พอกูณฑ์หายไปกับนางรากษส มลเองก็ไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่าการกลับไปบอกเจ้าตา แม้ว่ามลจะเรียนวิชามาบ้าง แต่เขาไม่เก่งพอที่จะสู้กับนางรากษสได้หรอก
มลวิ่งกระหืดกระหอบมาที่บริเวณอาศรม คนแรกที่เขาเห็นคืออุสา
"กรี๊ด!" เด็กหญิงที่เขาสนิทสนมด้วยมาเป็นปี ๆ ส่งเสียงกรีดร้องเมื่อเห็นหน้าเขา
"อุสา เป็นอะไร" มลถามอย่างฉงน
แทนคำตอบ อุสารัวกำปั้นทุบที่หน้าอกของมล "คนใจร้าย เจ้าทำอะไรเจ้าพี่ของข้า"
มลพยายามปัดป้อง เขารวบกำปั้นน้อย ๆ ทั้งสองของอุสาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกมือก็ถือตะกร้าที่ใส่ทั้งผลไม้และอาวุธไว้
อุสาพยายามดิ้น เธอจ้องมลด้วยสายตาที่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ "ปล่อยข้านะ"
"เป็นบ้าอะไรของเจ้านี่ อุสา" มลพูดอย่างเหลืออด เขายิ่งรีบ ๆ อยู่ ทำไมอุสาต้องมางอแงตอนนี้ด้วยนะ
"อย่ามาว่าข้าบ้านะ" อุสาพูดทั้งน้ำตา "ถ้าเจ้าพี่มลกลับมา เจ้าโดนแน่"
มลขมวดคิ้ว "เจ้าพูดอะไรของเจ้า ข้าก็คือมล"
"ไม่จริง" อุสากรีดร้อง "เจ้าพี่มลของข้าตาโตกว่านี้ จมูกใหญ่เป็นสง่ากว่านี้ ผิวคล้ำ ดูสุขภาพดีกว่านี้ ไม่ได้ขาวเป็นหยวกกล้วยแบบเจ้า"
ตอนนี้มลรู้แล้วว่าทำไมอุสาจำเขาไม่ได้ เขาหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก อุสาไม่เคยเห็นเขาตอนถอดหน้ากากมาก่อน
"มลจริง ๆ" มลพยายามยืนยัน "ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ลองถามเจ้าตาดูก็ได้"
อุสาหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ คนคนนี้เป็นใครกันนะถึงกล้าบุกมาถึงที่นี่ แถมยังใส่โจงกระเบนของพี่มล หัวใจของอุสาเริ่มระแวง ไม่ใช่ว่าปีศาจตนนี้ฆ่าพี่มลทิ้งไปเสียแล้วหรือ ถึงกล้าท้าทายเช่นนี้ หากเธอหันหลังไปบอกเจ้าตา เจ้าปีศาจนี่จะลอบฆ่าเธอเสียหรือเปล่า
"ไม่" อุสาว่า "ขืนข้าหันหลังให้ เจ้าจะทำอะไรบ้าง"
มลขมวดคิ้ว ความจริงแล้ว เขาจะผลักเธอไปเสีย และวิ่งไปหาเจ้าตาเลยก็ย่อมได้ หากแต่ไหนแต่ไรมา มลไม่เคยคิดทำร้ายเด็กหญิงที่เข้าทั้งรักและเอ็นดูคนนี้ แต่จะอยู่ช้าก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่ากูณฑ์จะเป็นยังไงบ้าง ถ้านางรากษสเพียงหลงรักรูปโฉมของกูณฑ์ กูณฑ์ก็มีโอกาสรอด แต่จะรอดมาแบบไหน นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มลได้แต่ลังเลอยู่ ไม่รู้จะทำประการใด
เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น มลเหลียวมองรอบ ๆ คาดว่าจะได้เห็นปีศาจอะไรสักอย่าง แต่สิ่งที่มลเห็นก็คือภูตหนังสือที่ห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ เด็กชายตกใจแทบสิ้นสติ เกือบปล่อยตะกร้าสำคัญหลุดจากมือ โชคยังดีที่คว้าไว้ได้ แต่ก็ร้องอุทานออกมาไม่เป็นภาษา
"ทำบ้าอะไรของเจ้าเนี่ย" มลพูดขึ้นเมื่อตั้งสติได้ ตัวเขาเองไม่ใช่คนขวัญอ่อน แต่วันนี้จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว จู่ ๆ มีผีห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ ใครบ้างจะไม่ตกใจ
เคียวกระโดดลงมาจากต้นไม้ ยังคงยิ้มแป้น
