ตอนที่ 169 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (3)
“ท่านปู่วางใจเถิด นางไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้” จวินอู๋เสียกล่าว
“เอ่ยออกมาไม่ได้หรือ” จวินเสี่ยนมองจวินอู๋เสียอย่างสงสัย
“ข้ามีแผนของตัวเองสำหรับเรื่องนี้ และข้าจะจัดการกับมันหลังจากที่องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์แล้ว” ชีวิตของไป๋อวิ๋นเซียนต้องเก็บไว้อย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่ไป๋อวิ๋นเซียน อดีตฮ่องเต้และองค์ชายรองก็ยังตายไม่ได้ นางจะทำให้พวกเขารู้ว่าความเจ็บปวดของการมีชีวิตอยู่อย่างขมขื่นนั้นเป็นอย่างไร!
พวกเขาทำให้สกุลจวินต้องทนทุกข์มานานกว่าสิบปี จะให้พวกเขาจากไปอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน!
ณ จุดนี้ สองพ่อลูกสกุลจวินก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก แต่ความจริงนอกจากเรื่องนี้แล้ว พวกเขายังมีความสงสัยอยู่ในใจอีกหนึ่งเรื่อง
ในช่วงสองสามวันนี้ มั่วเฉี่ยนยวนให้คนส่งของมาที่จวนหลินอ๋องมากมาย จนคลังเก็บของในจวนไม่สามารถยัดเข้าไปเพิ่มได้แล้ว ความกระตือรือร้นเช่นนี้ทำให้พวกเขากังวลมากจริงๆ
ช่วงก่อนมั่วเฉี่ยนยวนและจวินอู๋เสียมีการติดต่อกันบ่อยครั้ง และตอนนี้จวินอู๋เสียยังช่วยมั่วเฉี่ยนยวนให้ขึ้นครองราชย์ มั่วเฉี่ยนยวนจึงยิ่งตอบสนองทุกความต้องการของจวินอู๋เสีย
ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกๆ
ตอนนี้มั่วเฉี่ยนยวนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เมื่อตอนที่เขาเป็นองค์รัชทายาท ก็ไม่มีหญิงสาวคนใดยืนอยู่เคียงข้างกายเขา จนถึงบัดนี้อย่าว่าแต่ตำแหน่งไท่จื่อเฟยเลย แม้แต่ตำแหน่งนางสนมก็ยังว่างเปล่า
ปรกติเขาไม่เคยสนิทสนมหรือติดต่อกับสตรีนางใด หญิงสาวเพียงคนเดียวที่สนิทสนมกับเขาก็คือจวินอู๋เสีย
ช่วงนี้จวินอู๋เสียไม่ได้ออกไปไหน นางจึงไม่รู้ข่าวลือด้านนอกว่าตอนนี้ประชาชนในเมืองหลวงต่างเล่าลือกันว่าหลังจากองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ เขาจะอภิเษกสมรสกับจวินอู๋เสียและแต่งตั้งให้จวินอู๋เสียขึ้นเป็นฮ่องเฮา
โดยมีจวนหลินอ๋องและกองทัพรุ่ยหลินเป็นผู้สนับสนุน จวินอู๋เสียสามารถตำแหน่งฮ่องเฮานี้ได้อย่างสมเกียรติจริงๆ
เพียงแต่ว่า...
ไม่ว่าสองพ่อลูกสกุลจวินจะมองอย่างไร พวกเขาก็ไม่รู้สึกว่าจวินอู๋เสียจะมีความคิดแบบนี้
เพราะหลังจากบังคับฮ่องเต้ให้สละราชสมบัติแล้ว ก็ไม่เคยเห็นจวินอู๋เสียไปพบมั่วเฉี่ยนยวนอีกเลย
ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้มีแผนการอะไรซุกซ่อนเอาไว้อยู่อีก...
จวินอู๋เสียไม่มีความคิดนี้จริงๆ เพราะสำหรับนางแล้ว มั่วเฉี่ยนยวนเป็นเพียงพันธมิตรในการบังคับฮ่องเต้ให้สละราชสมบัติ และเป็นดาบแหลมคมที่ใช้ปกป้องสกุลจวินของนางไม่ให้เป็นทุกข์และไร้ความกังวลอีกต่อไป สองสามวันนี้ที่นางไม่ออกไปไหน ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่เป็นเพราะว่าเสี่ยวเฮย...
วันนั้นหลังจากที่เสี่ยวเฮยของนางกลืนราชสีห์ทองคำยักษ์ลงท้องไป มันก็ไม่มีชีวิตชีวา วันทั้งวันตลอดสิบสองชั่วยาม มันหลับไปเกินกว่าแปดชั่วยามต่อวันแล้ว
สถานการณ์แบบนี้ทำให้จวินอู๋เสียวางใจไม่ลงจริงๆ
หลังจากบอกลาสองพ่อลูกสกุลจวิน จวินอู๋เสียก็รีบดิ่งกลับไปที่เรือนพักของตัวเอง เป็นช่วงยามอู่ที่แดดแรงมาก บนโต๊ะหินในลานมีเจ้าตัวเล็กๆ ขนสีดำนอนกรนอยู่บนนั้น
แสงแดดสีทองส่องลงมากระทบขนดำมันวาวของมัน สะท้อนเป็นแสงสีทองชั้นๆ เลือนราง
จวินอู๋เสียเดินเข้าไปแล้วกอดแมวดำตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน หลังจากนอนอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ขนของเสี่ยวเฮยก็ร้อนขึ้นมาเล็กน้อย จวินอู๋เสียจึงอุ้มมันเข้าไปในห้องพักและหวีขนให้มันอย่างอดทน
“ไม่สบายตัวเลย...” แมวดำตัวน้อยค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งแสดงความรู้สึกไม่สบายตัวชัดเจน
“เป็นอะไรหรือ” จวินอู๋เสียถาม
"ข้ารู้สึกว่าร่างกายมันบวมและร้อนเล็กน้อย" แมวดำตัวน้อยขยับไปมาในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย พยายามหาที่ที่หลับสบาย แต่ไม่ว่ามันจะขยับอย่างไรก็รู้สึกไม่สบายอยู่ดี
จิตวิญญาณในร่างกายเหมือนถูกไฟเผาอย่างต่อเนื่อง และความร้อนที่แผดเผาทำให้มันนอนไม่หลับ
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดตามจริงแล้วร่างกายของเสี่ยวเฮยเป็นเพียงการรวมตัวของจิตวิญญาณ จะมีความรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร นางตรวจดูร่างกายของมันอย่างละเอียดหนึ่งรอบ จึงสังเกตเห็นว่าทั้งๆ ที่นางอุ้มเสี่ยวเฮยเข้ามาในห้องและหลีกเลี่ยงแสงแดดแล้ว แต่ขนสีดำเงาของมันนั้นยังคงมีเรืองแสงเป็นสีทองจางๆ อยู่
สีนั้นคล้ายกับแสงสีทองบนตัวของราชสีห์ทองคำยักษ์มาก