ตอนที่ 156 การแสดงดีๆ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว (3)
นับตั้งแต่ก่อตั้งรัฐชีมา ไม่เคยมีทหารกองทัพใดสามารถเข้าไปในวังหลวงได้นอกจากกองทหารรักษาพระองค์
แต่วันนี้กฎทุกอย่างกำลังจะถูกทำลายลงแล้ว
มั่วเฉี่ยนยวนนำทหารของกองทัพรุ่ยหลินจำนวนห้าพันนายพุ่งตรงเข้าไปในวังหลวง ด้านนอกประตูวังเหล่าชาวบ้านที่มายืนมุงดูเหตุการณ์ ต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจมั่วเฉี่ยนยวนและกองทัพรุ่ยหลินไม่ขาดสาย
ณ ท้องพระโรงใหญ่ บนบัลลังก์มังกรซึ่งเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันของรัฐชีกำลังประทับนั่งอยู่บนนั้นด้วยพระพักตร์ที่ซีดเผือด ทหารยาม นางกำนัล และขันทีประจำวังหลวงซึ่งรอปรนนิบัติอยู่บริเวณท้องพระโรง สบตากันเลิ่กลั่ก ทั้งประหม่าและตึงเครียด
“นี่เหรอเรื่องดีๆ ที่พวกเจ้าทำกันน่ะหา!” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่ยืนอยู่ตรงหน้าพระองค์ พระองค์ไม่เคยรู้เรื่องแผนโง่ๆ ที่ทั้งสองคนนี้ลอบทำกันมาก่อนเลย หากพระองค์รู้ พระองค์จะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาทำเป็นอันขาด นี่มันแผนฆ่าตัวตายชัดๆ
วางยาพิษคนทั้งเมืองหลวงเหรอ สมองของพวกเขาถูกลาเตะไปแล้วหรืออย่างไร!
โง่เง่าสิ้นดี!
ประชาชนก็กับเหมือนน้ำ น้ำสามารถประคองเรือได้ฉันใด ก็สามารถคว่ำเรือได้ฉันนั้น! ตอนนี้ประชาชนเอนเอียงไปทางมั่วเฉี่ยนยวนกับสกุลจวินจนหมดแล้ว ส่วนฮ่องเต้กับองค์ชายรองน่ะเหรอ ก็ไม่ต่างอะไรจากนักโทษที่ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ภายในวังหลวง!
ก่อนหน้านี้สถานการณ์ปิดล้อมเมืองหลวงก็เพียงพอจะทำให้พระองค์ปวดเศียรเวียนเกล้ามากพอแล้ว ไม่คิดว่าในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน สองคนนี้จะร่วมมือกันทำเรื่องบ้าๆ ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นไปอีก
มันคงจะดีมากหากแผนที่พวกเขาวางไว้ทำได้สำเร็จจริงๆ แต่ดูตอนนี้สิ กองทัพรุ่ยหลินไม่เพียงแต่จะมีใบหน้าเปล่งปลั่ง ร่างกายกำยำเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา พวกเขาไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายไปแม้แต่คนเดียว ในทางตรงกันข้าม คนพวกนั้นฮึกเหิมถึงขั้นยกทัพบุกเข้ามากดดันพระองค์ถึงในวังหลวงแล้ว ทั้งยังสาดน้ำโคลนใส่กองทหารรักษาพระองค์ของพระองค์ จนกองทัพที่มีเกียรติบัดนี้กลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ในสายตาของชาวบ้าน!
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยใบหน้าไร้สีเลือด หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
วิธีการของไป๋อวิ๋นเซียนอาจจะดูรุนแรงไปสักหน่อย แต่ถ้าหากพวกเขาสามารถทำสำเร็จจริง พวกเขาก็จะไม่ต้องกังวลถึงสถานการณ์อันน่าอึดอัดอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดว่าพิษนี้มันจะไม่แพร่กระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่บรรลุผลตามที่คาดหวัง มันยังทำให้ทหารฝั่งตนเองตกตายอย่างไร้ค่าไปถึงห้าสิบนาย แถมตอนนี้ยังต้องมานั่งคิดหาคำอธิบายสมเหตุสมผล ชี้แจงให้แก่ครอบครัวของเหล่าทหารที่ตายไปแล้วอีกต่างหาก
“ลูกรู้ความผิดของตัวเองแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ขอเสด็จพ่อโปรดช่วยลูกด้วย!” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยคุกเข่าลงกับพื้น ตัวของเขาสั่นราวกับต้นหลิวท่ามกลางพายุลมแรง
“ช่วยเจ้าหรือ ข้าจะเอาปัญญาที่ไหนไปช่วยเจ้า ตอนนี้มั่วเฉี่ยนยวนคงใช้โอกาสนี้นำกองทัพรุ่ยหลินบุกเข้ามาในวังหลวงแล้ว ไหนเจ้าบอกข้ามาสิ ว่าจะให้ข้าช่วยเจ้าอย่างไรหา! ข้าเคยคิดว่าเจ้านั้นเป็นบุตรชายที่ฉลาดเฉลียวที่สุด สามารถฝากฝังอนาคตรัฐชีไว้ในมือเจ้าได้ แต่ตอนนี้เห็นชัดแล้วว่าเจ้ามันไร้สมองสิ้นดี ไร้ประโยชน์ซะยิ่งกว่าเจ้าเด็กมั่วเฉี่ยนยวนคนนั้นเสียอีก ส่วนไป๋อวิ๋นเซียนน่ะเหรอ นังนั่นมันคนบ้า วิธีการบ้าๆ พรรค์นี้ยังอุตส่าห์คิดออกมาได้ ส่วนเจ้าก็ดันไปบ้าตามนาง เชื่อแผนการไร้สมองของนางไปได้อย่างไรกัน! เจ้าคงไม่ได้ลืมไปแล้วกระมังว่านางเป็นถึงศิษย์เอกของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋น แม้ว่ารัฐชีของพวกเราจะล่มสลายไปแล้ว แต่ด้วยกำลังของสำนักชิงอวิ๋นที่หนุนหลังนางอยู่ นางย่อมไม่อนาทรร้อนใจใดๆ ทั้งนั้น อย่างไรกองทัพรุ่ยหลินก็คงไม่มีทางกล้าเผชิญหน้ากับสำนักชิงอวิ๋นโดยตรง แต่พวกเรานี่สิ ชะตาชีวิตของพวกเราจะเป็นอย่างไรเจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่!” ฮ่องเต้เอนพระวรกายพิงไปกับบัลลังก์อย่างหมดแรง รู้สึกอับจนหนทางอย่างถึงที่สุด
จบสิ้นแล้ว! ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้วจริงๆ!
