บทนำ ตรอกเรนอยและจุดเริ่มต้น

บทนำ

ตรอกเรนอยและจุดเริ่มต้น

 

จักรวรรดิเบลลาลีอุช ณ ตรอกเรนอย

ท่ามกลางความมืดมิดของตรอกซอกซอยในหมู่บ้าน ที่เงียบสงัดไร้แสงไฟ มีเพียงเงาราง ๆ จากคืนพระจันทร์เต็มดวงสาดส่องเข้ามาในกระท่อม บรรยากาศเงียบเหงาและอึมครึมเผยให้รู้ว่าหมู่บ้านนี้ไร้ผู้คนอาศัย มีเพียงแค่สัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่แวะเวียนมาและในบางครั้งมันก็กลายเป็นแหล่งกบดานของเหล่าผู้กระทำความผิด สถานที่แห่งนี้จึงเหมาะแก่การนัดพบกันอย่างลับ ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

ภายในกระท่อมมีเพียงเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ เตียงนอนที่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นหนาเตอะและเก้าอี้ไม้ที่ไม่ได้ถูกใช้งานมาเนิ่นนานเพียงตัวเดียว

 

แอ๊ด ~

เสียงเปิดประตูดังขึ้น เป็นสัญญาณของการปรากฏตัวของกลุ่มคนที่นัดหมายกันไว้มารวมตัว ณ ที่แห่งนี้ โดยที่มีหญิงสาวชนชั้นสูงที่ดูเป็นลูกหลานขุนนางไหนสักตระกูลเดินนำหน้าเข้ามา พร้อมกับอีกสองคนที่เดินตามหลัง

 

“ไปจัดการตามที่ฉันบอกซะ เลียม”

หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ ใบหน้าที่งดงามราวกับเทพธิดากำลังสั่งให้ชายที่ชื่อ ‘เลียม’ กระทำการบางอย่าง พร้อมกับปัดเส้นผมสีดำที่ยาวสลวยไปทางด้านหลัง

 

ร่างเล็กสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงที่ประดับด้วยเครื่องเรือนโบราณคาดว่าจะเป็นสมัยยุโรปในยุคกลาง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ธรรมดาที่ขัดกับบุคลิกตัวเองอย่างใจเย็น ส่วนชายร่างสูงโปร่งที่สวมฮู้ดปิดบังตัวตนก็พยักหน้ารับคำสั่งของหญิงสาวแต่โดยดี

 

“ฉันคิดว่าเราควรจะกำจัดเธอไปเลยน่าจะดีกว่า” เสียงหนึ่งแทรกเข้ามาท่ามกลางบทสนทนา ที่ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพศหญิงหรือชาย เพราะเขาเองก็สวมเสื้อผ้าปิดบังใบหน้าเช่นกัน “ยังไงผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเสี้ยนหนามของเลดี้ไอรินาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” 

 

หญิงสาวเจ้าของนาม ‘ไอรินา’ ยกมุมปากทั้งสองขึ้นอย่างพอใจ ดวงตาสีแดงของเธอส่องประกายความกระหายเลือดเห็นด้วยกับวิธีการนี้

 

“นั่นสิ ถือโอกาสกำจัดมันไปเลยก็ไม่เลวนี่” 

 

“แต่ตอนนี้พวกเราเหลือหินเวทสีดำไม่มากแล้ว ถ้าเราใช้วิธีร่ายคาถา…” เลียมยังไม่ทันพูดจบ ไอรินาตะโกนขัดขึ้นมา

 

“ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าจะต้องไม่มีร่องรอยการใช้มนตร์ดำ!” ไอรินาพูดเสียงแข็ง

 

“เรื่องนี้เราไม่จำเป็นต้องใช้หินเวทหรอก” ลูกน้องของเลียมเสนอไอเดียขึ้น “เพราะเราแค่ส่งนักฆ่าไปก็สิ้นเรื่อง แล้วจากนั้นก็ค่อยปิดปากพวกมันอีกที!” 

 

ไอรินาหันไปมองเจ้าของความคิดก่อนจะยกยิ้มมุมปาก “งั้นก็เอาตามนี้” 

 

เมื่อจัดการธุระเสร็จ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ พลางเรียกสาวใช้และองครักษ์ที่เฝ้ารออยู่หน้าประตูกระท่อม เพื่อจะกลับคฤหาสน์

 

“เอมมี่ แคชตัน กลับกันได้แล้ว!”

