ตอนที่ 23 ได้รับพิษ (1)
บ่าวรับใช้เข็นเก้าอี้รถเข็นพาจวินชิงมายังสระดอกบัวเพื่อให้เขาชมทิวทัศน์ อย่างไรก็ตามจวินชิงกลับไม่มีอารมณ์จะชื่นชมอะไรทั้งนั้น
ต่อมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่งลอยเข้ามาในหู จวินชิงจึงหมุนเก้าอี้รถเข็นของเขาไปยังทิศทางนั้น ยิ้มต้อนรับจวินอู๋เสียที่กำลังเดินเข้ามาทางนี้
“วันนี้ยอมออกมาแล้วหรือ” จวินชิงยิ้มพร้อมกับเอ่ยถามนางไปอย่างหยอกเย้า
นับตั้งแต่จวินเสี่ยนยอมให้จวินอู๋เสียเรียนวิชาแพทย์ เวลาส่วนใหญ่ของจวินอู๋เสียก็ขลุกอยู่แต่ในห้องปรุงยา น้อยครั้งนักจะเผยตัวให้เห็น
จวินอู๋เสียมองรอยยิ้มของจวินชิงด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ร่างกายของนางได้รับการปรับสมดุลจากเมล็ดบัวและน้ำตาของดอกบัวขาวแล้ว แม้นางยังไม่ได้เริ่มฝึกพลังวิญญาณ แต่ตอนนี้ฝีเท้าของนางก็เบาลงมากแล้ว ตอนที่นางเดินไปมาในจวน หากไม่ใช่ผู้ที่หันหน้ามาทางนางพอดี ก็ไม่มีใครรู้ตัวเลยจนกระทั่งนางเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายในระยะห้าก้าว
แต่เมื่อครู่ทั้งที่นางเพิ่งก้าวเข้ามาเหยียบเรือนหลัง จวินชิงกลับรับรู้ถึงการมาของนางแล้ว
ประสาทสัมผัสด้านการได้ยินของเขาดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“ขาของท่านอาเล็ก...ได้รับบาดเจ็บมาจากสนามรบหรือเจ้าคะ” จวินอู๋เสียพยายามค้นหาเศษเสี้ยวความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของอาเล็กคนนี้ของนาง
ในความทรงจำของจวินอู๋เสีย นับแต่นางจำความได้จวินชิงก็นั่งอยู่บนรถเข็นแล้ว จวินเสี่ยนและจวินชิงไม่ค่อยเอ่ยถึงเรื่องการบาดเจ็บที่ขาของเขาเลย มีเพียงครั้งเดียวในงานเลี้ยงครอบครัวเท่านั้นที่เขาบังเอิญกล่าวออกมาว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากในสนามรบ
“ใช่แล้ว” จวินชิงตอบอย่างไม่ถือสานาง
“ไม่ใช่อาการบาดเจ็บทั่วไปใช่หรือไม่เจ้าคะ” จวินอู๋เสียถามต่อไป นางมั่นใจว่าแผลของจวินชิงต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะแผลทั่วไปไม่มีทางทำให้คนระดับเขาพิการได้ ในตอนที่จวินชิงได้รับบาดเจ็บ สถานะจวนหลินอ๋องกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ จวินเสี่ยนสามารถเชิญหมอที่มีฝีมือเก่งกาจล้ำเลิศจากทั่วทั้งรัฐชีมารักษาจวินชิงได้
ต้องก่อนรู้ว่าตอนที่จวินอู๋เสียตกจากหน้าผานั้น กระดูกขาทั้งสองข้างของนางแตกหลายแห่ง อาการสาหัสมาก กระนั้นนางกลับใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นเพื่อรักษาตัวเองจนกลับมาเดินได้ดังเดิม จวินชิงไม่มีทางพิการเพียงเพราะบาดแผลเล็กน้อยพวกนี้
“มันคือพิษน่ะ ตอนนั้นอาถูกแทงด้วยอาวุธที่มีพิษร้ายแรงถึงตาย หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ของเจ้าตอบสนองไวเชิญคนจากสำนักชิงอวิ๋นมารักษาให้ เกรงว่าชีวิตของอาคงจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว” จวินชิงยกมือถลกชายผ้าที่เอวของเขาขึ้นเล็กน้อย เปิดเผยให้เห็นรอยแผลเป็นขนาดราวสองนิ้วที่น่าเกลียดน่ากลัว
ตรงจุดนั้น ถึงจะเป็นแผลเก่าที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว แต่มันยังคงทิ้งร่องรอยสีม่วงคล้ำลามไปทั่ว
“สำนักชิงอวิ๋นหรือ” จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเป็นปม
“ปู่ของเจ้ายอมสละสมบัติที่ตกทอดมาในตระกูลเราแลกกับการรักษาของเขา ถือว่าไม่ติดค้างกันทั้งสองฝ่าย” จวินชิงเอ่ยเรียบๆ ด้วยรู้เรื่องของไป๋อวิ๋นเซียนและมั่วเซวี่ยนเฝ่ยดี จะต้องทำให้จวินอู๋เสียเกลียดชังสำนักชิงอวิ๋นเป็นแน่
แรกเริ่มที่จวินอู๋เสียบอกว่าต้องการจะศึกษาวิชาแพทย์ จวินเสี่ยนยังคิดแนะนำนางให้ไปเรียนที่สำนักชิงอวิ๋น ทว่าพอนึกขึ้นได้ถึงความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันระหว่างไป๋อวิ๋นเซียนจากสำนักชิงอวิ๋นและหลานสาวของเขา จวินเสี่ยนจึงล้มเลิกความคิดนั้นไป
ประกอบกับสถานะของจวนหลินอ๋องยามนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ซ้ำมั่วเซวี่ยนเฝ่ยยังมีความสัมพันธ์พิเศษกับไป๋อวิ๋นเซียนศิษย์เอกของเจ้าสำนักชิงอวิ๋น อย่างไรจวินอู๋เสียก็ไร้โอกาสอยู่ดี
“ให้ข้าดูขาของท่านอาเล็กหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ” หารู้ไม่จวินอู๋เสียไม่ได้คิดถึงชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นเลย
“ได้สิ” จวินชิงไม่คิดมาก เขาสั่งให้บ่าวข้างกายถลกขากางเกงขึ้นมา
ขาทั้งสองข้างของจวินชิงนั้นทั้งซีดและผอมบาง หากไม่ใช่เพราะการบาดเจ็บนั่น ขาที่เคยแข็งแรงกำยำคู่นี้คงมีสตรีจำนวนไม่น้อยเฝ้าถวิลหา แต่บัดนี้หลังจากไม่ได้ใช้งานมันมานานกว่าสิบปี พวกมันจึงหดลีบลง ทำให้สัดส่วนท่อนบนและท่อนล่างของเขาไม่สมดุลกันอย่างมาก