เงาสุดท้ายแห่งโอสถมาร

บนสันเขาเทียนซาน สายลมแรงกรรโชกพัดใส่เสื้อคลุมของหลินเฉินจนปลิวสะบัด

เขาเหยียบอยู่บนขอบผาสูงชันเบื้องหน้า

ใต้เงามืดของราตรี...คือกลิ่นจางๆ ของ “โอสถเงากลืนจิต”

โอสถต้องห้ามระดับสูงที่สามารถลบตัวตนจากจิตวิญญาณของผู้ตามล่าได้ชั่วคราว

 

“เขาอยู่ใกล้...เหลือเพียงลมหายใจเดียว”

หลินเฉินหลับตา สัมผัสลมหายใจของอสูรเงาที่สะกดอยู่รอบกาย

 

ซิวหาน โผล่ขึ้นจากเงาเบื้องล่างอย่างไร้เสียง พร้อมกรงเล็บที่แปดเปื้อนพิษโอสถ

ราวกับเตือนว่า…ศัตรูที่พวกเขากำลังเผชิญ ไม่ได้หลบหนีเพราะอ่อนแอ

แต่เพราะกำลัง “นำพาบางอย่าง” ไปยังจุดที่อันตรายยิ่งกว่า

 

การตามล่า เงาของเงา

ศิษย์มารผู้นั้นชื่อ เยี่ยนลั่ว

อดีตศิษย์โอสถสายหลักที่หลงผิด และกลายเป็นมือซ้ายของรองเจ้าพรรค

เขาคือผู้กลั่นโอสถพิษที่สังหารหมู่บ้านอวิ๋นหลง

และที่สำคัญ เขาถือ “ตำรากลั่นโอสถไร้ใจ” ต้นแบบโอสถมารรุ่นใหม่

 

“หากเขาหลบหนีสำเร็จ…โอสถมารจะไม่หยุดที่พรรคชาด”

“แต่มันจะกระจายไปทั่วแผ่นดินในรูปของ ‘โอสถรักษา’ ที่รอวันกลืนกิน”

ไป๋เหิงเทียนเอ่ยผ่านขลุ่ยที่หลินเฉินเหน็บไว้ด้านหลัง

 

จุดปะทะ วังเงามายา

เยี่ยนลั่วหลบหนีเข้ามาใน “วังเงามายา” ดินแดนลับของพรรคมืดที่ถูกผนึกไว้กว่าร้อยปี

ที่นี่ทุกฝีเท้าคือภาพลวงตา

ทุกลมหายใจคือโอสถกลบจิต

 

“เจ้าเร็วเกินไป...หลินเฉิน”

เยี่ยนลั่วกล่าวขณะยืนอยู่บนแท่นหินตรงกลางทะเลหมอกดำ

“แต่ข้า...มีโอสถใหม่ที่แม้แต่พวกเจ้ายังไม่เข้าใจ”

 

เขาบดเม็ดยาดำสนิทลงบนฝ่ามือ

พลังปราณปะทุจากจุดชีพจรแตกกระจายทั่วร่าง

พร้อมอสูรกลืนโอสถรูปร่างผิดแผกพุ่งออกจากแผ่นหลัง!

 

อสูรปะทะอสูร จิตปะทะจิต

จิ่วเถี่ยน พุ่งเข้าสกัดอสูรโอสถ แต่มันกลับดูดกลืนสายฟ้าจนแปรเป็นเข็มพิษ

หลินเฉินต้องชัก “กล่องโอสถเลือดจันทรา” ออก

และใช้เสียงขลุ่ยเปิดจิตสัมผัสขั้นเจ็ด

ก่อนจะสั่งให้ อสูรเงา ซิวหาน

แทรกเข้าไปในเงาร่างของเยี่ยนลั่วโดยตรง

 

“เจ้าคิดว่าโอสถที่กลืนจิตจะควบคุมข้าได้งั้นหรือ?” เยี่ยนลั่วแค่นหัวเราะ

“ไม่ ข้าจะกลืนโลกทั้งใบให้ตกอยู่ในภาพลวงตา...ที่ข้าเป็นพระเจ้า!”

 

ช่วงวิกฤต การตัดสินใจแลกหัวใจ

ระหว่างที่อสูรทั้งสองฝ่ายพัวพันกัน

เยี่ยนลั่วแสดงพลังโอสถมารขั้นสุดท้าย

 “โอสถแปรวิญญาณ”

ซึ่งทำให้จิตของผู้กลืนมันแฝงร่างเข้ากับสัตว์อสูรโดยสมบูรณ์!

