บทที่ 2 บทบาทที่ไม่ต้องการ

สิ้นเสียงเจ้าหน้าที่ ทันใดนั้นแสงสีขาวจ้าก็กระทบเข้ามาในดวงตาของฉันอย่างฉับพลัน ทำให้สายตามองอะไรไม่เห็นไปชั่วขณะ และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ฉันจำได้

 

ในขณะที่คลับคล้ายคลับคลาว่าฉันจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หัวหนักอึ้งจนไม่สามารถขยับส่วนใดในร่างกายได้ ทำได้เพียงพยายามยกเปลือกตาให้ค่อย ๆ เปิดมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

 

หากแต่อาการพร่ามัวจากแสงสีขาวเมื่อตอนนั้น ทำให้ฉันยังปรับการมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เห็นเพียงร่างสีดำปรากฏอยู่ตรงหน้า แสงจากคืนจันทร์เต็มดวงสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาเป็นเพียงแสงรำไร ไม่อาจบอกได้ว่าร่างที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนหรือวิญญาณกันแน่

 

แม้อยากจะขยี้ตาให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าชัดขึ้น แต่สติที่เหมือนจะหลุดไปได้ทุกเมื่อ ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย

 

“มาแล้วสินะ” ร่างดำเอ่ยขึ้นและขณะก้มมองฉันอยู่ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ทำอะไร สติฉันก็หลุดไปอีกครั้ง

 

==========

 

รู้สึกตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของคู่สนทนาที่คาดว่าเป็นหญิงสาววัยรุ่น กำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

 

“นี่ ได้ยินข่าวหรือยัง” เสียงสนทนาดังขึ้น

 

“ข่าวอะไร” คู่สนทนาตอบ

 

“ข่าวที่ว่าเลดี้เอลเลน่าถูกใครบ้างคนดักสังหารระหว่างทางที่จะไปพระราชวังน่ะสิ”

 

“จริงเหรอ? ในเมืองหลวงเนี่ยนะ!”

 

“ใช่ ตอนนี้วุ่นวายกันไปทั่วเลย” เจ้าของเสียงเริ่มพูดอยากออกรส “แล้วรู้ไหมใครอยู่เบื้องหลัง”

 

“...”

 

“ข่าวลือว่า คนที่อยู่เบื้องหลังคือ คุณ…” ก่อนที่เจ้าของเสียงจะพูดจบ ก็มีเสียงที่สามแทรกเข้ามา

 

“อะแฮ่ม! พวกเธอ!” เสียงหญิงสาวที่บ่งบอกว่าเป็นผู้มีอำนาจมากกว่าทั้งสองคนก่อนหน้ากระแอมเตือน “คุณหนูกำลังหลับอยู่เบา ๆ หน่อยสิ”

 

ฉันยกเปลือกตาขึ้นมาเผยให้เห็นบรรยากาศโดยรอบ แสงแดดอุ่น ๆ สีเข้มที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้รู้ว่าเวลาผ่านไปแล้วครึ่งวัน ภายในห้องดูหรูหรา ราวกับห้องเจ้าหญิงในฝันของใครหลาย ๆ คน ถูกประดับด้วยเครื่องเรือนโบราณราคาแพงหลายสิบชิ้น สีทองอร่ามที่เห็นแล้วทำให้สายตาพร่ามัวได้

 

ฉันที่ยังได้สติกลับมาไม่ดีนัก ใช้มือลูบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อไล่ความง่วงที่ยังค้างคาอยู่ พร้อมค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้น ขาที่ยังรู้สึกอ่อนแรงพาดลงข้างเตียงเพื่อเปลี่ยนมาเป็นท่านั่ง

“ขอโทษค่ะ” สองคนนั้นที่น่าจะเป็นสาวใช้ แต่งตัวเหมือนเมดในการ์ตูนรีบขอโทษขอโพยผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าสาวใช้ แต่ก่อนที่บทสนทนาจะจบ หัวหน้าสาวใช้เหลือบหันมาทางฉัน ดวงตาของเธอเปล่งประกายอย่างยินดี

 

“คุณหนู ตื่นแล้วเหรอคะ” เธอถามพร้อมกับรีบก้าวเข้ามาหาฉันทันทีด้วยท่าทางดีใจอย่างเห็นได้ชัด

 

ฉันพยายามจะเข้าใจบริบทในตอนนี้ให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ฉันน่าจะเข้ามาในเกมจีบหนุ่มแนวต่างโลกนี้เรียบร้อยแล้ว ดูจากสภาพแวดล้อมและเครื่องแต่งกายแปลก ๆ นั่น

 

งั้นฉันขอเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อนแล้วกัน เมื่อครู่ ฉันได้ยินพวกสาวใช้พูดว่า…

 

เลดี้เอลเลน่า?

