บทที่ 21

ตอนที่ 21 ยาระงับปวด

เปลือกตาของศิษย์พี่ลี่สั่นคลอน ดูออกเลยว่าความคิดของเขากำลังสู้กันอย่างดุเดือด

ผ่านไปสักครู่เขาลืมตาขึ้น แววตาที่บ้าคลั่งจ้องยาที่อยู่บนมือของหานลี่ไม่วางตา

หานลี่นิ่งเงียบ นำยาใส่เข้าไปในปากและมองดูเขากลืนลงไป จากนั้นจึงค่อยๆ ถอนเข็มบนตัวเขาออกมาทีละเล่ม

หลักจากที่ถอนเข็มออกจนหมด ยาเม็ดนั้นก็เริ่มออกฤทธิ์ ใบหน้าที่ขาวซีดของศิษย์พี่ลี่เริ่มมีเลือดฝาดและกระจายไปทั่วหน้า ขณะนี้ร่างกายของเขาเริ่มกระตุก มือเท้าทั้งสองข้างเริ่มสั่นและมีเสียงครวญครางดังมาเป็นระยะ

เสียงร้องของศิษย์พี่ลี่เริ่มดังขึ้น ร่างกายก็กระตุกรุนแรงขึ้น ผ่านไปสักครู่ใหญ่ เสียงร้องถึงได้เบาลงจนเงียบหายไป

สีหน้าของเขาเริ่มกลับมาเป็นปกติ ตอนนี้ร่างกายเขาหยุดกระตุก ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่แสนทรมานนี้ได้จบแล้ว

ศิษย์พี่ลี่กลับมานั่งตัวตรง ขาขัดสมาธิและปิดตาลงอีกครั้ง เขานั่งเดินลมปราณอยู่นิ่งๆ ส่วนหานลี่ก็หาก้อนหินสะอาดนั่งลงมองดูเขาฟื้นคืนกำลังอยู่ด้านข้าง

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ศิษย์พี่ลี่ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น ชักดาบยาวข้างกายออกมา เขาขยับแขนแค่นิดเดียว คมมีดที่คมกริบก็พาดอยู่บนคอของหานลี่แล้ว

“บอกเหตุผลที่ข้าไม่ควรฆ่าเจ้ามา!” สายตาของศิษย์พี่ลี่ดูเยือกเย็นและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

“ข้าเพิ่งจะช่วยชีวิตท่าน เหตุผลนี้พอหรือไม่?” สีหน้าของหานลี่ยังสงบนิ่ง หางคิ้วกระตุกเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น

ใบหน้าของศิษย์พี่ลี่ดูผ่อนคลายลง แต่นัยน์ตาคู่นั้นยังจ้องหานลี่อย่างโหดเหี้ยม

“ก่อนที่จะช่วยท่านข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านอาจจะฆ่าข้าปิดปากเพื่อรักษาความลับไว้ แค่ข้าคิดไม่ถึงว่าท่านจะลงมือไวถึงเพียงนี้” ในที่สุดหานลี่ก็ฝืนยิ้มออกมา เผยสีหน้าเยาะเย้ยตัวเอง

“โธ่! รู้อยู่แล้วว่าช่วยเจ้าเท่ากับเป็นการหาเรื่องใส่ตัว แต่ข้าเป็นหมอ เห็นคนลำบากจะไม่ช่วยได้อย่างไร” หานลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ศิษย์พี่ลี่ได้ฟังดังนั้นก็มีสีหน้าตกใจ พร้อมขยับคมมีดออกเล็กน้อยแต่ก็ยังคาอยู่บนคอเขา

หานลี่แอบโล่งใจและน้ำเสียงก็นิ่งสงบขึ้น

“ท่านไม่ต้องกังวลว่าข้าจะบอกความลับนี้กับใคร ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้เป็นคนปากมาก ถ้าท่านไม่วางใจให้ข้าสาบานก็ได้ ท่านน่าจะดูออกว่าข้าไม่มีวรยุทธ์ ถ้าท่านพบว่าข้าผิดคำสาบานก็สามารถฆ่าข้าได้อย่างง่ายดาย” หานลี่เสนอความคิดเห็น

“อย่างนั้นเจ้าสาบาน” ศิษย์พี่ลี่พูดอย่างเด็ดขาด

แต่หานลี่ก็รู้สึกวางใจ แม้ว่าก่อนรักษาศิษย์พี่ลี่ สังเกตจากท่าทางแล้วไม่น่าเป็นคนลืมคุณคน แต่มันก็ไม่แน่ ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดล่ะ เขาก็จำเป็นต้องใช้วิธีปกป้องตัวเอง

หานลี่คิดมาถึงตรงนี้ ก็ขยับมือออกจากท่อนเหล็กในแขนเสื้อ

และหลังจากที่เขายกมือขึ้นสาบาน ในที่สุดศิษย์พี่ลี่ก็วางดาบลงและใส่กลับเข้าไปในฝัก

เขาเอามือคลำรอบคอ ปรากฎบาดแผลลึกจากดาบที่คมกริบ คลำแล้วรู้สึกเหนียว แผ่นหลังรู้สึกเย็นวูบคาดว่าจะมีเหงื่อออกอยู่ไม่น้อย