 

หลินเฉินไม่มีทางเลือก

เขาต้องผนึกจิตของตน เข้าไปในร่างของซิวหาน

เพื่อให้พลังแห่งใจบริสุทธิ์ต้านอสูรมารจากภายใน!

 

“ซิวหาน...จิตข้าไม่สมบูรณ์ หากเจ้ารับไว้ อาจกลืนเจ้าทั้งตัว...”

เสียงของหลินเฉินแผ่วเบา

“แต่หากเจ้าเชื่อข้า จงกลืนจิตข้านี้ไว้ และเป็น ‘อสูรโอสถแห่งแสง’ ตัวแรกของโลก”

 

ฉากปิด – ความตายและการตื่น

แสงสีเงินแผ่ขึ้นจากเงาทั้งมวล

จิตหลินเฉินหลอมรวมกับซิวหาน

อสูรเงาผสานเปลวโอสถแห่งชีวิต กลายเป็น “ซิวหาน – อสูรวิญญาณแสง”

 

หนึ่งกรงเล็บฉีกอสูรมารของเยี่ยนลั่วเป็นเศษเสี้ยว

และแสงสุดท้ายของเปลวโอสถทะลวงตำรามารออกจากร่างของเขา

 

เยี่ยนลั่วทรุดลง เสียงแผ่วเบาก่อนหมดลมหายใจ

“โอสถ...ที่เจ้ากลั่นได้ มันไม่ใช่โอสถที่ข้ารู้จัก...”

“มัน...อบอุ่นเหลือเกิน”

 

หลินเฉินฟื้นขึ้น – ด้วยดวงตาที่ไม่เหมือนเดิม

กลางซากวังเงามายา

หลินเฉินฟื้นขึ้นในวงแขนของหมอกเพลิงปักษา

ซิวหานยืนเคียงข้างเขา แต่ในดวงตาของมัน มี เศษแสงของหลินเฉินสะท้อนอยู่

 

เพราะในการไล่ล่าครั้งนี้

เขาได้สละบางสิ่งในใจ...และมันไม่อาจได้คืน

 

“โอสถที่แท้…บางครั้งต้องกลั่นจากความเสียสละ”

“และบางโอสถ…อาจกลั่นได้จาก ‘น้ำตา’ ของผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้”

ท่ามกลางหมอกจางของราตรี

หลังศึกเงามารผ่านพ้น—หลินเฉินยังไม่อาจพักใจ

เพราะก่อนสิ้นลม เยี่ยนลั่วได้ทิ้ง “คำเตือนสุดท้าย” ไว้ในเงาจิต

 

“…หากเจ้าอยากรู้ว่า ใครสร้างพรรคชาด

จงไปที่หุบเขาอวิ๋นเหิน คืนเดือนดับ…

แล้วเจ้าอาจพบ ‘โอสถที่ลบแม้แต่ความทรงจำของโลก’…”

 

หุบเขาอวิ๋นเหิน ที่ซึ่งอดีตถูกฝัง

คืนเดือนดับ ไร้แม้กระทั่งแสงดาว

หลินเฉินเดินเข้าสู่หุบเขาที่ไม่มีชื่ออยู่บนแผนที่ยุทธภพใด

ฝีเท้าของเขาจมลงในผืนดินที่เคยถูกเผาด้วยเพลิงมารเมื่อร้อยปีก่อน

 

เขาเดินตามจังหวะเสียงหัวใจ

และในที่สุด ก็พบ “โพรงหิน” รูปทรงคล้ายเตาหลอมโอสถ

ซึ่งมีตราสลักลึกเป็นอักษรโบราณว่า...

 

“จิตใดกลั่นโอสถด้วยความลืม จักได้พลังอันไร้ขอบเขต”

 

โอสถต้องห้ามลำดับที่สิบสาม “โอสถลบมรรคา”

บนแท่นหินตรงกลาง มีเพียงกล่องไม้ชาดผูกด้ายสีเทา

เมื่อหลินเฉินเปิดออก

โอสถเม็ดหนึ่งสีเทานวล โปร่งบางจนมองเห็นประกายเงาเคลื่อนไหวในเม็ดนั้น

กลิ่นของมัน ไม่ใช่กลิ่นพืช ไม่ใช่กลิ่นยา

แต่คือกลิ่นของ ความว่างเปล่า

 

“โอสถลบมรรคา…”

ไป๋เหิงเทียนกล่าวเบาๆ ผ่านขลุ่ย

“เมื่อนำเข้าร่าง มันจะ ‘กลืนกิน’ ความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโอสถและพลังปราณ”

“แต่แลกกับการได้รับพลังของ ‘ร่างไร้มรรคา’ จิตที่ไม่ถูกจำกัดด้วยหลักธรรมใดอีกเลย”

