ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 22 ล้ำค่าทั้งร่าง (3)

ความรู้สึกยากจะรับไหวนี้ดำเนินต่อเนื่องยาวนานถึงหนึ่งชั่วยามเต็มจึงค่อยเพลาลง เสื้อผ้าของจวินอู๋เสียชุ่มไปด้วยเหงื่อ และของเหลวสีดำหนืดก็ถูกขับออกจากทางรูขุมขนพร้อมเหงื่อทั้งร่าง

ในที่สุดก็จบสิ้นลงเสียที! จวินอู๋เสียลอบถอนหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นมองดูคราบสิ่งสกปรกไม่บริสุทธิ์ที่ติดอยู่บนผิวหนัง

“เจ้าเด็กนั่นไม่ได้หลอกข้าจริงๆ ด้วย” จวินอู๋เสียมองสิ่งแปลกปลอมสีดำนั่นแล้วครุ่นคิดเบาๆ หลังจากความรู้สึกทรมานหายไป นางถึงเพิ่งสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง จวินอู๋เสียรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ากระดูกของตนมีการเปลี่ยนแปลง ข้อต่อเคลื่อนไหวคล่องขึ้น และร่างกายก็เบาลงไม่น้อย แม้ผลลัพธ์ไม่ได้ดีเทียบเท่ากับการเปลี่ยนร่างกายใหม่ แต่สรรพคุณของเมล็ดบัวคือชำระล้างไขกระดูกไม่ผิดแน่แล้ว

หากคนผู้หนึ่งต้องการฝึกวิชาขั้นสูงในภพนี้ เหนือสิ่งอื่นใดคือคนผู้นั้นจำเป็นต้องมีสภาพร่างกายที่ดีเยี่ยมเสียก่อน ก่อนหน้านี้ที่จวินอู๋เสียไม่รีบร้อนฝึกพลังวิญญาณ ก็เพราะนางต้องการปรับสมดุลร่างกาย บำรุงร่างกายของตนให้อยู่ในระดับสมบูรณ์พร้อมก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนนั่นเอง

เริ่มจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง การบ่มเพาะพลังวิญญาณในอนาคตถึงจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นไม่มีติดขัด

หลังจากยืนยันสรรพคุณของน้ำตาภูติดอกบัวขาวอีกอย่างหนึ่ง จวินอู๋เสียก็เริ่มวางแผนสำหรับปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายให้แก่จวินเสี่ยนและจวินชิง

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้พวกคนในราชวงศ์กล้าไม่ไว้หน้าจวนหลินอ๋อง ก็เพราะจวนหลินอ๋องไร้ทายาทสืบสกุลนั่นเอง จวินชิงที่เป็นคนพิการกับจวินอู๋เสียผู้หยิ่งทะนง ยิ่งจวินเสี่ยนแก่ชราลงทุกวัน ร่างกายย่ำแย่ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว พวกเขาก็ยิ่งคิดว่าจวนหลินอ๋องหมดโอกาสฟื้นคืนกลับมายิ่งใหญ่แล้ว จึงไม่คิดไว้หน้ากันอีก

หากจวินเสี่ยนและจวินชิงสามารถกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนได้อีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม เช่นนั้นต่อให้เวลานั้นราชวงศ์มีสำนักชิงอวิ๋นหนุนหลังอยู่ ก็ไม่กล้ายโสเสียมารยาทกับจวนหลินอ๋อง!

ต้องรู้ก่อนว่ากองทัพรุ่นหลินของจวินเสี่ยนมิใช่หยามกันได้โดยง่าย!

