ตอนที่ 8 [8-2]

พออาการป่วยดีขึ้นแล้ว เหม่ยฉีเข้าโรงครัวไปต้มแกงสมุนไพร ไก่ทอด เป็ดตุ๋น นางให้สาวใช้ช่วยกันปั้นขนมหน้าตาน่ารับประทาน จนบิดาเอ่ยชมว่าบุตรสาวเป็นแม่ศรีเรือน หากมีโอกาสได้เปิดโรงเตี๊ยม บุรุษผู้ดีมากมายคงหลั่งไหลมาทาบทามสู่ขอบุตรสาวเพราะติดรสมือแม่ครัว สามีนางก็จะขาดอาหารของนางไปมิได้ หากว่านางออกเรือนไป บิดาคงน้อยเนื้อต่ำใจ คิดถึงอาหารฝีมือบุตรสาว

หมอหลวงไท่ซือจิ่วได้ทีโอ้อวดไปทั่ว คุณหนูเยว่ฉีมีความรู้กว้างขวาง มีความสามารถ เป็นแม่ครัวหาตัวจับยาก นับเป็นวาสนาของบิดา นางมีเมตตากรุณาสมเป็นบุตรีแพทย์ เมื่อนางทำอาหารให้บ่าวรับใช้อย่างทั่วถึงกัน เหล่าผู้ช่วยหมอยานับยี่สิบชีวิตเอ่ยคำชื่นชมนาง

“ไม่ว่ามนุษย์หรือปีศาจ ล้วนมีชีวิตเพื่ออาหารอันโอชะ”

ร่างผอมบางในชุดขาวยืนถือถ้วยชามหน้าโรงครัว เห็นแต่ละคนกินข้าวไม่เหลือสักเม็ด น้ำแกงเกลี้ยงถ้วย นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงใต้เท้าผู้เงียบขรึมสง่างาม นิ่งสงบเป็นนิจ นั่งแทะน่องไก่เป็นสุนัข! เขี้ยวอสรพิษตรงมุมปากน่าเอ็นดูในสายตาของนางนัก

“ซูหนี่ว์กลับมาแล้วเจ้าค่ะคุณหนูรอง! ฝีมือการทำอาหารของคุณหนูรอง หาได้มีแม่ครัวคนไหนในต้าเหลียงเทียบเทียม ทุกคนกินหมดเกลี้ยง”

ซูหนี่ว์เรียกคุณหนูที่ยืนเหม่อลอย หลังยกตะกร้าอาหารว่างเปล่ากลับจากเรือนอาวุโสสกุลหยาง พวกเขากำลังยุ่งวุ่นวายกับการรับขวัญหลานคนใหม่

อาวุโสฟางหมิ่งมีบุตรสาวและบุตรชายรวมเจ็ดคน เสียชีวิตไปสองคนเมื่อคราวเกิดโรคระบาด ไท่ซือจิ่วเป็นบุตรชายคนเล็กสุด พี่ชายคนที่สองมีศักดิ์เป็นท่านลุงเยว่ฉี ท่านลุงสองมีบุตรชายสามคน บุตรสาวอีกสอง แต่งงานได้ไม่นานท่านลุงก็กลายเป็นท่านปู่ที่มีหลานฝาแฝดแล้ว...

บุตรสาวอีกคนของท่านลุงสามเพิ่งจะตั้งครรภ์ ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองสมคำอวยพรวันมงคล เหม่ยฉีส่งอาหารและยาสมุนไพร ฝากให้บ่าวเป็นธุระนำน้ำแกงแห้วหมูบำรุงครรภ์ไปให้พวกเขา แม้กระทั่งบ้านสกุลจางก็มิได้ลืมสักคน นางยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหาร จดบันทึกใส่กระดาษให้บ่าวออกไปจ่ายตลาดแทนนาง เพื่อทำอาหารให้วันพรุ่งนี้

“แม่ทัพเจี้ยนหยู่โปรดปรานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ย่อมพึงใจอาหารของคุณหนูรองแน่เจ้าค่ะ”