โดนดักฆ่า?

แล้วตอนนี้ฉันเองก็อยู่ในห้องนอน... แปลว่าต้องเกิดอะไรขึ้นบางอย่างกับเลดี้เอลเลน่า หรืออาจจะตกใจจนสลบไปงั้นเหรอ? แล้วฉันที่มานอนอยู่บนเตียงนี้... งั้นก็หมายความว่า...ฉันเข้ามาสวมบทบาทเป็นเอลเลน่าคนนี้จริง ๆ ใช่ไหม?

 

‘เฟรญ่า เอลเลน่า’ คือหนึ่งในสี่ของตัวละครที่ฉันสามารถสวมบทบาทในเกมนี้ได้

 

เธอเป็นบุตรีของตระกูลไวเคานต์เอลเลน่า ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมารุ่นสู่รุ่น แต่พลังศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลก็เริ่มเสื่อมหายไปตามกาลเวลา ทำให้ครอบครัวตระกูลนี้อำนาจทางการเมืองเริ่มถดถอยลงตามไปด้วย

 

แต่แล้วโชคชะตาก็เปลี่ยนไป เมื่อเธอได้เป็นคนรักขององค์รัชทายาทอย่าง ‘ไซออน ฮอร์ตัน’ ทำให้ตระกูลเธอกลับมามีอำนาจมากอีกครั้ง

 

ถ้าหากฉันเข้ามาสวมร่างของเฟรญ่า เอลเลน่า ค่าความชอบระหว่างองค์รัชทายาทน่าจะสูงตั้งแต่แรก คงจบเกมนี้ได้ไม่ยาก ฉันจะได้ออกไปสุขสำราญกับเงิน 1 ล้าน และคอนโดหรูใจกลางเมืองเสียที ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้ใช้ชีวิตอย่างคุณหญิงคุณนายเสียที

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฉันหัวเราะด้วยความดีใจ ได้แต้มต่อกับองค์รัชทายาทแล้ว แบบนี้ก็หวานหมูน่ะสิ

 

วินาทีนั้นเอง สายตาฉันเหลือบไปเห็นเส้นผมยาวสลวยผ่านตา เอ๊ะ! นี่มันผมสีดำ! ไม่ใช่สีทองหรอกเหรอ?

 

“คุณหนู ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” หัวหน้าสาวใช้ดูสับสนกับท่าทางและปฏิกิริยาของฉัน

 

“เธอน่ะ เอากระจกมาให้หน่อย” ฉันรีบตะโกนบอกสาวใช้อย่างใจไม่ดี ฉันว่าฉันจำลักษณะได้คร่าว ๆ จากเอกสารที่เจ้าหน้าที่ให้มา เฟรญ่า เอลเลน่า มีผมสีทอง ตาสีเขียวมรกต แต่ทำไมตอนนี้ถึงเป็นผมสีดำกัน!!

 

“นี่ค่ะ คุณหนู” หัวหน้าสาวใช้ยื่นกระจกให้ฉัน

 

ฉันคว้ากระจกขึ้นมาส่องสำรวจใบหน้า มันเป็นผมสีดำ ดวงตาสีแดงแบบนี้ อย่าบอกนะว่า…

 

“ฉัน…ฉัน คือใคร” ฉันรีบกระโจนลงจากเตียง ถามหัวหน้าสาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างร้อนรน

 

หัวหน้าสาวใช้ดูตกใจมาก เธอก้าวถอยหลังเล็กน้อยก่อนตอบด้วยน้ำเสียงกังวล “เอ่อ คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ฉันไปเรียกท่านหมอให้ดีกว่าค่ะ”

 

“ฉันถามว่าฉันชื่ออะไร!” ฉันย้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาจ้องไปที่เธอเขม็ง สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังมองหน้ากันด้วยความงุนงง ราวกับไม่เข้าใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร

 

หัวหน้าสาวใช้ลังเลไปครู่หนึ่งก่อนตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ “ก็...คุณหนู ไอรินา ไงคะ... เลดี้ไอรินา บุตรีดยุกเซย์ซาเนีย...”