หากว่าพวกเขาเก็บตัวอยู่ในวังอย่างเงียบๆ รอคอยให้ความช่วยเหลือจากสำนักชิงอวิ๋นมาถึงอย่างเชื่อฟัง บางทีบทสรุปที่ได้อาจจะแตกต่างไปจากยามนี้กระมัง อย่างไรก็ตาม บนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว มันก็สายเกินกว่าจะถอยหลังกลับแล้ว
คิดถึงไป๋อวิ๋นเซียนที่เป็นอีกหนึ่งตัวการ นังเด็กนั่นก็ช่างไร้เดียงสาสิ้นดี คุณหนูในห้องหอที่วันๆ เอาแต่หลอมยา เดินเชิดไปเชิดมาให้ผู้อื่นประจบยกย่อง จะไปเข้าใจเกมการเมืองได้อย่างไร แถมยังหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองฉลาดเก่งกาจเสียเต็มประดา ลูกไม้โง่ๆ พรรค์นั้นไม่มีวันล้มปีศาจอย่างจวินอู๋เสียได้หรอก ตลกสิ้นดี!
“แล้วนี่...ไป๋อวิ๋นเซียนนั่นไปอยู่ที่ไหนแล้ว” ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ยังคงนอนพักอยู่ที่ตำหนักของลูกพ่ะย่ะค่ะ” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยตัวสั่น เขาเองก็เพิ่งรู้ถึงสถานการณ์ด้านนอกวังหลวง ตอนที่รีบเร่งมาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงหลวงเมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้ไป๋อวิ๋นเซียนเองก็ยังไม่รู้ว่าแผนการที่นางได้สร้างขึ้นถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว
“ไปเรียกนางมาที่นี่เดี๋ยวนี้ ในเมื่อแผนการบ้าๆ นี้นางเป็นคนต้นคิด ก็ให้นางมาเก็บกวาดด้วยตัวเอง อีกอย่างนางเป็นถึงศิษย์เอกของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋น แม้จะไม่สามารถหยุดยั้งกองทัพรุ่ยหลินไม่ให้บุกเข้ามาได้ แต่อย่างน้อยๆ สถานะของนางก็น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้างกระมัง จนกว่าสำนักชิงอวิ๋นจะมาถึง จากนี้ไปพวกเจ้าก็อยู่เฉยๆ อย่าได้ก่อเรื่องขึ้นอีกเข้าใจหรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง พระขนงของพระองค์ขมวดแน่น ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันได้พัฒนาไปไกลเกินกว่าที่พระองค์จะสามารถควบคุมไว้ได้แล้ว แม้สำนักชิงอวิ๋นที่หนุนหลังไป๋อวิ๋นเซียนอยู่จะแข็งแกร่งมาก แต่นั่นมันก็ทำให้นางหยิ่งยโสโอหัง หากนางยอมส่งข่าวไปให้กองทัพเสริมที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ นอกเมืองแต่โดยดีไม่ใช่ส่งไปที่สำนักชิงอวิ๋น สถานการณ์มันก็คงจะไม่คับขันขนาดนี้ และพระองค์ก็จะยังพออาศัยกองกำลังนี้ต้านทานกองทัพรุ่ยหลินของจวินอู๋เสียได้!
เหนือสิ่งอื่นใดคือ หากไป๋อวิ๋นเซียนไม่อวดฉลาดและเสนอแผนการวางยาพิษบ้าๆ นั่นขึ้นมา มั่วเฉี่ยนยวนก็คงจะไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน และจวินอู๋เสียก็จะไม่มีข้ออ้างนำกองกำลังบุกเข้ามาในวังหลวงแห่งนี้!