"เจ้ารู้จักเขาด้วยหรือ" อุสาถาม เมื่อเคียวไม่ได้มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับคนผู้นี้ อุสาก็เริ่มสงสัยว่าหรือคนคนนี้จะไม่ใช่ปีศาจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไว้ใจไม่ได้ เคียวเองก็เป็นภูตเหมือนกัน ถ้าจะสมรู้ร่วมคิดทำงานกับปีศาจ อุสาก็ไม่แปลกใจนัก ตอนนี้เด็กหญิงรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน เธออยากให้พี่มลมาอยู่ตรงนี้ มาช่วยตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อย่างที่เคยทำมาตลอด
เคียวเลิกคิ้ว "ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ก็มลไง"
ก่อนที่อุสาจะทันโต้ตอบอะไร เจ้าตาก็เดินออกมา ท่าทางของผู้อาวุโสดูเหนื่อยหน่ายนัก
"เจ้าตา" ทั้งอุสาและมลพูดพร้อมกัน
ฤๅษีไม่พูดพร่ำทำเพลง ใช้ไม้เท้าเคาะที่ศีรษะของลูกศิษย์ไม่รักดีอย่างมลทันที
"โอ๊ย!" มลร้อง ใช้มือทั้งสองกุมหัวเพื่อป้องกันไม่ให้ไม้เท้าทำร้ายอีกจนตะกร้าหลุดจากมือ ผลไม้ที่อุตส่าห์ไปเก็บมาหล่นกระจัดกระจายหมด มลได้แต่ครางด้วยความเสียดาย โธ่! เลอะหมดแล้ว
"เจ้าเป็นปีศาจจริง ๆ ด้วย โดนไม้เท้าอาคมของเจ้าตาเข้าไปเลยร้องโอดโอยแบบนี้" อุสาพูดอย่างมีชัย
มลเบะปาก น้องคนนี้ช่างไร้เดียงสาเสียจริง ใครโดนไม้เท้าฟาดหัวก็ต้องร้องทั้งนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องเป็นปีศาจสักหน่อย
"ข้าไม่ใช่ปีศาจ" มลยืนยัน ก่อนจะหันไปหาเจ้าตาพร้อมร้องอุทธรณ์ "เจ้าตาพูดอะไรสักคำสิขอรับ"
"ไม่รักดีจริง ๆ เจ้ามล" ฤๅษีว่า
อุสาอ้าปากค้าง "เจ้าตาเรียกเจ้านี่ว่าอะไรนะเจ้าคะ"
"ก็เรียกว่ามลอย่างไรล่ะ"
"งั้นเขาก็เป็นเจ้าพี่มลของข้าจริง ๆ น่ะสิ"
วโรดมพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
อุสากัดริมฝีปากก่อนจะถามอย่างไม่แน่ใจ "แต่ทำไมเจ้าพี่ถึงหน้าตาเป็นแบบนี้ล่ะเจ้าคะ"
"เจ้าพี่ของเจ้าถอดหน้ากากที่ข้าให้ไว้ออกน่ะสิ" ผู้เป็นพ่อตอบ ก่อนหันมาทางมลอย่างตำหนิ "ข้าย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าถอดหน้ากากออก มันจะนำภัยมาถึงตัว ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างเลย"
มลก้มหน้าลงเพราะเสียใจที่ถูกดุ แต่ไหนแต่ไรมาฤๅษีเมตตาเขามาก ไม่เคยสักครั้งที่จะพูดอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะมนุษย์คนนั้นแท้ ๆ
"ไม่ใช่ความผิดของข้านะขอรับ" มลเถียง "ก็กูณฑ์บอกให้ข้าถอด"
ผู้อาวุโสกว่าขมวดคิ้ว "เขาสั่งอะไร เจ้าก็ทำตามนั้นหรือ เขาเป็นเจ้านายของเจ้าหรืออย่างไร"
มลไม่โต้ตอบ ได้แต่กำหมัดแน่น เขาน่าจะหนักแน่นมากกว่านี้ ไม่น่าหลงคารมเด็กหัวไฟนั่นเลย
"แล้วทำไมเจ้ากลับมาคนเดียว กูณฑ์ไปไหน"
คำถามของฤๅษีทำให้มลคิดได้ มลละล่ำละลักเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
"แล้วนายก็ทิ้งกูณฑ์ไว้ แล้วกลับมาคนเดียวเนี่ยนะ" เคียวพูดอย่างไม่พอใจ "คนขี้ขลาด"
มลชักฉุน ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อยที่อีกฝ่ายดื้อและไม่ยอมฟังคำเตือนของเขา
"ใครจะสู้กับรากษสก็สู้ไป ข้าไม่เอาด้วยคนหนึ่งล่ะ สู้กับพวกนั้นก็หาเรื่องตายชัด ๆ"
เคียวทำเสียงดูถูกในลำคอ "ถ้าเป็นฉันนะ ต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอมทิ้งเพื่อนแน่"