 

“ฮะ เธอว่ายังไงนะ!”

 

ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม ฉันรีบวิ่งไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และดูรูปร่างหน้าตาของตัวละครนี้เพื่อความแน่ใจ

 

ไม่จริงน่า ฉันสวมบทบาทตัวละครไอรินา เซย์ซาเนียเหรอเนี่ย เธอเป็นตัวละครที่ฉันไม่อยากได้มากที่สุดเลย จบกัน จบแล้ว ชีวิตนี้ เงิน 1 ล้านของฉ้านน~ ฉันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรง ราวกับรับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายอยู่ได้แค่ 2 วันเท่านั้น ฮือ!

 

“คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรไปคะ” หัวหน้าสาวใช้นั่งลงข้างฉัน และหันไปพูดกับสาวผมแดงว่า “นี่พวกเธอ ไปบอกท่านดยุกว่าคุณหนูฟื้นแล้ว” สาวใช้ทั้งสองรีบออกไปทันที

 

ถ้าถามเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่อยากได้ตัวละครนี้น่ะเหรอ ก็เพราะว่า…

 

จักรวรรดิหลักของในเกมนี้มีชื่อว่า ‘เบลลาลีอุช’ เป็นจักรวรรดิที่มีความเจริญอุดมสมบูรณ์และแข็งแกร่งที่สุดในทวีปแม้ว่าจะอยู่ในยุคมืดก็ตาม โดยเฉพาะความก้าวหน้าในเรื่องเวทมนตร์ มีนักเวทที่เก่งกาจอย่างตระกูล ‘เซย์ซาเนีย’ ซึ่งเป็นตระกูลดยุก 1 ใน 2 ของจักรวรรดิแห่งนี้

 

อีกทั้งดยุกเซย์ซาเนียยังเป็นเจ้าแห่งหอคอยเวทมนตร์คนปัจจุบันอีกด้วย ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ในด้านเวทมนตร์และถือได้ว่าเป็นรองเพียงแค่ราชวงศ์เท่านั้นเอง โดยตระกูลที่ว่านี้ ก็คือตระกูลของ ‘ไอรินา เซย์ซาเนีย’ ผู้นี้เอง

 

อ่านแล้วก็คงคิดว่าดีจะตายใช่ไหมล่ะ แต่มันไม่ใช่สำหรับผู้เล่นเกมจีบหนุ่มอย่างฉันไง!!

 

ผู้หญิงคนนี้มีนิสัยชั่วร้าย ขี้อิจฉาริษยาผู้อื่น อยากมีอยากได้ทุกอย่างมาครอบครอง โดยไม่สนวิธีการว่าจะผิดหรือถูกนี่สิ เธอมีว่าที่คู่หมั้นเป็น ‘ดยุกคาลอส อัชเชอร์’ ซึ่งเป็นการตกลงระหว่างตระกูลทั้งสองในรุ่นปู่เพื่อให้ทั้งสองตระกูลได้เกี่ยวดองกัน แต่ก็มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน

 

อีกอย่างตระกูลของไอรินาก็อยู่ทางใต้ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ ส่วนเขตปกครองของตระกูลอัชเชอร์อยู่ดินแดนทางเหนือ หากเดินทางด้วยม้าเร็วก็ใช้เวลาถึง 7 วัน ทำให้เวลาพบปะกันน้อยลงไปอีก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แย่ลงไปตามลำดับ

 

ตำแหน่งที่ไอรินาเล็งไว้ก็คือ ตำแหน่งจักรพรรดินี ที่เคียงข้างองค์รัชทายาทอย่าง ‘ไซออน ฮอร์ตัน’ ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองที่สูงสุดของผู้หญิง อีกทั้งยังได้หนุ่มรูปงามเป็นสามี แน่นอนว่าเธอต้องอยากได้ตำแหน่งนี้เป็นธรรมดา

