ตอนที่ 10 ขวดลึกลับ
หานลี่ค่อยๆ เดินออกจากหุบเขาหัตถ์เทวา เดินไปตามทางเล็กๆ ข้างเขาตรงไปยังยอดเขาวารีสีชาดที่มองเห็นอยู่ลิบๆ อย่างเคยชิน
ตอนนี้เขาไม่มีเรื่องสำคัญอะไรที่ต้องไปทำ ดังนั้นช่วงไม่กี่วันมานี้เขาก็จะมาที่นี่ในเวลานี้ทุกวัน แค่มานั่งมองจางเถี่ยทำท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟันแปลกพิลึกฝึกวิทยายุทธ์อยู่ใต้น้ำตก
‘เคล็ดวิชาด้วง’ นี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทนรับไหว แค่ขั้นแรกก็ต้องทนแบกรับความทรมานหนักหนาขนาดนี้ ถ้าฝึกต่อๆ ไปมีหวังต้องลอกผิวหนังไปหลายชั้นแน่ๆ
‘สงสัยตอนนี้จางเถี่ยคงรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อยล่ะมั้ง? ความร้ายกาจของ ‘เคล็ดวิชาด้วง’ เกินกว่าที่เด็กอย่างพวกเขาจะจินตนาการได้’ หานลี่เดินพลางคิดพลาง ทั้งยังเอาขาเตะไปที่กิ่งไม้และใบไม้ที่ล่วงหล่นมาอย่างใจลอย
“เดี๋ยวรอสักสองสามวัน พวกเขาจะไปขอร้องท่านหมอม่อให้จางเถี่ยได้ฝึกเคล็ดวิชาอื่นเพื่อไม่ให้เขาต้องทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้” หานลี่คิดเช่นนั้น เขาอยากจะช่วยเพื่อนคิดหาหนทางหลุดพ้นออกจากเส้นทางแห่งความลำบากนี้
หานลี่เงยหน้าขึ้นมองต้นไม้สองข้างทาง ในเวลานี้คือปลายฤดูใบไม้ร่วง กิ่งไม้ดูโล้นไม่มีใบไม้หลงเหลืออยู่ ส่วนตามทางก็มีกิ่งไม้และใบไม้แห้งทับถมกันเป็นชั้นๆ เวลาเดินแล้วรู้สึกไม่สบายตัว
เวลานี้ก็มีเสียงกระทบกันของอาวุธและบางครั้งก็ได้ยินเสียงโห่ร้องสลับเข้ามาเป็นระยะๆ ดังมาจากยอดเขาที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหานลี่ก็หันไปมองที่ยอดเขานั้นอีกครั้งจากที่อารมณ์ดีก็เปลี่ยนเป็นแย่ลงอีก
มันคือการฝึกฝนการต่อสู้ของศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ของหอร้อยวิชา
ทุกครั้งที่ได้เห็นภาพศิษย์คนอื่นๆ ฝึกดาบและกระบองด้วยกัน เขาก็รู้สึกเศร้าใจเพราะเขาก็อยากมีโอกาสได้แกว่งดาบแกว่งกระบองเหมือนคนอื่นบ้าง แต่ที่น่าเสียดายคือหลังจากที่เขาเข้าเป็นศิษย์ของท่านหมอม่อ ท่านหมอม่อก็ห้ามไม่ให้เขาจับต้องอาวุธเหล่านั้นและยังไม่อนุญาตให้เขาฝึกวิทยายุทธ์กับอาจารย์ท่านอื่นเพราะกลัวว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการฝึกบทท่องนิรนามขั้นต่อไป
ดังนั้นหานลี่จึงทำได้แค่มองด้วยสายตาที่อิจฉา แต่บางครั้งเขาจะแอบไปหาเพื่อนสองสามคนที่รู้จักที่นั่นเพื่อไปยืมดาบยืมกระบี่มาร่ายรำสักสองสามท่าแก้ขัดไป
จริงๆ นะ เขาไม่เข้าใจว่าฝึกบทท่องนี้แล้วมีอะไรดี? จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นประโยชน์ของมัน ศิษย์คนอื่นๆ ที่เข้ามาพร้อมกันตอนนี้ฝีมือยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกวัน วิทยายุทธ์ก็รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวเขานั้นเหมือนจะคืบหน้าแค่เล็กน้อยแทบดูไม่ออกเลยว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง
แม้แต่จางเถี่ยที่เริ่มฝึก ‘เคล็ดวิชาด้วง’ แค่สองเดือนก็ดูเปลี่ยนแปลงไป เขาเริ่มมีกล้ามเนื้อที่แน่นขึ้น พละกำลังก็มากกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก
แต่ถ้าไม่ใช่ว่าท่านหมอม่อรับเขาเข้ามา เขาก็ไม่มีทางผ่านบททดสอบของศิษย์ในนามเมื่อสองเดือนที่แล้วได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะได้อยู่ในสำนักและส่งเงินมากมายกลับไปที่บ้าน
เอาเหอะ ถ้าไม่ให้ฝึก เขาไม่ฝึกก็ได้!
