ณ ห้องลับใต้พระราชวังต้าถัง
เสียงเพรียกของพลังมืดยังคงก้องสะท้อนภายในศิลาเงา
ดวงแก้ว จื่อหลาน และเว่ยหลงยืนล้อมวงอยู่หน้าก้อนหินสีดำอมม่วงที่ลอยเหนือแท่นศิลา
“นี่คือศิลาเงาชิ้นแรก” ดวงแก้วเอ่ย
“ต้องทำลายมัน…ก่อนที่มันจะกลืนเงาทั้งแคว้น”
เว่ยหลงเอื้อมมือออกไป แต่ศิลาเปล่งแสงและผลักเขากระเด็นไปไกล
“มันปฏิเสธข้า…” เขาพึมพำ
หลิงซินซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ยกมือขึ้นเบา ๆ
“มีเพียงผู้มี ‘ดวงตาที่เห็นเงา’ เท่านั้น…ที่จะสัมผัสมันได้”
---
ดวงแก้วก้าวไปข้างหน้า
แสงจันทร์จากจี้พระจันทร์ที่นางสวมอยู่แผ่เป็นวงรอบศิลา
นางหลับตา สูดลมหายใจ และเอ่ยภาษาลับที่ใช้ในพิธีผนึกโบราณ
> “ขอให้จันทราเป็นพยาน
ขอให้เงาถอยไปเมื่อสายลับแห่งแสงปรากฏ”
แสงสว่างจาง ๆ แผ่ออกจากฝ่ามือของนาง
ศิลาเริ่มสั่นไหว ก่อนแตกร้าวเป็นเสี่ยง
ทุกคนเงียบกริบ
หลิงซินพยักหน้า
“เจ้าคือผู้สืบทอดตัวจริง…เจ้ามีดวงตาที่เห็นเงา”
---
หลังศิลาเงาชิ้นแรกถูกทำลาย
พวกเขาได้รับเบาะแสถึงตำแหน่งชิ้นถัดไป—อยู่ในเทือกเขาเมฆครามทางตอนใต้
เป็นดินแดนต้องห้ามที่ปกคลุมด้วยหมอกดำตลอดปี
ระหว่างการเดินทาง ดวงแก้วเริ่มมีนิมิตซ้ำ ๆ
ในความฝัน นางเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งหลบหนีอยู่ในความมืด
และมีเงาร่างสูงใหญ่ตามล่า—ร่างนั้นมีดวงตาเพียงข้างเดียว แต่เต็มไปด้วยความแค้น
เว่ยหลงค่อย ๆ ถามเมื่อดวงแก้วสะดุ้งตื่น
“ดวงตาข้างเดียว…เจ้าคิดว่าใช่เงาตัวจริงหรือ?”
ดวงแก้วพยักหน้า
“มันมองเห็นข้าแม้อยู่ในฝัน มัน…กำลังมองหาเจ้าเช่นกัน”
---
เมื่อพวกเขาไปถึงเทือกเขาเมฆคราม
หมอกดำเริ่มแทรกซึมเข้าจิตใจของผู้ร่วมทางทุกคน
จื่อหลานเริ่มเห็นภาพหลอนของคนตายจากอดีต หลิงซินนิ่งเงียบไม่พูดจา
มีเพียงดวงแก้วที่ยืนนิ่ง สายตาเปล่งแสงสว่างจากดวงจันทร์
นางมองฝ่าหมอกออกไปได้ชัดเจนราวกับกลางวัน
“ทุกคนจับมือไว้ ข้าจะนำทาง” นางกล่าว
---
ในถ้ำลึกกลางเขา
พวกเขาพบศิลาเงาชิ้นที่สอง ตั้งอยู่บนแท่นหินรูปลูกตา
รอบศิลาเต็มไปด้วยอักษรต้องห้ามที่แม้แต่เว่ยหลงก็ยังอ่านไม่ออก
แต่ดวงแก้ว…จ้องมันนิ่งนาน
จากนั้นนางจึงหลับตา เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
> “ข้าไม่ได้มาทำลายเจ้า…แต่ข้ามาเพื่อปลดปล่อย”
ศิลาสั่นไหว
ภาพของเด็กหญิงในฝันปรากฏกลางอากาศ น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ช่วยข้าด้วย…เขาจะมา…”
เสียงนั้นแผ่วลง ก่อนศิลาเงาจะแตกเป็นเสี่ยง และเงาดำลอยหายไปกับลม
---
หลังจากนั้น ดวงแก้วก็นั่งนิ่งไม่พูด
นางเริ่มเห็นภาพเงาในทุกที่—ในผืนน้ำ ในเงาต้นไม้ ในดวงตาของผู้คน
นางกล่าวเบา ๆ กับเว่ยหลง
“ข้าเห็นแล้ว…ว่าเงาไม่ใช่แค่สิ่งเลวร้าย
แต่มันคือส่วนหนึ่งของมนุษย์—สิ่งที่เราพยายามปฏิเสธ
และนั่นแหละ…คือเหตุผลที่เงาจริงยังไม่หายไปเสียที”
เว่ยหลงถาม
“และเจ้าจะรับมันได้หรือ?”
ดวงแก้วหันมามองเขาด้วยสายตานิ่งสงบ
“ข้าจะไม่ปฏิเสธเงาอีก…แต่ข้าจะไม่ยอมให้มันกลืนแสงในตัวข้าไปเช่นกัน”