ตอนที่ 11 ขวดที่เปิดไม่ออก
ระหว่างทางที่เดินกลับมาหานลี่แทบจะไม่เจอใครเลย มีแค่ศิษย์พี่เดินผ่านสองสามคนเห็นเขาเดินกะเผลกๆ ก็รู้สีกสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจศิษย์น้องอย่างเขาเท่าไหร่นัก
พอกลับมาถึงที่พัก เท้าของเขาก็ยิ่งเจ็บมากขึ้น หานลี่รีบลงไปนั่งข้างขอบเตียงและค่อยๆ ถอดรองเท้าถุงเท้าออกดูบาดแผล
บวมอะไรขนาดนี้! นิ้วหัวแม่โป้งเท้าขวาของเขาบวมเป่งขึ้นมา ผิวบริเวณบาดแผลแดงอย่างเห็นได้ชัดเหมือนพริกแดงเม็ดใหญ่ๆ
หานลี่ยื่นมือไปทางหมอนไม้บนเตียงของเขาและดึงขวดยาสมุนไพรเล็กๆ ออกมาจากข้างใต้นั้น นี่คือยาสมานแผลที่ท่านหมอม่อปรุงขึ้นมาพิเศษมีสรรพคุณแก้ช้ำเลือด ลดบวมหรือแม้แต่ห้ามเลือด กว่าเขาจะได้สมุนไพรขวดนี้มาก็ต้องไปอ้อนวอนท่านหมอม่ออยู่หลายครั้ง เดิมตั้งใจจะให้จางเถี่ยเอาไว้ใช้เมื่อได้รับบาดเจ็บจากการฝึก ‘เคล็ดวิชาด้วง’ คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะต้องมาใช้เสียก่อน
ทันทีที่เปิดขวดออกกลิ่นหอมของสมุนไพรก็ตลบอบอวนไปทั่วทั้งห้อง เขาเอายาทาลงบนนิ้วเท้าที่บวมปูดเบาๆ จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นที่ซึมเข้าไป ไม่เสียแรงที่เป็นยาสูตรพิเศษของท่านหมอม่อแค่แปบเดียวก็เห็นผล ฝีมือของท่านหมอม่อนั้นล้ำเลิศจริงๆ!
จากนั้นหานลี่ก็หาผ้าสะอาดมาพันรอบนิ้วเท้าที่บาดเจ็บ แล้วค่อยสวมรองเท้าและถุงเท้าใหม่อีกครั้ง
อืม! ดีขึ้น เจ็บน้อยลงกว่าเดิมเยอะเลย
เขาเดินก้าวเท้าเล็กๆ ไปมาช้าๆ อยู่สองสามก้าวและรู้สึกพอใจกับการทำแผลของตัวเอง
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องจัดการกับขวดลึกลับนั่นเสียที ขวดที่เป็นตัวการที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
หานลี่เอามือคลำขวดที่อยู่ในเสื้อแล้วก็ไปหาผ้ามาเช็ดให้มันสะอาด และตอนนี้สภาพเดิมของมันก็ได้ถูกเผยให้เขาได้เห็น
ขนาดของขวดนี้ไม่ได้ใหญ่ แค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถจับมันอยู่ ยังเล็กกว่าขวดยาสมุนไพรของเขาเล็กน้อย โดยรวมแล้วขวดจะเป็นสีเขียวอ่อนๆ บนผิวจะแต้มด้วยลวดลายสีเขียวเข้ม ลวดลายนั้นจะเป็นทรงใบไม้มองดูราวกับมีชีวิตและเมื่อสัมผัสจะให้ความรู้สึกนูนขึ้นมาเหมือนกับเอาใบไม้จริงติดเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
เขาใช้มือลองชั่งน้ำหนักขวดใบนั้น อืม หนักเลยทีเดียว แต่ว่าของสิ่งนี้เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้ทำจากโลหะที่เขารู้จัก และก็ไม่น่าจะใช่เครื่องลายครามชนิดที่เขารู้จักด้วย เพราะว่าเมื่อใช้มือสัมผัสไปบนผิวก็ไม่มีความรู้สึกเย็นๆ เหมือนโลหะทั่วไป และก็ไม่มีลวดลายเกลี้ยงเกลาเหมือนเครื่องลายคราม
หานลี่พิจารณาอยู่สักพักถึงได้แน่ใจว่าขวดใบนี้ทำมาจากวัสดุชนิดหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก สีเขียวอ่อนๆ นี้ก็ดูท่าว่าจะเป็นสีธรรมชาติ เป็นสีเดิมของวัสดุที่นำมาทำไม่เหมือนเอามาย้อมแต่งสีภายหลัง
ขณะที่กำลังนั่งจ้องฝาขวดที่ถูกปิดอย่างมิดชิดอยู่นั้น หานลี่ก็ตัดสินใจที่จะคลายความสงสัยของตัวเอง คิดได้อย่างนั้นเขาจึงรีบเปิดขวดออก
เขาเอามือวางไว้บนฝาขวด จากนั้นก็เริ่มออกแรงบิดอีกครั้ง
หนึ่ง สอง สาม...ฝาขวดและตัวขวดเหมือนจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกันเสียอย่างนั้น เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่ขยับเลยสักนิด ฝาขวดก็ไม่มีทีท่าว่าจะถูกเปิดออก
