ตอนที่ 212 อำนาจกดดัน (3)
หลังจากที่คณะของสำนักชิงอวิ๋นออกจากท้องพระโรงมาแล้ว เจียงเฉินชิงก็จัดแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่มแล้วแยกย้ายไปขุดหยกวิญญาณทันที
"มันช่างน่าขันสิ้นดี! ฮ่องเต้น้อยนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ไม่อยากส่งมอบหยกวิญญาณออกมา ท่านผู้อาวุโส ท่านว่าที่เขาพูดว่าฝังหยกวิญญาณไปพร้อมกับศพแล้วนั้น เป็นเรื่องจริงหรือหลอกกันแน่” กลุ่มศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นที่ถูกแบ่งมาทางเดียวกับเจียงเฉินชิงอดไม่ได้บ่นออกมาระหว่างทาง
เจียงเฉินชิงแค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เขากล้ารึ! รัฐชีก็แค่รัฐเล็กๆ รัฐหนึ่งที่ไม่ได้สลักสำคัญอันใด หากพวกกล้าหลอกลวงพวกเรา คืนนี้ข้าจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่าสำนักชิงอวิ๋นไม่ใช่สถานที่ที่รัฐเล็กๆ อย่างพวกเขาจะสามารถยั่วยุได้”
รัฐชีเพิ่งก่อตั้งมาไม่ถึงร้อยปี ทั้งรากฐานและกองกำลังทหารเองก็ไม่แข็งแกร่ง ท่ามกลางขุมอำนาจต่างๆ มันจึงเป็นเพียงรัฐเล็กๆ ที่ไม่ได้อยู่ในสายตา การป้องกันดินแดนของรัฐโดยหลักๆ ล้วนขึ้นอยู่กับกองทัพรุ่ยหลินของสกุลจวินเท่านั้น
“เรื่องหยกวิญญาณอีกชิ้นถูกฝังไปพร้อมร่างของจวินกู้ อดีตฮ่องเต้เองก็เคยเกริ่นไว้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็ไม่ทราบถึงประโยชน์ที่แท้จริงของหยกวิญญาณ ถึงได้ฝังมันไปพร้อมกับศพเช่นนั้น” ฉินอวี่เยียนพูดขึ้นอย่างช้าๆ
นางไม่เชื่อหรอกว่ามั่วเฉี่ยนยวนจะกล้าโกหกนางเรื่องที่อยู่ของหยกวิญญาณ
“ข้าเคยได้ยินท่านเจ้าสำนักเปรยถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอดีตฮ่องเต้กับสกุลจวินอยู่เหมือนกันว่าทั้งสองไม่ลงรอยกัน อดีตฮ่องเต้จึงคิดจะกำจัดสกุลจวินแล้วใช้หยกวิญญาณชิ้นนั้นในการแลกเปลี่ยนกับพวกเราสำนักชิงอวิ๋น ข้าว่ามั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็คงมีความคิดเช่นเดียวกับบิดาของเขา ไม่อยากนั้นทั้งที่อวิ๋นเซียนเพิ่งจะมาถึงรัฐชีได้ไม่นาน จะตกหลุมรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้นเช่นนั้นได้อย่างไร เกรงว่าเขาคงคิดใช้อวิ๋นเซียนเป็นใบเบิกทางเข้าหาสำนักชิงอวิ๋นของพวกของเราน่ะสิ” เจียงเฉินชิงเยาะเย้ยอย่างดูถูก
เหล่าศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นรับฟังอย่างสนุกสนาน พวกเขาอดไม่ได้พูดออกไปด้วยความสงสัยว่า “ฮ่องเต้รัฐชีผู้นี้โง่รึเปล่า หากรัฐชีไม่มีกองทัพรุ่ยหลินของสกุลจวินคอยรักษาการณ์อยู่ พวกเขาคงถูกรัฐอื่นๆ ที่คอยจ้องตาเป็นมันกลืนกินไปนานแล้ว อีกอย่างการกำจัดสกุลจวินสำหรับรัฐที่เพิ่งวางรากฐานขึ้นมาใหม่ๆ นี้ นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ”
