ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 155 การแสดงดีๆ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว (2)

จวินอู๋เสียลืมตาขึ้นเล็กน้อย มองไปที่ใบหน้าที่เปี่ยมสุขและแดงก่ำของมั่วเฉี่ยนยวนนิ่งๆ

“ตอนนี้พวกชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างมองว่ากองทหารรักษาพระองค์มีปัญหาไปแล้ว พวกเขามั่นใจมากว่ามันจะต้องมีคนทรยศแฝงตัวอยู่ในค่ายทหารอย่างแน่นอน จึงได้มาขอร้องให้ข้าไปลากตัวคนผู้นั้นออกมาแล้วทำการประหารเขาทิ้งเสีย” มั่วเฉี่ยนยวนพูดอย่างระงับความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เขาไม่รู้แล้วว่าควรจะนิยามความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ว่าอย่างไรดี รู้เพียงแต่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความดีความชอบของจวินอู๋เสีย เป็นเพราะแผนการของนางทุกอย่างจึงได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีติดขัด

และก็เป็นเพราะแผนการของนางด้วยเช่นกัน ที่ให้เขายืมกองทัพรุ่ยหลินออกหน้าช่วยเหลือชาวบ้าน ถึงได้ทำให้ชื่อเสียงของเขาในหมู่ประชาชนมั่นคง มีประชาชนมากมายหันมาสนับสนุนทางฝั่งเขา

แม้ว่าในแผนการแจกจ่ายเม็ดยาถอนพิษ จะทำให้เขาเกือบล้มละลายก็ตาม เนื่องจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดถูกจดในชื่อของเขา แต่มันก็ทำให้ฐานะขององค์รัชทายาทในปัจจุบัน แตกต่างกับรัชทายาทผู้แสนโง่เขลาและโอหังในอดีตราวฟ้ากับเหว!

จวินอู๋เสียต้องการสับเปลี่ยนผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ เพื่อที่ในวันข้างหน้าสกุลจวินของนางจะสามารถตั้งรากฐานได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้ใดแทงข้างหลังอีก แต่ไม่คิดว่าระหว่างกระบวนการเปลี่ยนผ่าน นางยังสามารถทำให้ชื่อเสียงของกองทัพรุ่ยหลินระบือไปไกล ทั้งไม่ทำให้จวนหลินอ๋องและกองทัพรุ่ยหลินต้องแบกชื่อเสียงฉาวโฉ่ ทั้งยังสามารถดันเขาให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ได้อย่างถูกต้องชอบธรรม กับเด็กสาวที่มีอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปีเช่นนี้ เรียกได้ว่าช่างเป็นสตรีที่น่ากลัวและน่าอัศจรรย์ใจมากจริงๆ

จวินอู๋เสียกำลังรอจังหวะที่จะใช้ตลบหลังฮ่องเต้อยู่เลย จู่ๆ ไป๋อวิ๋นเซียนก็มอบโอกาสทองนี้มาให้ เช่นนั้นนางจะขอรับมันไว้อย่างไม่เกรงใจก็แล้วกัน

ช่างน่าหัวร่อ ไป๋อวิ๋นเซียนอุตส่าห์เสนอวิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้ให้กับมั่วเซวี่ยนเฝ่ย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่ามัดสองพ่อลูกในวังหลวงนั่นส่งให้ถึงมือจวินอู๋เสียแทน ช่างลำบากไป๋อวิ๋นเซียนแล้วจริงๆ!

ตอนนี้จวินอู๋เสียมีข้ออ้างในการนำกองทัพรุ่ยหลินและมั่วเฉี่ยนยวนบุกเข้าไปในวังหลวงอย่างชอบธรรมแล้ว!

หากฮ่องเต้กล้าขัดขวาง หม้อดำใบใหญ่จะถูกโยนลงไปครอบเหนือพระเศียรของพระองค์ทันที

ข้อหาวางยาพิษประชาชนทั้งเมืองหลวง นางเชื่อว่าฮ่องเต้ไม่กล้ารับมันหรอก!

“อืม” จวินอู๋เสียตอบอย่างเฉยเมย น้ำเสียงไม่ร้อนไม่เย็นดูไม่กระตือรือร้นสักนิด

ดวงตาของมั่วเฉี่ยนยวนกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำไปทั้งดวงแล้ว “ทำไมเจ้าถึงยังเยือกเย็นอยู่ได้อีก นี่เจ้าไม่ตื่นเต้นบ้างเลยเหรอ” เรื่องราวต่างๆ พัฒนาไปถึงจุดที่แม้แต่มั่วเฉี่ยนยวนก็ยังไม่กล้าจินตนาการถึง และคนที่วางแผนทั้งหมดนี้ก็คือจวินอู๋เสียที่นั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่เบื้องหน้าเขานี่เอง!

