ตอนที่ 9 เคล็ดวิชาด้วง
เมื่อหานลี่นึกย้อนไปถึงตอนนี้ ใบหน้าของเขาก็ปรากฎรอยยิ้มออกมา
ช่วงเวลาที่เขาและจางเถี่ยอยู่ที่นี่เกือบหนึ่งปีพวกเขาได้หลายเป็นเพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเรื่อง อาจจะเป็นเพราะว่านิสัยของพวกเขาเข้ากันได้และฐานะทางบ้านก็ค่อนข้างเหมือนกันด้วย
หานลี่ค่อยๆ คลายขาทั้งสองที่อยู่ในท่านั่งขัดสมาธิออกจากกัน จากนั้นก็ใช้มือนวดไปที่น่องของเขา การนั่งสมาธิฝึกลมปราณนานๆ ทำให้ขาของเขาเริ่มรู้สึกชา เลือดลมไหลเวียนไม่ดี
นวดได้สักพัก พอรู้สึกว่าขาเริ่มกลับคืนสู่สภาพปกติ เขาถึงลุกขึ้นจากที่นั่ง จากนั้นก็ปัดฝุ่นที่อยู่ตามตัวออกด้วยความเคยชินและผลักประตูห้องถ้ำหิน เดินออกไป
หันกลับไปมองห้องถ้ำหินที่เขาใช้ฝึกวรยุทธ์ หานลี่ก็หัวเราะเยาะตัวเองอยู่เล็กน้อย
ห้องนี้ทั้งหมดสร้างโดยการเจาะหน้าผาหินแกรนิต ส่วนประตูห้องก็ทำจากหินสีน้ำเงินขนาดใหญ่คนทั่วไปที่คิดจะบุกเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า แม้ว่าจะนำขวานยักษ์มาตัดก็ไม่มีทางทำได้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้นแน่ๆ
ห้องที่สงบเหมาะแก่การฝึกวรยุทธ์เช่นนี้ นอกจากจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งเจ้าสำนัก กลุ่มผู้อาวุโสและหัวหน้าฝ่ายแล้ว แม้แต่ศิษย์เอกของหอสัตตสมบูรณ์ก็ไม่สามารถเข้ามาได้ ห้องถ้ำหินสร้างขึ้นไว้สำหรับผู้ที่ฝึกกำลังภายในชั้นสูงโดยเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งภายนอกเข้ามารบกวนขณะฝึกและเกิดธาตุไฟเข้าแทรก ไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่าท่านหมอม่อใช้วิธีการใดถึงทำให้ผู้อาวุโสหลายท่านเห็นด้วยกับการสร้างห้องถ้ำหินที่ไม่อนุญาตให้ศิษย์ทั่วไปใช้เอาไว้ที่หน้าผาในหุบเขาหัตถ์เทวาแห่งนี้ได้
ทันทีที่ห้องถ้ำหินแห่งนี้เสร็จเรียบร้อย ท่านหมอม่อก็ได้กำหนดให้หานลี่ใช้เพียงคนเดียว เมื่อได้ยินเช่นนั้นหานลี่ก็แอบตกใจกับการได้กลายเป็นศิษย์โปรดของท่านอาจารย์
ไม่อยากจะพูดเลยว่าท่านหมอม่อดีกับเขามากเกินไปจริงๆ ตั้งแต่วันที่ท่านหมอม่อรับเขาเข้าเป็นศิษย์ ในทุกวันก็จะให้เขากินยาหลากชนิด อีกทั้งยังใช้สมุนไพรที่เขาไม่รู้จักมาต้มเป็นน้ำสมุนไพรให้เขาแช่ตัว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ชื่อสมุนไพรและสรรพคุณของมัน แต่ทุกครั้งที่เห็นท่านหมอม่อใช้สมุนไพรเหล่านี้ ใบหน้าที่มักไม่แสดงความรู้สึกของเขาก็จะมีความอาลัยอาวรณ์ปรากฎอยู่ในนั้น เขาเลยเข้าใจทันทีว่าสมุนไพรเหล่านี้คือสิ่งที่ล้ำค่ามากสำหรับท่านหมอม่อ
เห็นได้ชัดว่าสมุนไพรเหล่านี้ช่วยบำรุงกำลังได้ดีจริงๆ หานลี่ฝึกลมปราณได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และก่อนหน้านี้ไม่นานเขาก็สามารถบรรลุบทท่องนิรนามขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จ