“ใต้เท้าเจี้ยนคงกลับต้าเหลียงในเร็ววัน เจ้าไปจ่ายตลาดให้ข้า ไปด้วยตัวเจ้าเอง ห้ามไม่ให้ผู้อื่นแตะต้องผักปลาจนกว่าจะถึงมือข้า แล้วอย่าลืมเรื่องความสะอาด ใส่ภาชนะให้ดี กลับมาถึงโรงครัวต้องล้างให้เรียบร้อย”

“เจ้าค่ะคุณหนูรอง”

คำสั่งของคุณหนูรองถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย นางทำอะไรรอบคอบ ไร้ช่องโหว่ในเรื่องของความสะอาดและการวางยาพิษ นางกำชับว่าจะต้องไม่เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเรื่องอสรพิษนั้นต้านพิษทุกประเภทมีเพียงองค์ฮ่องเต้ อาวุโสระดับสูงในราชสำนัก บิดาของนางและนางเท่านั้นที่รู้

บ่าวรับใช้ทุกคนได้รับค่าจ้างวานให้ทำงานพิเศษ คุณหนูรองยื่นถุงกำมะหยี่ให้ซูหนี่ว์และบ่าวชายอีกสามคน นางปัดมือบอกให้พวกเขาออกไป เหลือเพียงนางและสาวใช้คนสนิท

“ซูหนี่ว์ เจ้ารักษาความลับได้หรือไม่? ข้าไว้วางใจเจ้า ข้าจะบอกเจ้าคนเดียว”

“เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นเจ้าตามข้ามา” ปลายเสียงเยียบเย็นของคุณหนูรองหาได้ข่มขวัญซูหนี่ว์ไม่ สาวใช้คนดียิ้มแก้มปริ คุณหนูรองไว้ใจนางที่สุด นางเป็นที่หนึ่งของคุณหนูรอง!

 

บิดาเรียกบุตรสาวเหม่ยฉี หากมีใครถามขึ้นมา เขาเพียงแก้ตัวว่าเป็นนามใหม่ ขนาดผู้คนในเมืองยังตั้งสมญานามผู้อื่นได้ พวกเขาเรียกสกุลหยางว่า ‘หยางเย่าฟาง’ [杨药坊][1] ยกให้เป็นห้องยาแห่งต้าเหลียง บิดาจะเปลี่ยนชื่อให้บุตรสาวบ้างจะเป็นไรไป อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตรีของเขาอยู่วันยังค่ำ

แล้วท่านหมอหลวงก็ย้อนถามคนรอบกายว่า เหม่ยฉี เยว่ฉี มีความหมายถึงคำว่างาม ลูกสาวของเขาก็งามดุจนางฟ้านางสวรรค์จริงไหมเล่า?

“ข้ามีเรื่องจะถามท่านพ่อ...” ร่างบางในชุดขาวนั่งอยู่ข้างบิดาหน้าเตาปรุงยา นางเอาถั่วมานั่งกินหนึ่งหยิบมือ “เรื่องตำราผสานจิตใจ ท่านพอจะรู้หรือไม่? ข้าจำไม่ได้ชัดเจนนัก”

“ไม่รู้”

ในความหมายว่ารู้! บิดาไม่บอกนางต่างหาก เหม่ยฉีมองค้อนเสื้อขาวสะอาดผ่านแผ่นหลังกว้างไป บิดาลุกขึ้นหนีนางไปหยิบสมุนไพรตากแดดด้านหลังมาหย่อนใส่หม้อต้ม มือพัดควันพวยพุ่งขึ้นฟ้าเปิดโล่ง

“เจ้าจะจับผิดอะไรข้าอีก เหม่ยฉี ข้าบอกไม่รู้ก็คือไม่รู้” เอ่ยพลางชำเลืองมองบุตรสาว นางเปิดประตูเข้า ๆ ออก ๆ ชะโงกหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียด บิดาทำเมินเฉยกับบุตรสาวราวกับว่านางไม่มีตัวตน

‘คอยดูเถิด ข้าต้องรู้ความจริงให้ได้!’ นางหรี่ตาเล็กจนเป็นเส้นตรง เดินไปหาหม้อยาที่เป็นของแม่ทัพเจี้ยนหยู่ทางด้านซ้ายมือ หม้อสุดท้าย

