่าง
ความเจ็บปวดในหัวใจนั้น ทำให้จวินอู๋เสียต้องยกมือขึ้นกุมหน้าอก
“'ปู่' ทุกคน เป็นแบบนี้เองหรือ” จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว รับรู้ถึงความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นในหัวใจ
จวินอู๋เย่ายืนอยู่ข้างๆ นางก้มลงไปมองจวินอู๋เสียที่หน้าเริ่มขาวซีด ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ นางถึงเกิดอาการเช่นนี้ได้
“ยังจะเข้าไปอยู่หรือไม่”
“ไม่แล้ว” จวินอู๋เสียส่ายหน้า ใบหน้าที่เฉยชาเป็นนิจเผยความรำคาญออกมาให้เห็นเสียที จริงๆ แล้วนางอยากจะมาปรึกษาเรื่องที่นางจะรักษาตัวเองกับจวินเสี่ยน แต่คิดไม่ถึงว่านางจะมาได้ยินอะไรแบบนี้
ความเชื่อมั่นที่นางเชื่อมาตลอดถูกลบล้างไปในพริบตา จิตวิญญาณที่ไร้ความรู้สึกตลอดชาติภพที่ผ่านมา กลับโดนความอบอุ่นของความเป็นมนุษย์ทำให้มีความรู้สึกกับเขาขึ้นมาบ้างแล้ว
จวินอู๋เสียหมุนตัวเดินออกไปจากห้องหนังสือ นางจำเป็นต้องสงบจิตใจลงก่อน
เห็นจวินอู๋เสียเดินจากไปไกล จวินอู๋เย่าก็หรี่ตาลง ดวงที่สีดำคู่นั้นกะพริบแสงสีม่วงอันตรายออกมา
“ฮ่องเต้เมืองมนุษย์เอ๋ย ช่างน่าขันสิ้นดี น่า...ฆ่าทิ้งเสียให้หมด” คำพูดของจวินเสี่ยนและจวินชิงทำให้เขาอยากหัวเราะแทบบ้า
แสงไฟที่น่ากลัวได้จุดติดขึ้นในเบื้องลึกของดวงตาเปี่ยมเสน่ห์คู่นั้น ความโง่เขลาเบาปัญญา ความสิ้นคิดนั่น แค่กำมือเบาๆ ก็สามารถลบมันให้มันหายไปจากโลกใบนี้ได้ตลอดกาล
ไม่มีอะไรง่ายดายไปกว่านี้อีกแล้ว
“แต่หากเป็นเช่นนี้ มันจะเดือดร้อนถึงอู๋เสียน้อยของข้าน่ะสิ” เปลวเพลิงร้ายกาจในดวงตาสีเข้มลึกของเขาจางหายไป แค่กำจัดมดบางตัวยังทำให้อู๋เสียต้องแบกรับความอัปยศใหญ่หลวงถึงเพียงนี้
หากเขาปลงพระชนม์ฮ่องเต้เล่า...
“อืม รอดูไปก่อนก็แล้วกัน…”