เพียงแต่ขณะที่ใกล้จะผ่านขั้นที่หนึ่ง มีเส้นลมปราณสองสามเส้นเกือบแตกซ่านทำให้เขาได้รับบาดเจ็บภายในพอสมควร โชคดีที่ท่านหมอม่อเป็นผู้มีฝีมือและเส้นลมปราณของเขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่มากบวกกับที่ท่านหมอม่อยอมเสียสละยาดีให้จึงทำให้อาการบาดเจ็บของเขาหายขาดไป
หลังจากที่หานลี่ได้รับบาดเจ็บ ท่านหมอม่อดูจะกังวลยิ่งกว่าตัวหานลี่เองเสียอีก ตลอดการรักษาท่านหมอม่อก็คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง จนกระทั่งเห็นว่าอาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นแล้วท่านหมอม่อถึงได้วางใจ
การแสดงออกของท่านหมอม่อนั้นยิ่งกว่าความสัมพันธ์ของอาจารย์และศิษย์เลยทำให้หานลี่มีความรู้สึกอึดอัดใจอย่างไรบอกไม่ถูก ถ้าไม่ใช่ว่าครอบครัวเขามีแต่ลุงสามเท่านั้นที่ออกจากหมู่บ้านกลางเขานั้นมา หานลี่คงคิดว่าท่านหมอม่อคือญาติห่างๆ ของเขาไปแล้ว
หลังจากที่หานลี่เดินออกจากห้องถ้ำหินแล้ว เขาก็บิดขี้เกียจเล็กน้อยจากนั้นจึงค่อยๆ เดินตรงไปยังที่พักของเขา หลังจากที่กลายเป็นศิษย์ในสำนักเต็มตัว หานลี่และจางเถี่ยก็ได้ย้ายออกจากห้องเดิมไปยังห้องใหม่ที่เป็นห้องส่วนตัวของแต่ละคน
ขณะที่เดินผ่านห้องของจางเถี่ย หานลี่ก็เหลือบมองเข้าไปโดยบังเอิญ
และนึกไม่ถึงว่าจางเถี่ยจะไม่อยู่ในห้อง สงสัยว่าเขาจะไปฝึกวรยุทธ์ที่น้ำตกใต้ยอดเขาวารีสีชาดอีกแล้ว
หลังจากที่ได้กลายเป็นศิษย์ของท่านหมอม่อแล้ว ท่านหมอม่อก็ยังคงให้หานลี่ฝึกแค่บทท่องนิรนามนี้อยู่และไม่มีทีท่าว่าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาอื่นให้แก่เขา หรืออาจจะเพราะอยากปลอบใจที่ไม่ได้สอนเคล็ดวิชาใหม่ให้เขา ท่านหมอม่อจึงถ่ายทอดวิชารักษาให้แก่เขาทั้งหมดแทน ทั้งยังสอนเขาอย่างละเอียดทุกขั้นตอนเลยก็ว่าได้ เมื่อเขามีข้อสงสัย ท่านหมอม่อก็จะอธิบายจนเขาเข้าใจและยังอนุญาตให้เขารื้อค้นหนังสือการรักษาได้ตามต้องการ
ส่วนทางด้านจางเถี่ย ท่านหมอม่อได้ทำตามอย่างที่พูดเอาไว้คือถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่เหมาะสมกว่าให้แก่เขา
เคล็ดวิชาที่จางเถี่ยได้ฝึกฝนช่างแปลกประหลาด ตามที่ท่านหมอม่อได้บอกไว้คือเคล็ดวิชานี้เป็นเคล็ดวิชาที่พบเห็นได้ยากในยุทธภพ ‘เคล็ดวิชาด้วง’ แม้แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ ยิ่งไม่ต้องหวังเลยว่าจะมีคนฝึกเคล็ดวิชานี้
ถ้าเทียบกับเคล็ดวิชาทั่วไปที่สืบต่อกันมาในยุทธภพ ระดับการฝึกคือจากง่ายไปยาก ยิ่งฝึกลึกขึ้นก็จะยิ่งยากมากขึ้น ดังนั้นต้องใช้ความพยายามมากขึ้นอีกเป็นหลายเท่า เคล็ดวิชานี้แบ่งออกเป็นเก้าขั้น สามขั้นแรกนั้นฝึกง่ายเหมือนกับการฝึกเคล็ดวิชาอื่น แต่เมื่อเข้าสู่ขั้นที่สี่ก็จะเริ่มฝึกลำบากขึ้นทั้งยังต้องทนรับกับความเจ็บปวดทรมานที่คาดไม่ถึง คนทั่วไปที่ฝึกเคล็ดวิชานี้ไม่อาจที่จะทนรับกับความเจ็บปวดนี้ได้เลยเลือกที่จะไม่ฝึกต่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฝึกขั้นที่ห้าที่หกซึ่งจะเจ็บปวดมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัวนัก
แต่ถ้าฝึกเคล็ดวิชานี้สำเร็จถึงขั้นที่เจ็ดเมื่อไหร่ก็จะกลับคืนสู่สภาพปกติ จะมีแค่ไม่กี่วันในแต่ละเดือนที่จะต้องทนรับมือกับความเจ็บปวดเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ความเจ็บปวดเหล่านี้ที่ทำให้หลายคนไม่อยากฝึกเคล็ดวิชานี้และนี่อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เคล็ดวิชานี้เกือบจะหายสาบสูญไปจากยุทธภพ
เคล็ดวิชานี้ช่างน่าพิศวง เมื่อฝึกไปถึงขั้นสูงสุดแล้วอานุภาพก็จะยิ่งน่าตกใจ เล่ากันว่าคนที่ฝึกถึงขั้นที่เก้าจะมีร่างกายที่แข็งเหมือนมีเกราะคุ้มกัน อย่าว่าแต่ฝ่ามือหรือหมัดเลยแม้แต่ดาบหรือกระบี่ก็ไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้
สิ่งที่ทำให้คนกระหายเคล็ดวิชานี้คือหลังจากที่เริ่มฝึกแล้ว คนทั่วไปจะค่อยๆ มีพละกำลังอันมหาศาล และเมื่อฝึกถึงขั้นสูงก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนสามารถจับจิ้งจอกด้วยมือเปล่าและฉีกเสือตัวเป็นๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันช่างเป็นเคล็ดวิชาที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง
เคล็ดวิชานี้ทำให้ผู้คนทั้งหวาดกลัวและหลงใหล นอกจากผู้อาวุโสที่คิดค้นเคล็ดวิชาขึ้นมาแล้ว ก็ไม่มีใครที่สามารถฝึกได้ถึงขึ้นที่เก้า ตามตำนานเล่าว่าผู้อาวุโสท่านนี้เป็นผู้ที่ไร้ความรู้สึกเจ็บปวดแต่กำเนิด จึงได้คิดค้นวรยุทธ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์ที่ยอดเยี่ยม
ถึงแม้ว่าท่านหมอม่อจะบอกข้อดีและข้อเสียของเคล็ดวิชานี้กับจางเถี่ยไปจนหมด แต่ด้วยความที่จางเถี่ยยังไม่เคยได้ลิ้มรสความทรมานจากการฝึกนั้นด้วยตนเอง จึงทำให้เขามองข้ามข้อเสียนั้นไป เขามองเห็นแค่ความร้ายกาจของ ‘เคล็ดวิชาด้วง’ จึงได้ตอบตกลงที่จะฝึกอย่างไม่ลังเลและดูเหมือนว่ามันจะเหมาะสมกับเขามากเลยทีเดียวเพราะในระยะเวลาสั้นๆ แค่สองเดือน จางเถี่ยก็สามารถบรรลุขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จ
ตามคำแนะนำของท่านหมอม่อเพื่อให้ตัวเขาฝึก ‘เคล็ดวิชาด้วง’ ขั้นที่หนึ่งได้สำเร็จ ในตอนบ่ายของทุกวันจางเถี่ยจะไปฝึกที่ยอดเขาวารีสีชาดซึ่งอยู่ห่างลงไปจากน้ำตกสิบกว่าเมตร นั่นหมายความว่าเขาต้องฝึกใต้แรงกระแทกอย่างแรงของน้ำที่ไหลจากที่สูงลงมาสู่ด้านล่าง
จากคำบอกเล่าของจางเถี่ยเขาบอกว่าวิธีการนี้ได้ผลอย่างน่าเหลือเชื่อ อีกแค่นิดเดียวเขาก็จะสามารถบรรลุขั้นที่สองได้สำเร็จ และแค่เขาเพิ่มกำลังอีกหน่อยก็จะสามารถทำลายค่ายกลชั้นนี้ได้แล้ว