ลมหนาวโบกผ่านสวนหลวงในยามราตรี
เว่ยหลงยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นท้อที่ไร้ดอก ใบหน้าของเขาสะท้อนแสงจันทร์ซีดจาง
ข้างหลังเขา ดวงแก้วเดินเข้ามาเงียบ ๆ
“เจ้าฝันอีกแล้วใช่ไหม?” ดวงแก้วถาม
เว่ยหลงพยักหน้าเบา ๆ
“ในฝัน…ข้าเห็นเงาอีกตน มันไม่ใช่ข้า แต่คล้ายข้ามาก” เขาพูดด้วยเสียงแผ่ว
“มันกำลังเรียกหาข้า เหมือนว่า…เราต้องรวมกันให้ครบ”
ดวงแก้วฟังด้วยสายตาแน่วนิ่ง
นางรู้ดีว่าจ้าวแห่งรัตติกาลนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง หากแต่…เป็นส่วนที่หลงเหลือจากการผนึกที่ไม่สมบูรณ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน
---
ในเช้าวันถัดมา ขุนนางเอกผู้หนึ่งก็ล้มป่วยลงกะทันหัน
เขานอนแน่นิ่ง แววตาเต็มไปด้วยความกลัว และพูดเพียงคำว่า “แสงจันทร์ปลอม” ซ้ำไปซ้ำมา
หมอหลวงตรวจไม่พบโรคใด
แต่ดวงแก้วขอดูร่างของเขาเป็นการส่วนตัว และสิ่งที่นางพบ…คือเงารูปตาข้างเดียวสลักไว้ใต้ผิวหนังข้างลำคอของเขา
“มันเริ่มแล้ว” ดวงแก้วกระซิบ
“เงากำลังเข้าสิงคนในวัง”
---
เพื่อรับมือกับภัยเงาที่เริ่มลุกลาม
ดวงแก้วเสนอให้จัดตั้ง "หน่วยประจันเงา" ขึ้นภายใต้การบังคับบัญชาของนางและเว่ยหลงโดยตรง
ในกลุ่มนั้นมีแม่ทัพหญิงนาม “จื่อหลาน”
ผู้ซึ่งเคยได้รับการฝึกจากสำนักเร้นจันทราในอดีต และมีความสามารถพิเศษในการสัมผัสพลังเงา
“มีเงาผงาดจากใต้หอสมุดเก่า ข้าสัมผัสมันได้” จื่อหลานรายงาน
“และข้ามั่นใจว่ามี ‘ศิลาเงา’ บางชนิดถูกปลุกขึ้น”
ศิลาเงา…วัตถุลี้ลับที่ใช้เป็นจุดรวมพลังความมืด หากรวมครบ 7 ชิ้น จะสามารถปลุก “จ้าวแห่งรัตติกาล” อย่างสมบูรณ์
---
ค่ำคืนหนึ่ง ขณะดวงแก้วนั่งอ่านตำราจารึกโบราณในห้องส่วนตัว
ประตูห้องเปิดออกอย่างไร้เสียง
เด็กหญิงร่างเล็กในชุดนักศึกษาหอสมุดยืนอยู่หน้าประตู
ใบหน้าของนางอ่อนเยาว์ แต่แววตานั้น…แก่กล้ากว่าผู้ใด
“ข้า…ชื่อหลิงซิน” เด็กน้อยกล่าว
“ข้าอ่านจารึกเงามืดครบทั้ง 100 บทแล้ว”
ดวงแก้วลุกขึ้นช้า ๆ
“เด็กอย่างเจ้ารู้จักจารึกนั้นได้อย่างไร?”
หลิงซินยิ้ม
“ข้าไม่ได้อ่านเพื่อเรียนรู้…ข้าอ่านเพื่อปลุกความจำของตัวเอง
เพราะข้าคือ ‘ผู้จารึกเงา’ ที่รอดชีวิตจากการผนึกครั้งก่อน”
---
คำพูดของหลิงซินทำให้ความทรงจำในใจดวงแก้วตื่นขึ้นอีกครั้ง
นางจำได้แล้ว…เมื่อหลายร้อยปีก่อน เด็กหญิงคนหนึ่งเคยช่วยนางรวบรวมเศษคำจารึกไว้
เด็กคนนั้นมีพลังประหลาด และหายตัวไปหลังจากการผนึกสำเร็จ
หลิงซินกล่าวต่อ
“และข้ากลับมาเพื่อบอกเจ้า…ว่าการผนึกเดิมนั้นล้มเหลวตั้งแต่ต้น
เพราะสิ่งที่เจ้าผนึกได้…ไม่ใช่เงาทั้งหมด หากแต่เป็นเพียงร่างจำลองของเงาตัวจริง”
---
ในเงาคืนนั้น
แสงจันทร์บนท้องฟ้าถูกบดบังอย่างสมบูรณ์เป็นครั้งแรกในรอบร้อยปี
ในเงามืดกลางลานหลวงของวัง เสียงกระซิบดังขึ้นจากใต้พื้นดิน
> “จงตื่นเถิด เงาที่สาบสูญ…จงรวมพลัง จงรวมตัว…”
พื้นหินแตกร้าว
ศิลาเงาชิ้นหนึ่งลอยขึ้นกลางอากาศ แผ่พลังสีดำเข้าปกคลุมทั่วฉางอัน
เว่ยหลงที่ยืนอยู่บนหอคอยมองลงมา
“ข้าเห็นแล้ว…ร่างจริงของมันกำลังฟื้นขึ้น”
ดวงแก้วจับสร้อยพระจันทร์แน่น
“ถึงเวลาต้องจบมัน…คราวนี้ให้สมบูรณ์เสียที”