 

ไอรินาพูดพลางก้าวตรงไปที่ประตู แต่ก่อนที่เธอจะก้าวออกไป ทันใดนั้น ชายที่ชื่อเลียมและลูกน้องก็ตรงเข้าจับแขนของไอรินาไว้คนละข้างเพื่อล็อกตัวเธอทันที

 

“นี่ พวกแกจะทำอะไรน่ะ!” ไอรินาตะโกนถามอย่างตื่นตระหนก แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย

 

“คุณหนู เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงสาวใช้จากด้านนอกกระท่อมถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับพยายามจะเปิดประตูเข้าไป

 

“อย่าเข้ามา! เข้ามานังคุณหนูนี่ไม่รอดแน่” เลียมตะโกนเตือนเสียงดัง

 

“นี่พวกแกทรยศฉันเหรอ!!” ไอรินาตะคอกถามด้วยความโกรธ

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ร่างกายนี้ฉันจะถนอมมันเป็นอย่างดีเลย ฮ่า ๆ” เลียมพูดและหัวเราะเสียงดังลั่น

 

เขาไม่รอช้ารีบร่ายเวทมนตร์ให้หญิงสาวที่กำลังดีดดิ้นอยู่ให้หมดสติไปพร้อมช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้ม ก่อนจะกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่างกระท่อมกับลูกน้องของตนทันที

 

ในเวลาเดียวกัน เจ้าของร่างสูงหุ่นกำยำที่ถูกฝึกฝนเป็นอัศวินมาอย่างจริงจัง เส้นผมสีเงินของเขาสะท้อนกับแสงจันทร์ยามค่ำคืนทำให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

 

เขาไม่รอช้ารีบกระโดดและพุ่งตัวไปทิศทางที่กลุ่มนิรนามหนีไป ชั่วอึดใจเขาก็ใช้ดาบเข้าปะทะกับเลียมเต็มแรง ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธและกระหายในการต่อสู้ ดาบในมือกวัดแกว่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราบกับสายฟ้า พร้อมพุ่งฟาดฟันตรงช่วงอกของคู่ต่อสู้ ทว่าเลียมที่มีฝีมือไม่ธรรมดากลับหลบหลีกการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด

 

ในเสี้ยววินาที องครักษ์หนุ่มยกยิ้มที่มุมปากอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะวาดดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือฟันเฉือนต้นขาขวาของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ ทำให้เลียมเสียสมดุลในการต่อสู้

 

เมื่อเห็นทีท่าไม่ดี เลียมที่เป็นนักเวทจึงร่ายเวทควันระเบิดเพื่อทำให้องครักษ์หนุ่มเสียสมาธิไปชั่วขณะ ก่อนที่รีบพาตัวไอรินาหายไปในกลุ่มควันอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ตรงนั้นมาก่อน

 

 

 

 

ณ กรุงเทพมหานคร

ปัง ปัง ปัง!

ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เมื่อได้ยินเสียงรบกวนจากหน้าประตูไม่หยุดหย่อน โดยไม่ลืมที่จะหันดูเวลาจากนาฬิการูปเป็ดน้อยสีเหลืองอ๋อยข้างหัวเตียง

 

6 โมงเช้า!?

ใครกันมาปลุกแต่เช้าขนาดนี้! คนเพิ่งจะนอนไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมงหลังจากโต้รุ่งทำงานพาร์ทไทม์มาอย่างหนักแท้ ๆ พวกนี้ไม่คิดจะมีความเกรงใจกันบ้างเลยหรือไง! เดี๋ยวแม่จะด่าให้ร่วงเลย ฉันคิดในใจและเดินไปที่หน้าประตูห้อง

 

“มีธุระอะไรฮะ! ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลยหรือไง คนจะหลับจะนอน!” ฉันตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความหงุดหงิด ขณะเปิดประตูแรง ๆ โดยไม่ทันมองด้วยซ้ำว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร

 

แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงตอบกลับ ฉันถึงกับสะดุ้ง “หล่อนน่ะสิ ไม่รู้จักเวล่ำเวลา…เงินค่าห้องเมื่อไหร่จะจ่าย!” เสียงเจ๊เจ้าของห้องดังสวนกลับมาอย่างไม่ไว้หน้า “ค่าเช่าห้องเดือนนี้ครบกำหนดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ทำไมยังไม่จ่ายอีก!”