"ทำเป็นพูดดี ก็เจ้าตายไปแล้วนี่ จะกลัวตายอะไรอีก" มลเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
เคียวอ้าปากจะพูดคำเจ็บ ๆ กลับไป เขาไม่ชอบให้ใครมาพูดย้ำว่าเขาตายแล้ว
"พอกันทีได้หรือไม่" เสียงเฉียบขาดของอุสาดังขึ้น
หนึ่งวิทยาธรหนึ่งภูตหยุดการโต้เถียงทันที ปกติอุสาน้อยเป็นคนเรียบร้อย ขี้อ้อน เธอไม่เคยออกคำสั่ง เวลาเธอต้องการอะไร เธอมักใช้วิธีอ้อนวอน แต่ตอนนี้ลูกครึ่งกวางมองพวกเขาด้วยสายตาตำหนิ แววตานั้นทรงอำนาจไม่ต่างจากนางพญา
"ค่อยยังชั่วหน่อย" อุสาว่า พลางมองคนเป็นพี่และภูตหนังสือสลับกันไปมา "เรามีเวลาโต้เถียงกันทีหลังนะเจ้าคะ แต่พี่กูณฑ์อาจจะไม่มี"
พอได้ยินเด็กหญิงผู้อ่อนโยนพูดแบบนี้ เด็กชายทั้งสองก็ได้แต่ก้มหน้าและพึมพำขอโทษ
"พี่กูณฑ์จะเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ้าตา คงไม่ได้ถูกรากษสตนนั้นกินหรอกใช่หรือไม่" อุสาหันไปถามผู้เป็นพ่ออย่างร้อนรน แววตาปรากฏความห่วงหา
แม้ว่ามลจะกังวลเรื่องที่กูณฑ์หายไปมาก แต่พออุสาแสดงอาการรักและห่วงกูณฑ์ เขาก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่พอใจ การที่เพื่อนและน้องเข้ากันได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้ด้านมืดของมลกลับกระซิบว่า อย่าให้กูณฑ์กลับมาอีกเป็นดีที่สุด แม้จะเป็นแค่ความคิดชั่ววูบ แต่เด็กชายวิทยาธรก็รู้สึกละอายใจ กูณฑ์เป็นเพื่อนของเขา แล้วต่อให้ไม่ใช่เพื่อน ความคิดที่อยากให้ใครก็ตามไปอยู่ในกำมือของรากษสนั้นเป็นอะไรที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง มีแต่พวกปีศาจเท่านั้นที่คิดอย่างนี้ นี่เขากลายเป็นปีศาจไปแล้วหรือ
"เจ้าพี่มลร้องไห้ทำไมเจ้าคะ" เสียงของอุสาปลุกมลให้ตื่นจากภวังค์
มลปาดน้ำตาที่ไม่รู้ไหลมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนจะฝืนยิ้มอย่างกล้าหาญให้เด็กหญิง
"ข้าแค่เป็นห่วงกูณฑ์ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง" มลว่า และทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปาก เขาก็รู้ว่าเขาพูดจริง แม้เขาจะทะเลาะกับกูณฑ์อยู่บ่อย ๆ แต่กูณฑ์ก็เป็นเพื่อนเพียงไม่กี่คนของเขา ความคิดที่กูณฑ์จะตกเป็นของนางรากษสนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน
"เหอะ! ดีแต่พูด ถ้าห่วงจริง จะหนีกลับมาทำไม" เคียวประชด
"พอได้แล้ว" ฤๅษีพูดอย่างรำคาญ เด็ก ๆ พวกนี้น่าเบื่อเสียจริง เอาแต่เถียงกันไม่หยุดไม่หย่อน ขนาดหน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ยังเถียงกันไม่เลิก
"พี่กูณฑ์เป็นยังไงบ้างเจ้าคะ" อุสาถาม
ฤๅษีหลับตา ก่อนจะลืมตาขึ้น "ไม่ต้องห่วง ประเดี๋ยวกูณฑ์ก็จะกลับมาเอง"
"จะให้เรารออยู่นี่เฉย ๆ งั้นเหรอ ใครจะรอก็รอไป แต่ผมทนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรอก" เคียวพูดอย่างก้าวร้าว ปกติเขานับถือฤๅษียิ่งกว่าใคร แต่ท่าทีสบาย ๆ ของอีกฝ่ายที่มีต่อเรื่องนี้ทำเอาเคียวอยากตะบันหน้าสักที
ตึง! ตึง! เสียงดังราวแผ่นดินไหวดังขึ้น ทุกคนต่างเข้ามาเบียดชิดกันด้วยความกลัว เกิดอะไรขึ้นกันแน่
.