 

แต่ปัญหาคือองค์รัชทายาทดันมีคนรักอยู่แล้ว ไม่วายเธอคนนี้ก็อิจฉาริษยาคนรักขององค์รัชทายาท หรือก็คือ ‘เฟรญ่า เอลเลน่า’ ที่เป็นหัวข้อท็อปปิกของสาวใช้พวกนั้นก่อนหน้านี้

 

แล้วผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่ว่าก็คงหนีไม่พ้น ไอรินา เซย์ซาเนีย ที่ฉันมาสวมร่างอยู่ตอนนี้อย่างไรล่ะ เห็นไหมมันจบแล้ว ออกจากเกมนี้เลยได้ไหม ดูท่าแล้วเกมนี้ฉันต้องเล่นเป็นปีแล้วมั้ง

 

พลั่ก!!

ในขณะที่ฉันกำลังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นดึงสติฉันให้หันกลับไปมอง

 

“เอ๋?” ฉันเผลออุทานออกไป เพราะจู่ ๆ ก็มีผู้ชายวัยกลางคนมาดเท่ ร่างสูง วิ่งกรูเข้ามาหาฉันที่พื้นอย่างรวดเร็วไม่สมกับเป็นชนชั้นสูง

 

“ไอรี่ ลูกฟื้นแล้วเหรอ…ทำเอาพ่อห่วงแทบแย่…ใครมันทำลูกแบบนี้กัน บอกพ่อมา พ่อคนนี้จะจัดการให้” คนนี้น่าจะคือดยุกเซย์ซาเนีย เรียกฉันว่า ไอรี่ น่าจะเป็นชื่อเล่นสำหรับคนสนิทเท่านั้นด้วย แสดงว่าเป็นคนที่รักลูกสาวมากและดูจะสปอยเกินเหตุด้วย แบบนี้สินะ นางร้ายถึงร้ายขนาดได้ขนาดนี้ เพราะมีคนตามใจลูกมากนี่เอง

 

ฉันเองก็เคยอ่านการ์ตูนแนวนางเอกได้เกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายที่ตัวเองเคยอ่าน สุดท้ายแล้วก็ได้เป็นนางเอกทั้งนั้น แต่มันต่างกันตรงที่ฉันเข้ามาสวมบทในเกม แน่นอนว่าตัวเอกมันคือฉันอยู่แล้ว ฉันเองก็สามารถเปลี่ยนจากนางร้ายให้เป็นนางเอกและจบแบบ happy ending ได้เหมือนกันสิ

 

คิดแล้วเริ่มมีไฟขึ้นมาทันที ฉันคิดและเริ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง

 

“ไอรี่ ลูก? ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” เสียงท่านดยุกดึงสติฉันขึ้นมา

 

“เอ่อ คะ? ท่านดยุกพูดกับฉันเหรอคะ”

 

“ไอรี่…” ท่านดยุกดูแววตาเศร้ามากและถามเสียงสั่น ๆ “ลูกโกรธอะไรพ่อหรือเปล่า”

 

“คะ?” ฉันโบกมือปัดไปปัดมา เป็นเชิงบอกว่าไม่ใช่ “เอ่อ ไม่ใช่นะคะ”

 

“แล้วทำไมลูกเรียกพ่อว่าท่านดยุก แถมยังแทนตัวเองว่าฉันอีก ลูกเรียกแบบนี้ทุกครั้งเวลาโกรธพ่อ” ท่านดยุกกระวนกระวาย

 

“เอ่อคือ…ลูกเพิ่งฟื้นเอง อาจจะเบลอ ๆ น่ะค่ะ…ท่านพ่อ” ฉันตอบและไม่ลืมที่จะเรียกท่านดยุกว่าท่านพ่อ เพื่อให้เขาสบายใจ

 

“อ่า นั่นสินะ” ท่านดยุกพูดเหมือนเข้าใจท่าทีของฉัน “ดีนะ ที่มิลเลอร์ช่วยเอาไว้…” เหมือนท่านดยุกจะพูดอะไรต่อ แต่คนที่คาดว่าน่าจะเป็นพ่อบ้านก็แทรกขึ้นมา ว่าแต่มิลเลอร์นี่ใครอีก?

