ตอนที่ 180 พลังของสำนักชิงอวิ๋น (2)
“การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพื่อคุณหนูอวิ๋นเซียนเท่านั้น แต่เรายังมาเพื่อนำสิ่งที่ท่านเจ้าสำนักต้องการกลับไปด้วย คุณหนูใหญ่ท่านไม่ได้ออกเดินทางมาเป็นเวลานานมากแล้ว ดังนั้นถือว่าออกมาพักผ่อนก็ดีขอรับ” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวในชุดสีฟ้ายิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
บนถนนที่พลุกพล่าน สายตาของประชาชนถูกดึงดูดด้วยรถม้าขบวนนี้ ผู้คนที่แออัดอยู่บนถนนทั้งสองฝั่งเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบๆ บนชั้นสองของเหลาอาหารข้างถนน จวินอู๋เสียนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างแล้วมองขบวนรถม้าเคลื่อนเข้ามาในเมืองหลวง
“สำนักชิงอวิ๋น” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ขบวนนี้มีรถม้าสิบคัน นอกจากคนที่ขี่ม้าแล้ว ในรถม้ามีคนอย่างน้อยสองคน
“ไป๋อวิ๋นเซียนบอกว่าคนของสำนักชิงอวิ๋นที่มาในครั้งนี้มีประมาณสิบคน ผู้นำในครั้งนี้คือฉินอวี่เยียนบุตรีของเจ้าสำนักชิงอวิ๋น และยังมีเจียงเฉินชิงผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นที่ตามมาด้วย อีกแปดคนที่เหลือคือศิษย์สายในของสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมด นอกจากคนของสำนักชิงอวิ๋นแล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกสิบห้าคนที่ไม่ใช่คนของสำนักชิงอวิ๋นติดตามมาด้วย" มั่วเฉี่ยนยวนซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างกำลังตรวจข้อมูลที่ไป๋อวิ๋นเซียนส่งมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า สำนักชิงอวิ๋นเป็นที่หนึ่งของการรักษา มีคนที่แข็งแกร่งมากมายในโลกที่เต็มใจทำงานให้กับพวกเขา และคนสิบห้าคนที่ไม่ทราบที่มาก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
“สิบห้าคนนั้นเป็นใคร ไป๋อวิ๋นเซียนก็ไม่รู้ แต่นางบอกข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนของสำนักชิงอวิ๋นที่มาด้วยทั้งหมด ตอนนี้เจียงเฉินชิงได้ผ่านพลังระดับปราณสีน้ำเงินมาแล้ว เป็นผู้เชี่ยวชาญที่หายาก นอกจากเขาแล้ว ศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นทุกคนล้วนผ่านพลังระดับปราณสีเหลืองแล้ว ครั้งนี้เจ้าสำนักชิงอวิ๋นลงทุนใหญ่จริงๆ ไม่เพียงแต่ปล่อยคนระดับปราณสีน้ำเงินออกมาเท่านั้น เขายังเชิญผู้ช่วยอีกสิบห้าคนมาด้วย ข้าเดาว่าพลังของสิบห้าคนนั้นไม่ด้อยกว่าเจียงเฉินชิงอย่างแน่นอน"
จวินอู๋เสียฟังอย่างเงียบๆ ตามความเร็วปกติของการฝึกฝนแล้ว หากคนหนึ่งต้องการผ่านพลังระดับปราณสีน้ำเงินนั้นอายุของเขาจะต้องเกินร้อยปี แต่จากข้อมูลที่ไป๋อวิ๋นเซียนกล่าว ตอนนี้เจียงเฉินชิงมีอายุเพียงเจ็ดสิบปีต้นๆ เท่านั้น จากพลังระดับปราณสีแดงจนถึงระดับปราณสีน้ำเงิน เขาใช้เวลาน้อยกว่าคนทั่วไปเป็นเวลาสามสิบปี นั่นหมายความว่าเขามีพรสวรรค์จริงๆ
กวาดตามองไปทั่วทั้งรัฐชี ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดที่ผ่านพลังระดับปราณสีน้ำเงินเลย พรสวรรค์ของท่านอาเล็กของนางนั้นโดดเด่นมาก แต่เขาก็อยู่แค่ขั้นสูงของระดับปราณสีเหลืองเท่านั้น และท่านปู่ของนางอยู่ระดับปราณสีเขียวมายี่สิบกว่าปีแล้วก็ยังไม่ผ่านระดับปราณสีน้ำเงินเสียที
จากระดับปราณสีเขียวสู่ปราณสีน้ำเงิน แม้ว่าจะมีความแตกต่างเพียงระดับเดียวเท่านั้น แต่ต้องใช้เวลาเกือบหกสิบปีสำหรับคนที่มีความสามารถระดับกลาง...
แม้ว่าคนธรรมดาที่ต้องการจะอยู่ระดับปราณสีเขียวจะฝึกฝนอย่างหนักหน่วงทุกวันหลังจากปลุกภูติวิญญาณก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งร้อยเจ็ดปี และจะต้องเป็นการในเลื่อนขั้นที่ไม่มีอุปสรรคและสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
หากเกิดอะไรขึ้นระหว่างเลื่อนขั้น เกรงว่าจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
การพัฒนาพลังวิญญาณดูเหมือนจะง่าย ขอแค่ตั้งใจก็พอ แต่การเลื่อนในแต่ละระดับได้ทำลายความหวังของคนเป็นจำนวนมาก
การฝึกฝนพลังวิญญาณไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ แต่การฝ่าฟันระดับเลื่อนขั้นขึ้นไปในทุกครั้งจำเป็นต้องมีพรสวรรค์
มีคนมากมายที่ฝึกฝนมาครึ่งชีวิต แต่ก็อยู่แค่ระดับปราณสีส้มเท่านั้น
จวินอู๋เสียกัดฟัน ตอนนี้นางอยู่แค่ระดับปราณสีแดงตัวน้อยๆ แม้ว่าตอนนี้นางจะมีความรู้สึกว่าจะเลื่อนระดับเป็นปราณสีส้มในเร็วๆ นี้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าปราณสีน้ำเงินนางอาจสลายไปทันทีในพริบตาเดียว
ยังไม่พอ
นางยังไม่แข็งแกร่งมากพอ
สำนักชิงอวิ๋นส่งออกมาก็ระดับปราณสีน้ำเงินเลย พลังแบบนี้เหมือนกับภูเขาที่กดทับหัวใจของจวินอู๋เสียทำให้นางหายใจช้าลง
ความแข็งแกร่งของสำนักชิงอวิ๋น ทำให้หัวใจของจวินอู๋เสียมั่นใจมากขึ้นว่าไม่ว่าจะอย่างไร นางไม่อาจปล่อยให้สกุลจวินเผชิญหน้ากับสำนักชิงอวิ๋นได้ในตอนนี้