ในระยะนี้จวินอู๋เสียใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่แต่ในห้องปรุงยาและจัดเตรียมสมุนไพรมากมาย ขณะเดียวกันนางก็ไม่ลืมบำรุงร่างกายตัวเอง แม้จะยังผอมแห้งอยู่บ้าง แต่สีหน้ากลับเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา ไม่ขาวซีดเหมือนแต่ก่อนแล้ว

จวินเสี่ยนเดิมยังกังวลว่าหลานสาวของตนจะสนใจวิชาแพทย์เพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น แค่ต้องการหาเรื่องเล่นสนุกฆ่าเวลาให้พ้นไป แต่เมื่อเห็นจวินอู๋เสียขะมักเขม้นอ่านตำรา ทั้งยังขังตัวเองอยู่แต่ในห้องปรุงยาทั้งวัน เขาก็ทั้งเป็นสุขทั้งประหลาดใจ ยิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าของนางดีวันดีคืน เขาก็คิดว่าตนสมควรจะเบาใจได้แล้วจริงๆ

ข่าวลือเสียๆ หายๆ ของจวินอู๋เสียยังคงแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างไม่มีหยุดพัก ทำเอาผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พึงพอใจมากเมื่อได้เห็นผลลัพธ์เช่นนี้ สามพ่อลูกสกุลจวินออกรบฆ่าฟันศัตรูนับครั้งไม่ถ้วน กลายเป็นตระกูลนักรบศักดิ์สิทธิ์ในสายตาของเหล่าชาวบ้านทั่วไป การที่พวกเขาได้รับคำยกย่องสรรเสริญอย่างล้มหลามเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เบื้องบนยินดีเห็นเท่าใดนัก

อย่างไรก็ตามการจะใส่ร้ายจวนหลินอ๋องมิใช่เรื่องที่สามารถทำได้โดยง่าย เมื่อมีเรื่องของจวินอู๋เสียเข้ามาแทรก โอกาสที่หาได้ยากเพียงนี้เบื้องบนจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร

จากการใส่ไฟของราชวงศ์ ทำให้ข่าวลือเสียหายของจวินอู๋เสียลามจากเมืองหลวงแพร่กระจายไปทั่วรัฐชี

ตลอดช่วงเวลานี้จวินเสี่ยนง่วนอยู่กับการตามล่าตัวคนร้ายที่ลอบจู่โจมองค์ชายสองและไป๋อวิ๋นเซียนเพื่อล้างมลทินให้กับจวินอู๋เสีย มั่วเซวี่ยนเฝ่ยบอกเขาเพียงว่าอีกฝ่ายคือกลุ่มชายชุดดำปริศนาเท่านั้น พวกเขาลอบจู่โจมอย่างกะทันหันและเขาเค้นพลังมหาศาลออกมาต้านไว้จึงพาไป๋อวิ๋นเซียนหนีออกมาด้วยกันได้

อย่างไรก็ตามจวินเสี่ยนคลางแคลงใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ยิ่ง เขามีความรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังปิดบังบางอย่างที่สำคัญยิ่งต่อเขา

เพราะองครักษ์ที่อารักขามั่วเซวี่ยนเฝ่ยในคืนนั้นตายหมด ทั้งยังไม่มีใครมีซากศพที่สมบูรณ์สักคน คล้ายกับว่าถูกระเบิดออกมาจากภายในตัวของพวกเขา ส่วนมั่วเซวี่ยนเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้และการหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกมัน ทว่าจวินเสี่ยนไม่ได้ไปเยี่ยมดูอาการของเขา จึงไม่รู้ว่าบาดแผลพวกนั้นเกิดจากอาวุธใดบ้าง

เป็นที่แน่ชัดว่าทางราชวงศ์ไม่ต้องการบอกความจริงทั้งหมดแก่เขา ทั้งยังยึดหลักฐานสำคัญบางส่วนไว้ เขาจึงจำใจต้องตามหาคนร้ายจากหลักฐานที่มีจำกัด อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงและเกียรติของจวินอู๋เสีย

จวินเสี่ยนออกไปตามหาหลักฐานตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวัน ขณะเดียวกันทั้งวันก็แทบจะไม่เห็นเงาร่างของจวินอู๋เย่า ภายในจวนหลินอ๋องเวลานี้ นอกจากบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลจวน ก็เหลือเจ้านายเพียงจวินอู๋เสียและจวินชิงสองคนเท่านั้น