หานลี่รู้สึกตกใจ ตอนที่เขาเพิ่งเก็บขวดนี้ได้ เขาเปิดขวดไม่ออกเนื่องจากตอนนั้นเขามัวแต่กังวลเรื่องบาดแผลเลยไม่ได้ออกแรงเต็มที่ แต่ครั้งนี้เขาได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีในการเปิดมันคิดว่ามันจะง่ายขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าก็ยังไม่สามารถเปิดมันออกได้
หานลี่พยายามเปิดขวดติดต่อกันสิบกว่าครั้ง จนรู้สึกว่าไหล่ทั้งสองปวดไปหมด แต่ก็ยังไม่สำเร็จเขาเลยหยุดความพยายามลงไว้เพียงแค่นั้น
เขาแกว่งแขนไปมา ขยับๆ ข้อมือ เมื่อกี้ออกแรงเยอะเกินไปเลยทำให้ปวดเล็กน้อย
เขายกขวดขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง น่าเสียดาย! เขากลับไม่พบกลไกลับใดๆ อยู่บนนั้น
หานลี่เริ่มกลุ้มใจ ถ้าไม่เปิดฝาออกแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรอยู่ในนั้น? แล้วถ้ามีจริง ลักษณะขวดนี้ก็แปลก ทั้งยังถูกปิดอย่างมิดชิด ข้างในต้องเป็นของล้ำค่ามีราคาเป็นแน่
หานลี่ใช้มือจับขวดแน่น จ้องเข้าไปในขวด นั่งเหม่ออยู่สักพัก เขาตัดสินใจที่จะให้คนที่มีกำลังมากกว่าเขาเป็นคนลองเปิดดูดีกว่า จะเป็นใครไม่ได้นอกจากจางเถี่ย จางเถี่ยในตอนนี้สามารถแบกถังน้ำได้เกือบสิบถังโดยใช้มือแค่ข้างเดียว ทั้งยังสามารถเดินขึ้นลงเขาได้อย่างว่องไว แม้แต่ถังน้ำใหญ่ในหุบเขาก็ล้วนเป็นฝีมือของจางเถี่ยที่ตักน้ำมาใส่ตรงเวลาทุกวัน
คิดได้เช่นนั้นหานลี่จึงเดินเข้าไปรอจางเถี่ยที่ห้องของเขา ในใจก็หวังจะให้จางเถี่ยรีบกลับมาโดยไว
การรอคอยมันช่างแสนทรมานเสียจริง หานลี่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ถึงได้ยินเสียงจางเถี่ยพลักประตูดัง ‘เอี๊ยด’ เข้ามา
เมื่อเงยหน้าขึ้นหานลี่ก็เห็นจางเถี่ยสวมเสื้อสีเขียวบางๆ เขาเดินเข้ามาด้วยเหงื่อที่ไหลอยู่เต็มตัว หานลี่รู้ว่านี่คือสภาพที่เขาเพิ่งจะฝึกวิชาเสร็จก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
จางเถี่ยเมื่อได้เห็นหานลี่อยู่ในห้องของเขาก็อึ้งอยู่เล็กน้อย ไม่ต้องรอให้จางเถี่ยเอ่ยปากพูดอะไร หานลี่ที่รอจนทนไม่ไหวก็รีบส่งขวดไปให้จางเถี่ยดู
“พี่จาง ช่วยข้าหน่อย ช่วยเปิดขวดใบนี้ให้ข้าหน่อยได้ไหม?”
“เจ้าไปเอามาจากไหนกัน? ดูท่าทางสวยดีนี่!” จางเถี่ยอึ้งอยู่สักครู่ก็รับขวดขึ้นมาดู
กึก! กึก! กึก!
“เฮ้ย! ขวดใบนี้มันช่างแน่นเสียจริง เปิดยากมาก! สรุปว่ามันทำมาจากอะไรกันแน่เนี่ย?” จางเถี่ยไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบรับขวดมาแล้วก็ใช้สองมือออกแรงเปิดมัน แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดมันออกได้
“ไม่ไหว ข้าเปิดไม่ออก เช่นนั้นเจ้าลองไปให้ศิษย์พี่คนอื่นลองช่วยดูไหม?” จางเถี่ยหันไปส่ายหน้าขอโทษหานลี่พร้อมเสนอคำแนะนำให้กับเขา
“เจ้าก็เปิดไม่ได้หรือ?” หานลี่ร้อนรนเดินวนไปวนมาในห้องไม่หยุด
“เฮ้ย! ขาเจ้าเป็นอะไรเนี่ย?” จางเถี่ยเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าหานลี่เดินไม่ปกติ
“ไม่มีอะไร ข้าแค่เดินไปเตะถูกก้อนหินก็เท่านั้น” หานลี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่อยากบอกความจริงเรื่องขวดกับจางเถี่ย หรือเขาอาจจะแค่อยากเก็บเรื่องที่เกี่ยวกับขวดนี้ไว้เป็นความลับเล็กๆ ของเขา
เวลานี้ในใจของเขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากและก็ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับจางเถี่ยในตอนนี้ เขาแค่ถามความคืบหน้าของการฝึกวิชาแล้วก็ออกจากห้องไป เตรียมตัวกลับไปคิดหาวิธีแก้ไขปริศนานี้ใหม่
กลับมาถึงห้องของตัวเอง หานลี่ก็รีบเอาขวดวางไว้บนโต๊ะ ส่วนเขาก็เอาคางเกยไว้อีกด้านนึงจ้องเขม็งเข้าไปที่ขวดใบนั้น ในขณะเดียวกันสมองของเขาก็กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อคิดหาวิธีที่จะเปิดขวดออกมาให้ได้