บิดามิได้ล่วงรู้ว่าบุตรสาวเพิ่มส่วนผสมของไม้เถาแก้พิษชั้นยอด[2]ลงไปอีกจำนวนหนึ่ง ‘หลังจู่’ ออกทั้งดอกและใบอยู่ด้านหลังเรือนนอนนาง มันเป็นต้นไม้ที่หาได้ทั่วไป ไม่ใช่สมุนไพรต้องห้ามแต่อย่างใด นางลดประมาณยาฝิ่นลงอีก จากที่ค่อนข้างเบาบางจนแทบไม่มีเหลือ เมื่อได้รับน้ำพระทัยจากฮ่องเต้ ทรงไม่ทำให้แม่ทัพเจี้ยนหยู่ขาดยาไม่ได้ ทว่าผูกสัมพันธ์ฉันมิตรสหายเพื่อให้เขาอยู่ทำหน้าที่ ปกป้องบ้านเมือง

“เรื่องฝิ่น... ได้ข่าวจากอาวุโสในราชสำนักอย่างไร ข้าจะรีบมาบอกเจ้า อย่ากระทำการโดยผลีผลามตามใจตน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่”

บิดาตักเตือนเรื่องการปรับส่วนผสมของยา บุตรสาวนั่งนิ่งเฉยตรงมุมห้อง พัดไฟใต้หม้อดินของแม่ทัพใหญ่ สีหน้าท่าทางเด็ดขาดของนางยังกับจงอางหวงไข่ นางไม่ยอมให้ใครแตะต้องมันแม้แต่เจ้าของโรงปรุงยา

“ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านพ่อต้องไปฟังเสนาบดีพวกนั้นด้วย เรื่องฝิ่นของแม่ทัพเจี้ยนหยู่ นอกจากข้าแล้ว มีผู้เดียวในต้าเหลียงที่จะตัดสินพระทัย”

“เจ้ายังติดต่อกับฮ่องเต้?” คล้ายว่าบิดากำลังลองใจบุตรสาวเสียมากกว่า ในเมื่อหมอหลวงเช่นเขาไม่เข้าข้างเสนาบดี การเมืองภายในเป็นเรื่องของอำนาจ อันตรายเกินกว่าจะเลือกฝั่งฝ่าย ทว่านางยังคงไม่รู้ตัว

“ฮ่องเต้ตรัสถามข้าเรื่องสมุนไพรพิษ... เล็กน้อย”

“ห้ามเขียนตำราพิษโดยเด็ดขาด ลูกสาว เราเป็นแพทย์ มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้คน”

“หากไม่คิดค้นวิธีการใช้พิษเพื่อรักษา จะสกัดเซรุ่มได้อย่างไร จะมีวัคซีนป้องกันโรคอย่างไรเล่า?”

“ไม่ต้อง ๆ เจ้าจะคิดค้นวัคซีนไปเพื่ออะไร ที่นี่มีเรื่องตั้งมากมายให้ทำ เจ้าเกิดมาฐานะร่ำรวย ใบหน้างามสง่า จะเกี้ยวหนุ่มคนไหนในต้าเหลียงก็ย่อมได้ เอาแบบนี้ดีไหม? ลูกสาว ข้าให้เงินตำลึงเจ้า เอาไปทำอะไรก็ได้ ยกเว้นเรื่องการคัดตำราพิษ”

“ท่านพ่อ!” นางเสียงดังไปถึงด้านนอกโรงปรุงยา ประจวบเหมาะพอดี ผู้ช่วยหมอยาเข้ามารับงานของท่านหมอหลวงไปส่งตามจวนต่าง ๆ บุตรสาวเข้าไปยืนข้างหลังบิดา เขย่งปลายเท้ากระซิบข้าง ๆ หู

“ข้ารู้นะว่าท่านพ่อไม่ยอมบอกข้าเพราะอะไร ท่านให้เยว่ฉีกลืนตำราเข้าไปใช่ไหม?”

--------------------

[1] การเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่ง เรียกแซ่และฉายา ตามด้วยเครื่องมือที่ใช้ในอาชีพ เช่นบ้านสกุลหยางเกี่ยวข้องกับโรงยา ห้องยา

[2] รางจืด 郎珠