 

“ท่านดยุก เรื่องที่ว่า…” พ่อบ้านพูดเป็นเชิงบอก ท่านดยุกพยักหน้ารับและหันมาพยุงฉันลุกขึ้นไปที่เตียง

 

“ยังไงก็พักผ่อนนะลูก เดี๋ยวตอนเย็น พ่อเสร็จงานแล้วจะรีบมาทานมื้อเย็นด้วย” ฉันได้แต่พยักหน้ารับ จากนั้นท่านดยุกก็ส่งยิ้มให้และเดินออกไปพร้อมพ่อบ้าน

 

ฉันกลับมาจมกับความคิดตัวเองอีกครั้ง ฉันไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้สักเท่าไหร่ ท่านดยุกเองก็เหมือนมีเรื่องอะไรที่ต้องไปจัดการด้วย ฉันขอทบทวนตัวเองอีกสักหน่อยก็แล้วกัน

 

ตอนนี้ฉัน ‘เมเบล’ แรนดอมเกมมาสวมร่าง ‘ไอรินา เซย์ซาเนีย’ ตัวร้ายในเกมนี้ ซึ่งเป็นตัวละครที่ฉันภาวนาขอให้ไม่ได้บทนี้ที่สุด เพราะมันหินยังไงล่ะ อย่าว่าแต่พิชิตใจพระเอกคนไหนเลย ดูจากสายตาสาวใช้ที่มองมา ก็รู้แล้วว่าทุกคนกลัวยัยพี่สาวคนนี้กัน

 

“นี่พวกเธอ” ฉันยังไม่ทันพูดอะไรต่อ สาวใช้สองคนแรกก็ตกใจเป็นอย่างมาก เว้นเสียแต่คนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าสาวใช้คนนั้น

 

“ค่ะ คุณหนู” หัวหน้าสาวใช้ตอบรับ

 

“ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว” ฉันถามออกไป พอเนียนได้อยู่ไหมนะ ต้องแกล้งจำอะไรไม่ได้ดีกว่า (ก็จำไม่ได้จริง ๆ) ข้อมูลในเอกสารก็มีไม่มากพอถึงเหตุการณ์ที่เข้าเกมมาด้วยสิ

 

“เดี๋ยวฉันจะตอบคุณหนูเองค่ะ ให้สองคนนั้นออกไปก่อนดีกว่านะคะ” หัวหน้าสาวใช้เข้ามากระซิบฉัน

 

“เอางั้นก็ได้” ฉันพูด และหันไปบอกสาวใช้สองคนที่อยู่มุมห้อง “พวกเธอสองคนออกไปก่อน” สองสาวโค้งให้ฉันและรีบออกไปทันทีเหมือนรอคำนี้มานาน

 

“คุณหนูจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ” หัวหน้าสาวใช้รีบเข้ามาใกล้ฉันอย่างคนอยากเมาส์มอย แล้วฉันจะต้องตอบว่าอะไรดีล่ะ

 

“ก็…ก็จำไม่ได้น่ะสิ ชื่อเธอฉันยังจำไม่ได้เลย” ไหลตามน้ำไปก่อนแล้วกัน

 

“ฉัน เอมมี่ไงคะ เป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนู” เอมมี่รีบแนะนำตัวเอง “ส่วนอีกสองคน คนผมชมพูชื่อแซนนี่ คนผมแดงชื่อจัสมินค่ะ”

 

“สองคนนั้นดูท่าจะกลัวฉันมากเลยสินะ” ฉันลองเชิงถามไป และได้คำตอบจากการพยักหน้าของเอมมี่

 

“นี่ เอมมี่ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมฉันถึงมา… ไม่สิ เรื่องที่พวกสาวใช้พูดถึง เฟรญ่า เอลเลน่า หมายถึงอะไรเหรอ” ฉันถาม

 

“คุณหนูจำที่เราไปตรอกเรนอยได้ไหมคะ เมื่อคืนเราไปที่นั่นมา”

 

“ตรอกเรนอย?” ตรอกไหนล่ะเนี่ย?

