ตอนที่ 3 — กรอบไม้ และจังหวะที่ขาดหาย

กลิ่นกาแฟร้อนลอยคลุ้งในห้องทำงาน เคนท์นั่งหลังค่อมอยู่บนเก้าอี้ พลิกภาพถ่ายศพไปมาไม่หยุด เขาไม่ได้พูดอะไรเลยมาสิบห้านาทีแล้ว

รีสยืนพิงโต๊ะอีกด้าน ดื่มกาแฟจากแก้วกระดาษ เหลือบมองเขาเป็นพักๆ

“เคนท์”

“ฮืม?”

“นายไม่ได้หลับเลยใช่ไหมเมื่อคืน”

เคนท์ถอนหายใจ หยิบบุหรี่ขึ้นมาเคาะกับขอบโต๊ะ แต่ก็ไม่ได้จุด

“ก็แค่...คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

รีสเงียบไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนลง

“นายโอเคใช่ไหม เคนท์?”

“ก็แค่...ไม่ได้นอน” เคนท์ยิ้มจางๆ ก่อนจะพูดเหมือนไม่ได้คิดอะไร“ฝันแปลกๆ เมื่อคืนหน่ะ”

รีสหยุดถาม“แน่ใจนะ?”

เคนท์หัวเราะเบา ๆ “แน่ใจ...มั้ง”

ในเวลาต่อมา ทั้งสองมุ่งหน้าไปยัง “หอศิลป์เจอร์ราลด์” — สถานที่ที่เหยื่อรายที่สองเคยทำงานในตำแหน่งภัณฑารักษ์ ก่อนลาออกเมื่อไม่กี่เดือนก่อนอย่างไม่มีสาเหตุ

ชายวัยกลางคนเจ้าของหอศิลป์พาพวกเขาเดินดูรอบ ๆ ด้วยท่าทีไม่ค่อยเต็มใจนัก

“เขาเก่งครับ มีเซนส์เรื่ององค์ประกอบดีมาก...แต่มันก็มีช่วงหลัง ๆ ที่เริ่มพูดอะไรแปลกๆ”

“แปลกยังไง?” รีสถาม

“ก็พวก...ความตายคือสุนทรียะอะไรทำนองนั้น ผมไม่ได้สนใจมาก เขาก็ยังทำงานของเขา”

เคนท์ก้มมองพื้น พลางเดินช้าๆ เหมือนตามหาอะไรบางอย่าง

“พอรู้ไหม...ว่าเขาสนิทกับใคร?”

“นอกจากผมก็มีศิลปินอีกคน ชื่อ...โทมัส เวลานั่นยังส่งงานเข้าประกวดอยู่เลย”

ขณะกำลังจะเดินกลับ เคนท์หยุดตรงกรอบรูปไม้เก่าๆ ที่ตั้งพิงผนัง

เขาจ้องมันอยู่นาน นิ้วไล้ตามลายไม้ที่ผุกร่อน

“มีอะไรเหรอ?” รีสถาม

“กรอบมันไม่สมประกอบ” เคนท์ตอบเบา ๆ “แต่ลวดลายไม้ด้านในเพิ่งถูกขัดใหม่...ใครสักคนใช้มันซ่อนอะไรบางอย่าง”

เขาค่อย ๆ ง้างกรอบรูปออก ด้านในมีเศษกระดาษขนาดเล็ก พับสอดไว้

เขากางมันออก

ข้อความสั้น ๆ ด้วยหมึกสีแดงสด —“ข้างในยังว่างเปล่า”พร้อมรอยพู่กันเลอะเหมือนวาดเร็ว ๆ

รีสเงียบไปสักพัก “นี่มัน...ของ X ใช่ไหม?”

เคนท์ไม่ตอบทันที เขาพับกระดาษอย่างระวัง แล้วเก็บลงซอง

“เขากำลังทิ้งอะไรไว้ให้เรา...เหมือนปริศนาชิ้นหนึ่ง”

คืนนั้น ทั่วเมืองเริ่มมีข่าวลือมากขึ้นเกี่ยวกับ “ฆาตกรศิลปิน”โซเชียลกลายเป็นที่ถกเถียง บางคนหวาดกลัว บางคนกลับบอกว่า “ศิลปะของ X” มีเสน่ห์อย่างประหลาด

และในอีกมุมหนึ่งของเมือง...

เสียงไม้ขูดไปบนผืนผ้าใบดังเบา ๆ

ในห้องมืด มีเงาคนกำลังเดินวนรอบกรอบรูปตรงกลางมีศพของเหยื่อรายใหม่ถูกมัดไว้ — หญิงสาว ผมยาว ใบหน้ายังมีรอยน้ำตา

แต่ดวงตา...เบิกกว้างเหมือนถูกบังคับให้มอง “งานของตัวเอง” ก่อนตาย

เสียงพู่กันแตะเลือด...แล้วลากลงผืนผ้าใบX เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พึมพำเหมือนคนละเมอ

“ชีวิต...คือสีที่ยังไม่มีใครเข้าใจ”

ท้ายตอน:

ที่สถานีตำรวจรีสกำลังจ้องภาพกล้องวงจรปิดที่ทีมไล่ตรวจจากย่านใกล้แกลเลอรี

เธอหยุดกดเมื่อเห็นเงาคนในชุดคลุมดำเดินผ่าน

แต่พอซูมภาพ ชายคนนั้น...หันข้างให้กล้อง

รีสเพ่งดูหน้าชัด ๆ แล้วนิ่วหน้า

“เหมือนเคยเห็นคนนี้ที่ไหน...”