ตอนที่ 216 ทะลวงระดับ (4)
มันเป็นพลังของจิตวิญญาณที่ไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง เอาแต่ใจอย่างถึงที่สุด และเต็มเปี่ยมไปด้วยความก้าวร้าวที่แฝงไปด้วยเจตนาทำลายล้างและไล่ล่า เพียงพริบตาที่จวินอู๋เสียได้สัมผัสกับมัน หัวสมองของนางก็เบลอเลือน ปั่นป่วนสับสนไปหมด เส้นประสาททั้งหมดในหัวคล้ายกับจะถูกฉีกทึ้งไม่เหลือชิ้นดีในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น!
เหงื่อเม็ดเป้งไหลลงมาจากหน้าผากกลมมนและทั่วทั้งตัวของนางจนทำให้เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่ม!
ความเจ็บปวดทางจิตวิญญาณที่ได้รับนี้ เป็นอะไรที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย มันทุกข์ทรมานมากกว่าความเจ็บปวดทางกายที่นางเคยประสบพบเจอมาทั้งชีวิต!
จวินอู๋เสียไม่เคยกลัวความเจ็บปวด แต่ภายใต้ความเจ็บปวดเช่นนี้ ก็ทำให้นางใบหน้าซีดขาวไปทั้งดวง
ความเจ็บปวดทางร่างกายอาจทำให้คนหมดสติไปได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ความเจ็บปวดทางจิตวิญญาณนั้นมันจะดำเนินต่อไปไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะจิตวิญญาณกำลังตกอยู่ในห้วงของการถูกทรมาน จิตสำนึกของมนุษย์จึงชัดเจนมากขึ้น วินาทีนี้เนื่องจากประสาทสัมผัสและการรับรู้ในตัวของจวินอู๋เสียเฉียบคมและอ่อนไหวขึ้นมาก เพียงแค่การแตะสัมผัสเบาๆ สำหรับนาง จึงไม่ต่างอะไรไปจากการถูกก้อนหินหนักๆ ทุบเลย
ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนจู่ๆ ก็เริ่มตัวร้อนขึ้นมา สีเลือดบนใบหน้าของนางพริบตาคล้ายกับจะถูกกวาดออกไปสิ้น แต่จวินอู๋เย่าก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เขาเพียงแค่โอบประคองนางไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างเบามือและระมัดระวังมากที่สุด
เขารู้ดีว่าการแตะสัมผัสนางในตอนนี้อาจทำให้นางได้รับความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแสนสาหัส จึงระมัดระวังการเคลื่อนไหวของตัวเองในเวลานี้มาก
จวินอู๋เสียกัดฟันแน่น อดทนต่อการโจมตีทางจิตวิญญาณที่ประเดประดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยประสบกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นนี้เลยตลอดทั้งชีวิต แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับจวินอู๋เสีย
เมื่อภพชาติก่อนตอนที่ดวงวิญญาณของเจ้าแมวดำตัวน้อยกับนางผสานรวมเข้าด้วยกัน นางก็เคยสัมผัสกับความรู้สึกที่อยู่ไม่สู้ตายแบบนี้มาแล้ว
ตอนนั้นนางยังเด็กมาก เมื่อนางปีนลงจากเตียงผ่าตัด ก็แทบจะไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลย ตอนนี้เมื่อความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ได้หวนกลับมาทรมานนางอีกครั้ง ใจของนางจึงปราศจากซึ่งความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง
ขนาดความตายนางยังไม่กลัว แล้วนางจะมากลัวสิ่งนี้หรือ!
ไม่มีทาง!
ความดื้อรั้นในหัวใจของจวินอู๋เสียคล้ายถูกกระตุ้น ไม่เพียงแต่นางจะไม่กลัว แต่ยังเพิ่มความเร็วในการดูดซับพลังมากขึ้นไปอีก
เก่งนักก็ลองฆ่าข้าดูสิ ไม่อย่างนั้นก็จงมาเป็นพลังให้ข้ากลืนกินแต่โดยดีเสีย!
จิตวิญญาณของอสรพิษทะยานวิ่งพล่านไม่หยุด มันไม่เต็มใจที่จะถูกมนุษย์กลืนกิน แต่การกักขังจากภายนอกก็ทำให้มันหนีไปไหนไม่พ้นเลย และภายใต้คำแนะนำของบุรุษผู้นั้น พลังของมันก็เริ่มถูกมนุษย์สตรีที่อยู่ตรงหน้าดูดซับเข้าไปในร่างกายทีละนิดๆ
เนื่องจากไม่ยินยอมพร้อมใจ อสรพิษทะยานจึงเริ่มโจมตีจิตวิญญาณของจวินอู๋เสียอย่างบ้าคลั่ง จิตวิญญาณมนุษย์นั้นเปราะบางมาก มันไม่เชื่อหรอกว่าหากมันทำลายจิตวิญญาณของสาวน้อยคนนี้แล้ว มันจะหลบหนีออกไปไม่ได้!
แต่จิตวิญญาณของจวินอู๋เสียนั้นแข็งแกร่งกว่าที่อสรพิษทะยานจินตนาการไว้มากโข ไม่ว่ามันจะโจมตีอย่างไร จิตวิญญาณที่ดูเหมือนอ่อนแอนี้ก็ไม่สะทกสะท้านเลย ยังคงมั่นคง ไม่มีวี่แววว่าจะแหลกสลายไปสักนิด
หลังจากจวินอู๋เสียดูดซับจิตวิญญาณของอสรพิษทะยานเข้าไปในร่างกายจนหมด นางก็ยังคงนั่งหลับตาแน่น
จิตสำนึกของนางจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ และถูกชักนำเข้าสู่ความมืดมิดว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด
ที่นั่นนางเห็นสัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ที่น่ากลัวมาก
ลำตัวมันใหญ่เหมือนกับมังกรในตำนาน แต่ร่างกายของมันกลับเหมือนอสรพิษที่มีปีกงอกออกมาคู่หนึ่ง คอยประคองร่างขนาดมหึมานั้นให้ลอยอยู่กลางอากาศได้!
หลังจากที่จวินอู๋เสียกลับชาติมาเกิดใหม่ ในบรรดาภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายทั้งหมดที่นางพบเจอ ราชสีห์ทองคำยักษ์นั้นมีขนาดตัวใหญ่ที่สุดแล้ว แต่สิ่งที่นางเห็นตรงหน้านี้ เพียงแค่ส่วนหัวของเจ้าอสรพิษทะยานตัวนี้อย่างเดียวก็ใหญ่กว่าราชสีห์ทองคำยักษ์นั้นไม่รู้กี่เท่า ลมหายใจของมันที่พ่นรดออกมา เผยให้เห็นถึงความอหังการ์และเย่อหยิ่งทรงพลัง!
“เจ้ามนุษย์อวดดี! เจ้าคิดจะกลืนกินจิตวิญญาณของข้าอย่างนั้นรึ!” อสรพิษทะยานตัวใหญ่ก้มมองจวินอู๋เสียที่เล็กจ้อยเหมือนมองจุดเล็กๆ บนพื้น จิตวิญญาณของนางช่างเล็กกระจ้อยร่อยเหลือเกิน มันเล็กกว่าเขี้ยวซี่หนึ่งที่อยู่ในปากของมันเสียอีก
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น สบสายตากับเจ้าอสรพิษทะยานที่มองลงมาอย่างกดขี่โดยไม่เกรงกลัว ดวงตาดำขลับราวกับน้ำหมึกมีแต่ความสงบและราบเรียบ