 

“ใช่ค่ะ ตรอกเรนอยเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านกลางหุบเขาที่ถูกทิ้งร้างไปแล้ว” เอมมี่อธิบาย

 

“...”

 

“เหล่าคนอันธพาลหรือพวกที่ชอบหนีความผิดมักจะไปอาศัยอยู่ค่ะ มันเป็นที่ค่อนข้างอันตราย แต่ว่าเหมาะกับการนัดพบอย่างลับ ๆ” ซ่องโจรนี่เอง

 

“แล้วฉันก็ไปที่นั่น?”

 

“ใช่ค่ะ คุณหนูไปเพื่อเจอจอมเวทท่านหนึ่ง เพื่อทำข้อตกลงบางอย่าง”

 

“ข้อตกลงอะไร”

 

“...ดักปล้นรถม้าเลดี้เฟรญ่าค่ะ” เอมมี่พูดอย่างใจเย็นเหมือนเป็นเรื่องปกติ

 

“แล้ว…ยังไงต่อ”

 

“รายละเอียดฉันไม่ค่อยแน่ใจ เพราะว่าฉันยืนรอคุณหนูอยู่ข้างนอกค่ะ”

 

“งั้นเอาเท่าที่รู้ก็ได้”

 

“คุณหนูตั้งใจบอกให้จอมเวทไปดักปล้นรถม้าของเลดี้เฟรญ่าค่ะ” ฮะ? อะไรนะ! จอมเวทบ้าบออะไรจะไปดักปล้น แบบนี้ฉันไปจ้างพวกนักฆ่ามาลงมือเองยังจะดีกว่าจ้างนักเวทไหม ไม่สิหมายถึง พี่สาวไอรินา ไม่ใช่ฉันนะ

 

“แล้วทำไมข่าวที่ฉันได้ยินเป็นดัก…เอ่อ ดักฆ่าแทนล่ะ”

 

“ตอนที่เราไปตกลงกัน คุณหนูแค่บอกท่านจอมเวทว่า ทำยังไงก็ได้ให้เลดี้เอลเลน่าไม่สามารถไปงานเลี้ยงวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาทได้เท่านั้นค่ะ แต่ว่า…”

 

“แต่ว่าอะไร เล่ามาให้หมดเลยทีเดียวเลยได้ไหม” ฉันดุเอมมี่เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมเล่าให้มันจบเลยทีเดียว

 

“ผู้ติดตามของท่านจอมเวทเสนอว่าให้สังหารเลดี้เอลเลน่าแทน โดยจะส่งนักฆ่ามืออาชีพไปค่ะ” เอมมี่ตอบ

 

“จอมเวทและผู้ติดตาม? แสดงว่ามี 2 คนงั้นเหรอ? แล้วพวกเขาเป็นใครรู้ไหม? แล้วทำไมต้องส่งนักฆ่าไป แทนที่จะใช้เวทมนตร์ล่ะ พวกเขาเป็นนักเวทไม่ใช่เหรอ” ฉันถามและกอดอกคิดไปด้วย

 

“คุณหนูไม่ให้ใช้มนตร์ดำค่ะ ส่วนท่านจอมเวทเป็นใคร ฉันเองไม่ทราบ คุณหนูไม่ได้บอกไว้ แต่ฉันได้ยินคุณหนูเรียกเขาว่า ‘เลียม’ ค่ะ” เอมมี่ตอบ

 

“มนตร์ดำ? อย่าบอกนะจอมเวทนั่น ใช้มนตร์ดำน่ะ” ฉันหันไปถาม งั้นเลียมก็คือชื่อจอมเวทคนนั้นเหรอ? โอเคอย่างน้อยก็รู้ชื่อแล้ว

 

“ใช่ค่ะ คุณหนูเองก็บอกฉันว่า จะให้ใครรู้เรื่องมนตร์ดำไม่ได้ เพราะท่านดยุกเป็นถึงเจ้าแห่งหอคอยเวทมนตร์ และเป็นตระกูลที่ต่อต้านการใช้มนตร์ดำพอ ๆ กับตระกูลอัชเชอร์ค่ะ”

 

