บทที่ 12

ตอนที่ 12 ทำลายขวด

ตึง! หานลี่กำมือทั้งสองไว้แน่นแล้วเอากำปั้นข้างหนึ่งทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง

‘หาอะไรมาทุบขวดให้แตกสิ’ นี่คือการตัดสินใจหลังจากที่เขาได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ต้องใช้กำลังในการเปิดมันออก นี่คือสิ่งที่เขาคิดไว้ตั้งแต่ต้น แม้มันจะไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่นัก

ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะง่ายและได้ผล แต่เมื่อคิดว่าขวดที่สวยงามและพิเศษเช่นนี้จะต้องมาแตกไป หานลี่ก็รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ถ้ามีวิธีอื่นที่ดีกว่า หานลี่ก็ไม่มีทางใช้วิธีการที่รุนแรงเช่นนี้แน่

ให้เขาไปหาศิษย์พี่คนอื่นช่วยบางทีอาจจะเปิดมันออกได้ แต่ในใจลึกๆ ของหานลี่แล้ว เขากลับมองว่ามันคือสิ่งของล้ำค่าของเขาไปแล้วโดยไม่รู้ตัว และเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกทั้งคนที่อยู่บนเขาทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของได้ทั้งนั้น ถ้าหากว่าพวกนั้นรู้ว่าขวดนี้อยู่กับเขาแล้วจะมาเอาคืนไปจะทำอย่างไร? ขวดใบนี้ทั้งสวยทั้งน่าสนใจ เขาคงรู้สึกเสียดายมากที่จะต้องคืนมันกลับไป

ตอนนี้หานลี่มีความสงสัยสิ่งลึกลับในขวดเป็นอย่างมาก และถึงแม้เขาจะรู้ว่าบางทีอาจจะไม่มีอะไรอยู่ในนั้นก็เป็นได้ แต่เขาก็ยอมที่จะเสี่ยงดูสักครั้ง เสี่ยงที่จะได้รู้ว่าข้างในนั้นใส่อะไรไว้ซึ่งมันน่าสนใจยิ่งกว่าลวดลายบนขวดนั้นเสียอีก

ยิ่งคิดได้ดังนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกอยากรู้ให้ได้

และถ้าเขายังไขปริศนาว่าในขวดมีอะไรอยู่ไม่ได้ล่ะก็ คืนนี้เขาต้องนอนไม่หลับเป็นแน่

คิดได้เช่นนั้น หานลี่จึงแอบเข้าไปในห้องเก็บของ เขาหยิบค้อนที่ค่อนข้างหนักออกมาจากกองเครื่องมือและนำมันมาไว้ในห้องของเขา

เมื่อกลับเข้ามาในห้อง เขาหาก้อนอิฐแตกๆ เจอที่มุมหนึ่งของห้อง และพยายามมองหาพื้นที่ที่ค่อนข้างเรียบภายในห้องแล้ววางก้อนอิฐลงบนนั้น จากนั้นจึงบรรจงเอาขวดวางเป็นแนวนอนทับบนก้อนอิฐนั้น

มือขวาของหานลี่ยกค้อนขึ้น หัวค้อนหยุดค้างอยู่กลางอากาศเล็กน้อยก่อนที่จะลงไปกระทบกับส่วนที่นูนที่สุดของขวดนั่นก็คือบริเวณส่วนล่าง

ปึง!

เพราะเขากลัวว่าจะออกแรงมากเกินไป อาจจะไปตีถูกของที่อยู่ข้างในจนแตกได้ ดังนั้นครั้งแรกเขาจึงออกแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

‘ปึง!’ เขาออกแรงมากขึ้น

‘ปึง!’ พยายามมากขึ้นอีก

‘ปึง!’ และมากขึ้นอีก

‘ปึง!’ เขาตีสุดแรง

หานลี่ออกแรงมากขึ้นและมากขึ้น เขาออกแรงเหวี่ยงแขนกว้างมาก ค้อนกระทบลงไปบนก้อนอิฐเร็วขึ้นและเร็วขึ้นในแต่ละครั้ง ถึงขนาดครั้งสุดท้ายทุบจนครึ่งขวดจมเข้าไปในก้อนอิฐ แต่ขวดกลับยังอยู่ในสภาพเดิมไม่มีร่องรอยถูกทุบใดๆ

หานลี่ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อจึงเอามือคลำบริเวณที่ถูกค้อนทุบอีกครั้ง ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ บนนั้น ขวดสีเขียวยังอยู่ในสภาพเงาวาวเหมือนเดิม

นี่มันเหนือความคาดหมายของหานลี่จริงๆ

ตอนนี้หานลี่ถึงแน่ใจแล้วว่าขวดใบนี้ไม่ใช่ขวดธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่จะมีใครเอามาทิ้งไว้ เป็นไปได้ว่าต้องมีคนไม่ระวังแล้วทำตกไว้แน่ๆ ไม่แน่ว่าตอนนี้เจ้าของอาจจะกำลังพลิกเขาตามหาขวดใบนี้อยู่ก็ได้ และถ้าหากว่าเขาอยากจะเก็บมันเอาไว้ ก็ต้องรักษามันไว้ให้ดีจะให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด

ในความคิดของหานลี่คือแค่ไม่ไปขโมยหรือแย่งจากใครก็ถือว่าเราเป็นเจ้าของและของสิ่งนี้เขาก็เป็นคนเก็บได้ แน่นอนว่ามันต้องเป็นของเขา ถ้าเป็นของธรรมดาทั่วไป บางทีเขาอาจจะเอาไปคืนเจ้าของแล้วก็ได้ แต่ขวดนี้ช่างลึกลับน่าสนใจ สงสัยว่าจะเป็นของศิษย์ที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์หรือไม่ก็ผู้มีตำแหน่งในสำนัก หานลี่ไม่ค่อยประทับใจกับคนทั้งสองประเภทนี้เอาเสียเลย

ครอบครัวของหานลี่ยากจนตั้งแต่เขายังเล็ก ทุกคนก็จะทำงานหัวหมุนกันทั้งวัน ข้าวแต่ละมื้อก็กินไม่เคยอิ่ม แต่ในสำนักสัตตทมิฬ เขามักจะพบเห็นคนสองประเภท ประเภทแรกคือคนที่ใช้เงินมือเติบ กินทิ้งกินขว้าง (ศิษย์ของสำนักสัตตทมิฬถ้าไม่อยากกินอาหารทั่วไปก็สามารถที่จะจ่ายเงินรับอาหารที่ดีกว่าได้) ใช้เงินเหมือนเบี้ย ทุกครั้งที่เป็นเช่นนั้นหานลี่จะรู้สึกไม่สบายใจ บวกกับที่คนเหล่านั้นมักไม่เคยเห็นศิษย์ที่มาจากครอบครัวจนๆ อย่างพวกเขาอยู่ในสายตาจึงมักใช้ถ้อยคำดูถูก ถึงขนาดกระทบกระทั่งจนทะเลาะกันอยู่หลายครั้ง หานลี่ก็เคยมีส่วนร่วมอยู่ครั้งหนึ่ง แต่น่าเสียดายเพราะเขาถูกศิษย์ตระกูลใหญ่ที่ฝึกยุทธ์เหล่านั้นชกเข้าให้จนจมูกช้ำหน้าบวม ออกไปพบใครไม่ได้ ต้องพักผ่อนอยู่หลายวันถึงจะกลับคืนสู่สภาพเดิม

อีกประเภทคือคนที่มีฐานะและตำแหน่งบนเขาลูกนี้ซึ่งก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์ดีๆ ให้เขาได้เห็นสักเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่เห็นผู้คุมกฎรับเงินสินบนของลุงสาม ไปจนถึงอู่เหยียนที่พึ่งบารมีของรองเจ้าสำหนักหม่าเข้าหอชีเจวี๋ย ถึงแม้ว่าเขาไม่ค่อยได้เห็นคนใหญ่คนโตมากนัก แต่ภาพลักษณ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เด็กคนหนึ่งเคยจินตนาการไว้ มันได้ถูกทำลายหายไปเกือบหมดแล้ว

ดังนั้นสิ่งของที่คนเหล่านั้นทำตกไว้ หานลี่ไม่เพียงแต่จะไม่คืน เขายังคิดแกล้งเอาไปซ่อนอีกด้วย

คิดมาถึงตรงนี้ หานลี่จึงรีบหยิบถุงเล็กๆ ที่แขวนอยู่ที่คอของเขาออกมา เมื่อตอนที่เขาออกจากบ้าน แม่ของเขาได้เอาหนังสัตว์มาเย็บเป็นถุงใบนี้ให้โดยเฉพาะ สามารถกันน้ำกันชื้นได้ แม่เย็บให้เพื่อใส่ยันต์คุ้มภัยที่ทำมาจากเขี้ยวหมูป่า หวังจะให้ช่วยปกป้องเขาให้ปลอดภัยไม่เจ็บไม่ไข้

หานลี่เปิดปากถุงออก เขานำขวดและยันต์ใส่เข้าไว้ด้วยกันแล้วค่อยดึงปากถุงให้แน่น จากนั้นจึงเอาถุงไปแขวนไว้ที่คอดังเดิม

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็มองไปรอบๆ ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น เขาจึงยืดอกขึ้นเล็กน้อยและใช้มือลูบบริเวณที่ถุงแขวนอยู่ เขาคิดว่าแบบนี้จะไม่ดึงดูดความสนใจของใครอีก

เวลานี้เขาถึงได้รู้สึกวางใจขึ้นและไม่กลัวว่าเจ้าของจะมาค้นเจอและเอากลับไปได้

หานลี่นำค้อนกลับไปคืนไว้ที่เดิมเงียบๆ และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปเดินมาในหุบเขาเสินโส่วอยู่สักพักจนความมืดปกคลุมไปทั่วเขาถึงได้ลากขาที่บาดเจ็บของเขากลับเข้าห้องไป