‘เกือบไปแล้วจริงๆ! ไม่ทันคิดให้รอบคอบ ต้องจำบทเรียนครั้งนี้ไว้ให้แม่น ไม่ว่าพูดยังไงข้าจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้อีก คนอื่นจะเป็นจะตายมันเกี่ยวอะไรกับข้า’ หานลี่คิดแล้วก็กลัว

‘ถ้าไม่ได้ประโยชน์และรับมือไหว ครั้งหน้าข้าจะไม่ยื่นมือช่วยเหลือใครอีก’ เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่

ผลลัพธ์ที่เขายื่นมือช่วยเหลือคนครั้งแรกส่งผลให้เขาไม่อยากช่วยเหลือใครถ้าไม่ได้รับประโยชน์ นิสัยเดิมที่มีความซื่อตรงถูกสลัดทิ้งไปจนหมด แม้ว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนที่ชั่วร้ายอะไร แต่ก็ห่างจากคำว่าผู้ใจบุญมีศีลธรรมอยู่อีกไกล

“ท่านผู้มีพระคุณได้ช่วยชีวิตข้าไว้ และยังตกลงจะรักษาความลับให้อีก ข้าลี่เฟยอวี่เป็นหนี้บุญคุณท่าน ตราบใดที่ข้ายังไม่ตาย ถ้าท่านมีอะไรให้ข้าช่วย มาหาข้าได้ทุกเมื่อ ถ้าข้าช่วยได้ ข้าจะช่วย” ศิษย์พี่ลี่กลับมามีสีหน้าเหมือนตอนอยู่บนหน้าผา เขาเก็บของที่หานลี่รื้อออกมากลับเข้าไปดังเดิม จากนั้นจึงมายืนเอ่ยชื่อเขาและคำสัญญาต่อหน้าหานลี่อย่างจริงใจ

“ข้าคงไม่มีธุระรบกวนท่านหรอก แต่ดูเหมือนท่านคงลำบากอยู่ไม่น้อยสินะ?” หานลี่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมถามกลับ

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ลี่เฟยอวี่อึ้งและแอบตกใจ

“ไม่ว่าใครก็ดูออก เจ้าเป็นแค่ศิษย์ผู้คุมกฎธรรมดาคนหนึ่ง และยังถูกกดอยู่ใต้หัวหน้าฝ่าย ผู้อาวุโสหรือแม้แต่ศิษย์รักของเจ้าสำนัก เจ้าจะมีความสุขได้อย่างไร!” หานลี่พูดแทงใจดำ

ลี่เฟยอวี่ทำหน้าเคร่งขรึมและนิ่งเงียบ

“เรื่องของท่านข้าไม่อยากยุ่งและยุ่งไม่ได้ แต่ความเจ็บปวดที่เกิดจากยาสลายกระดูก ข้าพอช่วยท่านได้”

“จริงหรือ?” ลี่เฟยอวี่ดูตื่นตัว ใบหน้าที่เคร่งขรึมเมื่อสักครู่หายไปและปรากฎความปีติดีใจขึ้นมาแทน เหมือนว่ายาสลายกระดูกจะสร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่น้อยเลยทีเดียว

“ข้าจะโกหกท่านทำไมกัน” หานลี่มองค้อนไปที่ลี่เฟยอวี่ แน่นอนว่าเขามีตัวยาบรรเทาอาการเจ็บปวด ยาที่เขาใช้เวลาว่างคิดค้นขึ้นมาให้จางเถี่ย มันสามารถลดความเจ็บปวดลงได้ดีทีเดียว

“ยอดเยี่ยมจริงๆ! เยี่ยมที่สุด!” ลี่เฟยอวี่ถูมือไปมาอย่างดีใจ สายตามองมาที่หานลี่ยังมีความหวัง

“ทำไมมองข้าด้วยสายตาอย่างนั้น ตอนนี้ตัวข้าไม่มียา ต้องกลับไปปรุงที่หุบเขาหัตถ์เทวาก่อน”

ลี่เฟยอวี่ได้ยินก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาเพิ่งจะใช้ดาบข่มขู่คนตรงหน้า แต่ตอนนี้กลับขอร้องให้เขาปรุงยาให้

“พรุ่งนี้เที่ยง เจ้ามารอข้าที่ประตูเข้าหุบเขาหัตถ์เทวา ปรุงยาเสร็จแล้วข้าจะเอาไปให้ ตอนนี้ท่านหมอม่อไม่อยู่ ข้าไม่สะดวกที่จะให้คนนอกเข้า” หานลี่พูดช้าๆ

“ตกลง ข้าจะไปตรงเวลา ขอบใจเจ้ามากจริงๆ สหาย” ลี่เฟยอวี่รีบตอบตกลง กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ

“ข้าชื่อหานลี่ เป็นศิษย์สายตรงของท่านหมอม่อ วรยุทธ์เจ้าสูงส่ง เรียกข้าว่าศิษย์น้องหานก็แล้วกัน”

หานลี่ได้ยินเขาเรียก ‘สหาย’ คำเรียกที่แสนสนิทสนม ก็รีบบอกชื่อตัวเองออกไป ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำที่ฟังแล้วชวนขนลุกกว่านี้ออกมา