 

ผู้ปรากฏตัว ผู้เฝ้าโอสถลืม

เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากเงามืด

เงาผู้หนึ่งก้าวออกจากผนังโพรง

คลุมหน้าด้วยผ้าดำ มีดวงตาเพียงหนึ่งเดียวมองตรงมายังหลินเฉิน

 

“เจ้า...ผู้ที่เอาชนะโอสถมาร และยังรอดจากพิธีกรรมต้องห้ามมาได้…”

“เจ้ามาถึงเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้”

 

เขาคือ หลงกู่ ผู้เฝ้าโอสถลืม

อดีตผู้กลั่นโอสถแห่งสำนักสวรรค์ที่หายตัวไปนับศตวรรษ

 

“เจ้าอยากรู้ว่าใครสร้างพรรคชาด?”

“ข้าเคยอยู่ที่นั่น...ข้าเคย ‘สร้าง’ มัน”

 

ความจริงที่ถูกกลบ ด้วยโอสถตนเอง

หลงกู่เปิดผ้าคลุมหน้า

ใต้ผ้านั้นคือใบหน้าที่มีรอยแผลของการ “หลอมวิญญาณ” ด้วยเปลวตนเอง

และจิตที่หลงลืมแม้แต่ชื่อจริงของตน

 

“ข้า...สร้างพรรคชาดในนาม ‘องค์กรกลั่นโอสถเพื่อรักษาโลก’

แต่ผู้คนเปลี่ยน...โอสถถูกใช้เพื่อยืดชีวิตพวกเจ้าแห่งอำนาจ

และข้า...เป็นคนแรกที่กลั่น ‘โอสถลบความทรงจำ’ เพื่อลืมความผิดที่ก่อไว้”

 

การตัดสินใจ – กลืนหรือไม่กลืน

หลินเฉินยืนมองโอสถ

ในมือข้างหนึ่งคือพลังที่สามารถ “ลืมทุกอย่าง” และหลอมพลังที่ไม่ถูกจำกัด

อีกข้าง...คือความทรงจำของผู้คน ความฝัน และคำสัญญา

 

“หากเจ้ากลืนมัน เจ้าอาจหยุดพรรคชาดได้ด้วยพลังที่ไม่มีใครเทียบ”

“แต่เจ้า…จะลืมไปด้วย ว่าทำไมเจ้าถึงเริ่มต้นเดินบนเส้นทางโอสถนี้”

 

ไป๋เหิงเทียนเงียบ เพราะเขารู้ดีว่าคำตอบใดก็ไม่อาจแทนใจหลินเฉินได้

 

เสียงหัวใจของแผ่นดิน

มันไม่เคยหยุดเต้น

แต่บางครั้ง สิ่งที่เต้นอยู่ใต้แผ่นดิน

คือเงาแห่งหายนะ…

 

หลังปฏิเสธโอสถลบความทรงจำ

หลินเฉินเดินตามเบาะแสของหลงกู่สู่ทางลับในเทือกเขาตะวันตกเฉียงใต้

ซึ่งนำไปยัง “ทะเลโอสถใต้ดิน”

สถานที่ที่แม้แต่พลังปราณธรรมดาก็ไม่สามารถสัมผัสได้

เพราะพื้นทะเลใต้ดินแห่งนั้น...เต็มไปด้วย หมอกโอสถพิษ ที่สลายแม้แต่จิตสัมผัสขั้นสูงสุด

 

ทางเข้าสู่หายนะ

เส้นทางที่หลินเฉินเดินเข้าสู่ฐานลับ ไม่ใช่เพียงโพรงธรรมดา

แต่มันคือตัว “เขาวงกตโอสถ” ที่เปลี่ยนเส้นทางทุก 7 ชั่วยาม

เขาใช้ ขลุ่ยหยกของไป๋เหิงเทียน บรรเลงท่วงทำนอง “รหัสโอสถโบราณ”

เพื่ออ่านทิศทางของเขตพลังพิษ

จนในที่สุด เขาก็มาถึง “โพรงแกนโอสถ” ใต้ดินลึกสามพันจั้ง

 

ที่นั่น เขาได้พบ

ฐานโอสถใต้ทะเลของพรรคชาดมรณะ

อาณาเขตสีเทาอมน้ำเงิน เต็มไปด้วยแท่นหลอมที่เชื่อมต่อกับสายพลังดินโดยตรง

และแท่นศิลาสลักนาม “โอสถกลืนชาติ” – สูตรโอสถระดับมารที่สามารถควบคุมจิตใจผู้คนจำนวนมาก

ด้วยเพียง ‘หมอกโอสถ’ ที่หายใจเข้าไป

 