หานลี่บ่นไปก็ปลอบใจตัวเองไป
หานลี่ละสายตาออกจากยอดเขาไกลๆ ตรงนั้น แต่ในใจยังคงบ่นพึมพำ สีหน้าดูเลื่อนลอย สายตาที่ไม่มีแววของเขากำลังจ้องไปที่สองข้างทางและเขาก็ไม่รู้ว่าเขากำลังมองหาอะไร
ทันใดนั้นหานลี่ก็ใจหายวาบ สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขาทรุดตัวลงนั่งเอาสองมือกดที่นิ้วโป้งเท้าขวาอย่างแน่น จากนั้นก็นอนพิงที่พงหญ้าด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บปวดรุนแรงที่พวยพุ่งออกมาทำให้หานลี่ล้มลงในทันที ใบหน้าของเขาเริ่มซีดลง ความเจ็บเหมือนจะขาดใจก็ถูกส่งจากนิ้วโป้งขึ้นมาเป็นระยะ
ดูเหมือนว่าเขาจะเตะไปโดนก้อนหินที่แข็งมากในกองใบไม้ที่ทับถมอยู่
หานลี่ก้มตัวลงจับข้อเท้าตัวเอง ขณะที่มองลงไปที่รองเท้าผ้าที่เขาสวมใส่จากนั้นก็เป่าลมแรงๆ ไปตรงบาดแผลที่นิ้วเท้า ในใจเขาก็เป็นกังวลว่าจะบาดเจ็บร้ายแรงไหม แล้วนิ้วหัวแม่โป้งจะเลือดคั่งจนบวมไหม เขากลัวว่ามันจะส่งผลต่อการเดินในชีวิตประจำวันของตัวเขาเอง
ผ่านไปสักพักใหญ่หานลี่ถึงได้คลายความเจ็บปวดลง เขาเงยหน้าขึ้นมองดูกองใบไม้บริเวณนั้น อยากจะหาต้นเหตุที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้
ใบไม้ที่ร่วงอยู่รอบๆ บริเวณนั้นล้วนแต่เป็นสีเดียวกันหมด สีเหลืองส้ม ทำให้เขาไม่สามารถหาต้นตอที่ต้องการจากกองใบไม้ที่ยุ่งเหยิงนี้ได้
หานลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาใช้มือคลำไปบนพื้นอยู่สองสามครั้งหยิบกิ่งไม้ที่ค่อนข้างยาวขึ้นมาค้ำตัวเองไว้ เขาเขย่งปลายเท้าและค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง
จากนั้นเขาก็ใช้กิ่งไม้ในมือออกแรงเขี่ยบริเวณรอบๆ กองใบไม้หนาๆ นั้นอย่างไม่ยอมแพ้
เอ๊ะ! เขาเขี่ยไปเจอสิ่งของที่มีขนาดเท่ากำปั้น
หานลี่เพ่งพินิจอย่างละเอียดไปที่ตัวการที่ทำให้เขาเจ็บเจียนตายได้เช่นนี้ มันคือสิ่งของที่มีขนาดกลมคล้ายขวดมีคอที่ยาว รอบๆ ขวดเหมือนมีดินติดอยู่เต็มไปหมดจนเปลี่ยนเป็นสีเทาเข้มทำให้ดูสีเดิมของมันไม่ออกเลยสักนิด
ตอนแรกหานลี่คิดว่าเป็นแจกัน แต่เมื่อนำขึ้นมาถือดูกลับพบว่ามันหนักมาก
ทำขึ้นจากโลหะสินะ? ไม่แปลกที่ขนาดไม่ใหญ่แต่กลับทำให้เท้าของเขาเจ็บได้มากขนาดนี้ แต่ขวดที่ทำจากโลหะมักจะพบเห็นได้น้อยมาก
ตอนนี้หานลี่เริ่มสนใจในขวดเล็กๆ ใบนี้จนลืมความเจ็บปวดที่เท้าไปจนหมด
เขาใช้มือปัดดินออกจากตัวขวดเผยให้เห็นสีเขียวมรกตดูสวยงาม บนขวดยังปรากฎลวดลายใบไม้สีเขียวเข้มที่งดงามและบนปากขวดมีฝาเล็กๆ ปิดอยู่
ไม่ใช่ว่ามีอะไรใส่ไว้อยู่ข้างในหรอกนะ เขาเอาหูแนบขวดใบนั้นจากนั้นก็เริ่มเขย่าเบาๆ แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรขยับอยู่ในนั้น
เขาเอามือวางไว้บนฝาขวด จากนั้นก็ออกแรงบิด แต่เขากลับบิดไม่ออก
หานลี่ยิ่งสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่กำลังจะบิดใหม่อีกครั้ง ทันใดนั้นเท้าของเขาก็เริ่มเจ็บขึ้นมาอีก
แย่แล้ว! เขาลืมได้ไปได้ยังไงว่าเท้าของเขายังมีบาดแผลที่เกิดจากเจ้าสิ่งนี้อยู่
บาดเจ็บเช่นนี้สงสัยเขาจะไปหาจางเถี่ยไม่ได้เสียแล้ว กลับที่พักไปใส่ยาก่อนแล้วค่อยๆ พิจารณาขวดใบนี้ใหม่อีกครั้งแล้วกัน
คิดได้อย่างนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นหานลี่จึงเอาขวดสอดเข้าไปในเสื้อของเขาโดยไม่รังเกียจว่ามันสกปรก จากนั้นก็หันหลังเดินกะเผลกๆ กลับไป