 

ฉันที่งัวเงียรีบเช็ดขี้หูขี้ตา และรีบหันกลับไปมองปฏิทินในห้องอย่างไว เรื่องใหญ่แล้วไงล่ะ!

 

“เอ่อ ขอโทษค่ะ คือว่าหนูยังไม่มี…” ฉันรีบขอโทษเจ๊ แต่ยังไม่ทันพูดจบก็โดนตะคอกกลับมา

 

“ไม่มีก็หามาสิ! จะมาอ้างแบบนี้ได้ยังไง…ไม่งั้นก็ขนของออกไป!!” เจ๊ชักสีหน้าพลางหยิบพัดขึ้นมาโบกเพื่อไล่ความร้อนจากหัวที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

 

“เจ๊ หนูขอเวลาอีกหน่อยได้ไหม ถ้าหนูหางานประจำได้จะรีบมาจ่ายเลย”

 

พึ่บ!

เสียงพัดที่ถูกพับเก็บ บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของพัดเริ่มหมดความอดทนแล้ว

 

“นี่ ฉันทำธุรกิจนะยะ ไม่ได้เปิดสถานสงเคราะห์! จะมาให้ผ่อนผันอะไรนักหนา!…แบบนี้ก็เจ๊งหมดน่ะสิ” 

 

เมื่อวิธีนี้ไม่ได้ผล ฉันจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องพร้อมกับหยิบแบงก์แดงสองใบบนหัวเตียงแล้วยื่นส่งให้เจ๊ไป

 

“ถือว่าเป็นดอกรายวันแล้วกันนะเจ๊ ถ้าหนูมีแล้วหนูจะรีบเอามาจ่ายเลย เจ๊คิดดอกด้วยเลยอะ ถ้าหนูจ่ายช้า เจ๊ก็จะได้ดอกรายวันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ด้วยน้า~” ฉันจับมือเจ๊และยิ้มสู้สุดชีวิต จะปล่อยห้องเช่าแสนถูกใจกลางเมืองแบบนี้หลุดไปไม่ได้เด็ดขาด!

 

มุมปากของเจ๊ที่เคยคว่ำเปลี่ยนมายกขึ้นจนแทบจะถึงลูกตาทันที

 

“อย่าให้มันช้ามากละกัน ถ้าเป็นคนอื่นนี่ไม่ได้เลยนะ เป็นฉันหรอกถึงให้” เมื่อได้เงินเจ๊แกก็เดินกลับออกไป และพูดต่อท้ายอีกว่า “นี่เป็นดอกรายวันนะ ไม่รวมค่าเช่าห้อง รีบเอามาจ่ายล่ะ”

 

“ได้เลยเจ๊ ขอบคุณมากนะคะ” ฉันยิ้มส่งให้เจ๊ แต่ทันทีที่เจ๊แกหันหลังไปรอยยิ้มนั้นก็หุบลงตามไปด้วย ฉันรีบกลับเข้าห้อง ปิดประตู และทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง

 

เห้อ~ เรื่องวุ่นวายมาแต่เช้าเลย เอ๊ะ! ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวให้พวกเธอรู้จักสินะ ฉันชื่อ ‘เมเบล’ หญิงสาวร่างน้อยบอบบางที่ใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ท่ามกลางเมืองหลวงแสนจะเปล่าเปลี่ยวหัวใจ แถมไร้คนข้างกายดูแลด้วย หรือก็คือโสด ด.เด็ก ล้านตัวจ้า

 

ถ้าถามถึงพ่อแม่ ฉันเองก็ไม่รู้สิ จำอะไรไม่ได้เลย จำได้ล่าสุดก็คือเมื่อ 2 ปีก่อน ฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากประสบอุบัติเหตุ จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้สักอย่าง แต่ก็ดีแล้วแหละ ถ้าจำชีวิตอันแสนเศร้าของตัวเองได้ คงหดหู่มากกว่านี้อีก อย่างน้อยฉันก็มีเพื่อนดี ๆ อย่าง ‘ลิน่า’ ที่คอยช่วยเหลือฉันมาตลอด