ผู้เฝ้า พี่ใหญ่แห่งโอสถมาร

หลินเฉินไม่ได้มาถึงที่นั่นโดยไม่มีคนรอ

เงาร่างสูงคลุมผ้าคลุมสีแดงโลหิตปรากฏเหนือแท่นโอสถกลางห้อง

ชายคนนั้นคือ เซี่ยถู ศิษย์อาวุโสลำดับหนึ่งแห่งพรรคชาดมรณะ

ผู้มีฉายา “ปราชญ์โอสถบาป”

 

“หลินเฉิน เจ้ายังกล้าลงมาถึงใจกลางรากโอสถของพรรคชาด…”

“เช่นนั้นก็จง…ฝังชีวิตเจ้าที่นี่เถอะ!”

 

ศึกแห่งสัตว์อสูร เหนือเขตโอสถพิษ

เซี่ยถูปล่อยสัตว์อสูรคู่สัญญา “ครามวิญญาณสามเงา”

อสูรสามหัวที่ควบคุมพลังเงา พิษ และกลืนพลังจิต

ขณะเดียวกัน

หลินเฉินเรียก สองอสูรคู่สัญญา ออกมา

 

หงส์สายฟ้าทมิฬ ลู่เหยียน

เงาสะท้อนแห่งเพลิงปราณ ซือหยู

ศึกอสูรระเบิดกลางโพรงโอสถ

ทั้งเปลวไฟ แรงสายฟ้า และม่านพิษกลืนกินกันไปมา

ลู่เหยียนพุ่งเข้าฟาดหางสายฟ้าลงบนแกนจิตของครามวิญญาณ

แต่พลังกลืนจิตทำให้หงส์สายฟ้าบาดเจ็บหนัก

 

ขณะเดียวกัน ซือหยูใช้อำนาจเงาสะท้อน ปลอมตัวกลายเป็นหัวที่สามของอสูรมาร

และแทงเข็มโอสถตรงเข้าจุดรวมพิษ!

 

เสียงคำรามดังลั่น ครามวิญญาณสามเงาแตกสลาย

 

ศึกแห่งจิตโอสถ

เซี่ยถูหัวเราะ แม้จะแพ้ในศึกอสูร

เขากลับกดมือลงกับแท่นโอสถกลางฐาน

 

“เช่นนั้น…จงดูว่าพรรคชาดซ่อนอะไรไว้ใต้ทะเลโอสถนี้!!”

 

พื้นใต้เท้าแตกออก เผย “โอสถขนาดยักษ์”

โอสถกลมสีเทาใส ขนาดใหญ่เท่าหอคอย

มันถูกสร้างจากพลังจิตผู้บริสุทธิ์นับพัน

 

และมันคือ “โอสถควบคุมฝูงชน”

เมื่อปล่อยพลังออก มันจะทำให้คนทั่วเขตเหนือ ตกอยู่ใต้คำสั่งพรรคชาดในทันที

 

หลินเฉินกัดฟัน เขาสั่งให้ลู่เหยียนพุ่งเข้าทำลาย

แต่พลังไม่อาจทะลุแกนจิตโอสถนี้ได้

 

“ไม่มีทางทำลายมันได้ เว้นแต่เจ้าใช้ เพลิงชีพ ของตน!”

 

การตัดสินใจของหลินเฉิน

เขาหลับตา สูดลมหายใจ

ก่อนจะเป่าขลุ่ยหนึ่งท่อน ทำนองสุดท้ายที่ ไป๋เหิงเทียน เคยกล่าวไว้ว่าไม่ควรใช้

เพราะมันคือทำนองที่สะท้อน “เปลวชีวิต” ของผู้บรรเลง

 

“ขลุ่ย…เอ๋ย ขลุ่ยเจ้า”

“ขอจงเผาไหม้สิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้…”

 พลังแห่งเพลิงชีพ ไหลผ่านเสียงขลุ่ย

ทะลุผ่านม่านพลังโอสถ และทะลวงแกนพลังของโอสถมารยักษ์จนแตกละเอียด

แรงระเบิดสะเทือนทั่วโพรงโอสถ

ฐานใต้ทะเล…ถล่มลง 

หลินเฉินถูกพัดออกจากแรงระเบิด

แต่ร่างของเขาถูกปกป้องโดยเงาจิตของซือหยู

รอดชีวิตมาได้ แม้เปลวชีพของเขาจะอ่อนแอลงชั่วคราว

 เขาเหลือบมองโพรงที่พังพินาศ

รู้ดีว่านี่...เป็นเพียงฐานหนึ่งของพรรคชาด

และศึกจริง...ยังอยู่ข้างหน้า