รัฐเล็กๆ อย่างรัฐชี หากคิดจะอยู่รอดต่อไปท่ามกลางมหาอำนาจของรัฐอื่นๆ หากไม่มีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งคอยปกป้องหนุนหลัง นี่เป็นไปไม่ได้เลย
กองทัพรุ่ยหลินของสกุลจวิน คือดาบที่แหลมคมและแข็งแกร่งที่สุดของรัฐชีที่ชี้ไปทางศัตรู บีบให้ศัตรูที่เข้ามารุกรานร่นถอย และคอยดูแลชายแดนทำให้สงบสุขมาจนถึงทุกวันนี้
แต่ฮ่องเต้รัฐชีกลับคิดจะทำลายอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของพระองค์เอง ช่างเลอะเลือนจริงๆ
“ความคิดของคนโง่เขลา ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถเข้าใจได้ รัฐชีจะเป็นอย่างไรพวกเราไม่จำเป็นต้องสน อดีตฮ่องเต้ตายไปแล้ว แต่ข้อตกลงระหว่างเรายังคงอยู่ เราได้มอบโอสถวิเศษให้กับพวกเขาไปแล้ว ตอนนี้ถึงคราพวกเราบ้างแล้วที่จะเก็บเกี่ยวหยกวิญญาณกลับไป สัญญาต้องเป็นสัญญา ส่วนเรื่องของรัฐชีในวันข้างหน้าไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรไยต้องสนด้วย” ฉินอวี่เยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนูใหญ่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ฮ่องเต้น้อยนั่นไม่รู้เลยว่าข้อตกลงเดิมระหว่างเรากับบิดาของเขานั้น รวมไปถึงเงื่อนไขที่จะปกป้องคุ้มครองรัฐชีไม่ให้ถูกรุกรานจากรัฐอื่นๆ เวลายี่สิบปีเต็มด้วย” เจียงเฉินชิงยิ้มออกมา
ฉินอวี่เยียนคลี่ยิ้มจาง “พอเก็บหยกวิญญาณเสร็จ พวกเราก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่นี่อีก"
กล่าวจบ คนจากสำนักชิงอวิ๋นก็หัวเราะแล้วพากันแยกย้ายไปตามจุดที่แบ่งไว้ในตอนแรก
พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าสูงขึ้นไปเหนือศีรษะของพวกเขา บุรุษร่างสูงผู้มีใบหน้างดงามราวกับสวรรค์ประทานพรกำลังอุ้มเด็กสาวร่างเล็กลอยอยู่ตรงนั้น แถมยังได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทุกถ้อยคำชนิดไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียวด้วย!
"นี่ก็คือคนของสำนักชิงอวิ๋น?" จวินอู๋เสียมองตามแผ่นหลังของพวกเขาที่ค่อยๆ ไกลออกไป ดวงตาก็เผยความเย็นชาออกมา แม้เมื่อสักครู่นี้นางจะไม่ได้อยู่ในท้องพระโรงด้วย แต่ฟังจากบทสนทนาของพวกเขา ก็พอเดาได้ว่าวิธีการที่มั่วเฉี่ยนยวนเตรียมมารับมือคนของสำนักชิงอวิ๋นนั้น ไม่มีประโยชน์เลยแม้เสี้ยวกระผีกเดียว
“ก็แค่มดปลวกฝูงหนึ่ง อย่าไปสนใจเลย เสี่ยวเสียเอ๋อร์วางแผนจะเอาชีวิตพวกมันเมื่อไหร่เล่า” มุมปากของจวินอู๋เย่ายกขึ้นเล็กน้อย หากเลือดของคนพวกนั้นสามารถเรียกรอยยิ้มจากจวินอู๋เสียได้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติของพวกมันแล้ว