กองทัพรุ่ยหลินพร้อม มั่วเฉี่ยนยวนพร้อม จะเหลือก็แต่เด็กสาวตรงหน้านี่แหละที่ยังไม่อนาทรร้อนใจ!

นี่นางมัวรออะไรอยู่!

หากว่าตอนนี้พวกเขานำกองกำลังบุกเข้าไปในวังหลวง จะต้องบีบฮ่องเต้ให้ลงจากราชบัลลังก์ได้อย่างง่ายดายแน่นอน!

แล้วทำไมนางถึงยังไม่เคลื่อนไหวอีกเล่า!

“ตื่นเต้นหรือ ข้าจำเป็นต้องตื่นเต้นด้วยหรือ” จวินอู๋เสียเอียงศีรษะ เส้นผมสีดำขลับเงางามราวกับเส้นไหมตกลงมาบนไหล่ของนาง ดวงตากระจ่างใสมองมั่วเฉี่ยนยวนกลับไปคล้ายกับจะถามเขาว่ามันจำเป็นจริงๆ เหรอ

“...” มั่วเฉี่ยนยวนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

“แต่เดิมแล้วทั้งหมดนี้ก็อยู่ในแผนการ ไม่มีอะไรให้ต้องตื่นเต้น” จวินอู๋เสียเก็บสายตากลับมาแล้วอธิบายให้เขาฟัง นางไม่ต้องการอารมณ์เหล่านั้นที่จะมารบกวนการตัดสินใจของนาง ทั้งหมดคือแผนการที่ถูกวางไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพียงตรวจสอบว่าทุกขั้นตอนถูกดำเนินการตามลำดับ ไม่มีช่องโหว่ใดๆแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนฮ่องเต้ในสายตานาง จะเอาอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว ตอนนี้นางอยาก ‘ตอบแทน’ ‘ความเมตตา’ ของไป๋อวิ๋นเซียนมากกว่า

มั่วเฉี่ยนยวนไม่รู้จะพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ยกเว้นในคืนนั้นที่จวินอู๋เสียนำกองทัพรุ่ยหลินบุกประชิดหน้าประตูวัง เขาก็แทบไม่เคยได้เห็นสีหน้าอื่นของจวินอู๋เสียอีกเลย

รอยยิ้มในคืนนั้นของนางที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์และความเย้ายวนของความตาย ยังคงประทับแน่นฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขา

ความงามที่น่ากลัว แต่ก็ดึงดูดเกินกว่าจะละสายตาไปไหนได้…

“เจ้าวางแผนจะบุกเข้าวังหลวงเมื่อไหร่เหรอ” มั่วเฉี่ยนยวนถาม เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่านับตั้งแต่วินาทีที่จวินอู๋ซีนำกองทัพรุ่ยหลินบุกเข้าไปในวัง บัลลังก์ของรัฐชีก็ตกเป็นของเขาแล้ว และคนพวกนั้นก็อย่าได้หวังว่าจะพลิกตัวกลับมาได้อีก

“ในอีกหนึ่งชั่วยามข้างหน้า” จวินอู๋เสียกล่าว

“นี่…มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ!”

“ต้องใช้ความขุ่นเคืองใจของประชาชนให้เป็นประโยชน์” ฟ้าดินเป็นใจประชาชนช่วยส่งเสริม จะมีเวลาไหนเหมาะไปกว่ายามนี้อีกเล่า

มั่วเฉี่ยนยวนตาสว่างในทันที “เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะไปบอกหลงฉีให้เตรียมตัวให้พร้อม” กล่าวจบ ก็รีบรุดวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

จวินอู๋เสียนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาที่ว่างเปล่ามีประกายเย็นชาวาบผ่าน

“เจ้านาย ได้ฤกษ์เปิดฉากฆ่าอีกแล้วเหรอ” แมวดำตัวน้อยกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะหิน มันเลียอุ้งเท้าของมันไปพลางถามจวินอู๋เสียด้วยน้ำเสียงที่สูงขึ้นเล็กน้อย ไม่อาจซ่อนร่องรอยความตื่นเต้นเอาไว้ได้เลย

ความรู้สึกในตอนที่ได้ละเลงเลือด ช่างเป็นอะไรที่เพลิดเพลินและวิเศษมากจริงๆ

จวินอู๋เสียเหลือบมองเจ้าตัวเล็กแวบหนึ่ง แล้วกล่าวกับมันว่า “ขอแค่คนสกุลจวินปลอดภัยก็พอ”

ผู้อื่นไม่รุกรานนาง นางก็ไม่รุกรานผู้อื่น แต่หากผู้ใดมีตาแต่ไร้แววกล้ามายั่วยุนาง นางก็ไม่ถือสาหากจะเลาะกระดูกของพวกมัน ทำให้พวกมันกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน ไม่อาจไปเกิดใหม่ได้อีกในทุกชาติภพ!