 

ชีวิตของฉันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น ได้แต่ทำแต่งานพาร์ทไทม์ไปวัน ๆ เพราะยังหางานประจำไม่ได้เลย เนื่องจากทุกครั้งได้ไปสัมภาษณ์งาน พวกบริษัทมักจะจ้องเอาเปรียบลูกจ้างอย่างฉันเสมอ โอทีก็ทำฟรีตลอด ไม่พอนะ วันหยุดฉันยังต้องมานั่งตอบแชทพวกมันอีก หนำซ้ำ ฉันยังโดนไล่ออกด้วยเหตุผลที่ว่าฉันไม่ตอบแชทในวันหยุด โอ๊ยจะบ้าตาย ไหน ๆ ก็จะต้องออกแล้ว ฉันก็เลยเผลอตอกกลับไปด้วยคำหยาบคายทุกที แล้วตอนนี้ก็มานั่งกลุ้มเรื่องไม่มีเงินอยู่นี่แหละ

 

กรุ๊ง กริ๊ง ~

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ดึงสติฉันกลับมา

 

“ไอ้เม เมเบลลลลล!” ปลายสายตะโกนเรียกชื่อฉันอย่างตื่นเต้น

 

“อะไร มีอะไร โทรมาแต่เช้าเนี่ย!”

 

“ฉันมีข่าวดีจะบอก ให้ทายว่าอะไรเอ่ย” ลินาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน พูดอย่างตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่

 

“ข่าวดีของฉันมีอย่างเดียวก็คือตังค์ ถ้าแกไม่มีอะไรฉันวางละนะ”

 

“อย่าวางนะ!!!” เสียงตะคอกจากปลายสายทำเอาฉันตกใจหมด “ก็นี่แหละ ข่าวดีที่ฉันจะบอกก็คือเงินนี่แหละ”

 

“...”

 

“ตอนนี้บริษัทเดม่อนเกม เขาจะเปิดตัวเกมใหม่…”

 

“ลิน่า ฉันไม่สนใจเกมอะไรพวกนี้หรอกนะ”

 

“แกนี่ใจร้อนจัง ฟังให้จบก่อนสิ” ลิน่าเริ่มฉุนเฉียว “ฉันแชร์ให้แกไปใน fastbook แล้วนะ เปิดอ่านด่วน ๆ ด่วนจี๋เลยนะ”

 

“โอเค ๆ ไม่ต้องเร่งขนาดนั้นก็ได้น่า” ฉันตอบและคลิกเข้า fastbook เพื่อดูโพสต์ที่ลิน่าแชร์มาให้

 

fastbook post

ประกาศ!! มาแล้วกิจกรรมสุดว้าว ที่เปิดโอกาสให้สุภาพสตรีทุกท่าน มาร่วมจินตนาการถึงหนุ่มในฝัน กับกิจกรรมทดลองเล่นเกมจีบหนุ่ม โปรเจ็กใหม่และใหญ่ที่สุดของปี

เกมแห่งอนาคตที่จะได้สัมผัสกับหนุ่ม ๆ อย่างสมจริง พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านบาท และที่พักคอนโดหรูใจกลางเมือง ฟรี 1 ปี!! จำนวน 1 รางวัลเท่านั้น

แล้วมาร่วมสนุกกับพวกเรากันน้า รับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคมนี้เท่านั้น ประกาศผลวันที่ 5 กันยายน 25xx

 

“เกมบ้าอะไร มาให้เงิน 1 ล้าน การตลาดทั้งนั้นแหละแก” ฉันอ่านจบและคิดว่ามันไร้สาระสุด ๆ เล่นเกมอะไรจะให้เงิน 1 ล้าน เดี๋ยวคอยดูก็มีหน้าม้ามาทั้งนั้นแหละ

 

“นี่เมเบล พระเจ้าอุตส่าห์เมตตา ส่งทางออกมาให้กับคนที่เดือดร้อนเรื่องเงินอย่างแกเชียวนะ ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ และก็นะ…”

 

ฉันรีบพูดชิงตัดบทก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดเพ้อเจ้อมากกว่านี้

 

“ต่อให้มันได้จริง แกคิดฉันจะได้เหรอ หวย 2 ตัว ฉันก็ยังไม่เคยถูกเลยสักครั้งในชีวิต”

 

==========