“แล้วไอริ…หมายถึงฉันได้ใช้มนตร์ดำด้วยหรือเปล่า” ฉันถามอย่างเป็นกังวล

 

“คุณหนูไม่ใช้มนตร์ดำค่ะ คุณหนูบอกกับฉันไว้ว่า มันเสี่ยงเกินไป”

 

“แล้วพอตกลงกันแล้ว มันยังไงต่อ” ฉันกลับมาพูดประเด็นเดิมต่อ

 

“เรื่องนั้น…จอมเวทกับผู้ติดตาม จับคุณหนูไปค่ะ” เอมมี่เริ่มน้ำตาไหล

 

“จับฉัน จับไปไหน?” ฉันขมวดคิ้วถาม

 

“ไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ท่านเลน็อกซ์ตามไปแต่พวกนั้นหนีไปได้ แต่ดีที่ตอนนั้นท่านมิลเลอร์ไปตรวจสอบแถวนั้นพอดี ก็เลยเป็นคนช่วยคุณหนูกลับมาค่ะ ฉันขอโทษนะคะคุณหนู” เอมมี่พูดไปร้องไห้ไป ยังไม่ทันรู้เลยว่ามิลเลอร์คือใคร เลน็อกซ์มาอีกแล้ว เดี๋ยวไว้ค่อยถามแล้วกัน

 

“แล้วเธอเห็นหน้าจอมเวทอะไรนั่นไหม”

 

“ไม่เห็นค่ะ พวกเขาสวมผ้าปิดบังใบหน้า ฉันเลยไม่ทันเห็น ขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณหนู” เอมมี่พูดไปร้องไห้ไปพลาง

 

สรุปแล้วก่อนที่ฉันจะมาสวมร่างนี้ ไอรินาตัวจริงไปขอให้จอมเวทมนตร์ดำอะไรนั่น กำจัดเฟรญ่า เอลเลน่า แต่โดนจอมเวทนั่นหักหลังและถูกลักพาตัวไป และได้มิลเลอร์อะไรนี่มาช่วยเอาไว้สินะ

 

แต่เดี๋ยวนะ เลดี้เฟรญ่าก็โดนดักทำร้ายระหว่างทางไปพระราชวัง ตกลงจอมเวทพวกนั้นมันหักหลังไอรินาหรือเปล่านะ พวกมันก็ทำตามที่ไอรินาสั่งไปนี่หน่า แต่ทำไมต้องลักพาตัวไอรินาไปด้วย? โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว

 

“แล้วตอนนี้ เลดี้เฟรญ่าเป็นยังไงบ้างเหรอ” ฉันถามเอมมี่ต่อ

 

“ได้ข่าวว่าเลดี้เอลเลน่าไม่เป็นอะไรมากค่ะ เพราะระหว่างทางองค์รัชทายาทไปพบเข้าพอดี” เอมมี่จากร้องไห้ก็เริ่มทำหน้ากังวล “แต่ว่าตอนนี้ในเมืองวุ่นวายกันใหญ่เลยค่ะ องค์รัชทายาททรงพิโรธมาก และกำลังไล่สอบสวนคนที่เกี่ยวข้องอยู่…เราจะทำยังไงกันดีคะคุณหนู” เอมมี่พูดด้วยน้ำเสียงสั่น

 

โอ๊ย! ให้ตายเถอะ เข้ามาในร่างนี้ปุ๊บก็มีเรื่องรออยู่ปั๊บเลย แล้วฉันจะต้องแก้ไขสถานการณ์นี้ยังไงดีล่ะ หรือจะบอกความจริงไปเลยว่าฉันไม่ใช่ไอรินา แต่จะบ้าเหรอใครจะเชื่อ ฉันถอนหายใจรอบที่ร้อยได้แล้วมั้งวันนี้

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

 

“เข้ามา” ฉันตอบส่ง ๆ แซนนี่สาวใช้คนก่อนหน้าเข้ามาและพูดขึ้นว่า

 

“ขออนุญาตค่ะคุณหนู คือว่า..เอ่อ องค์รัชทายาทกำลังมาที่คฤหาสน์ค่ะ” แซนนี่พูดจบ ฉันและเอมมี่มองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย ความซวยมาแล้วไง

 

==========