ตอนที่ 20 ยาสลายกระดูก
ขณะนี้หานลี่ออกห่างจากหน้าผามาไกลพอสมควร แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่ สุดท้ายจะจัดการกับความขัดแย้งของเจ้าอ้วนหวังและจางจื่อกุ้ยอย่างไร ในตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยากสนใจ
แค่เขานึกถึงจินตงเป่าหน้าอึ้งๆ ยืนอยู่ที่เดิมก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ เวลานี้เขารู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย ความรู้สึกกลัดกลุ้มตอนอยู่ในหุบเขาก็หายไปแล้ว
เขาเดินผ่านป่าสนออกไปไกลขึ้นอีกจนพบลำธารเล็กๆ สายหนึ่ง
หานลี่แหงนหน้าขึ้นไปมองดวงอาทิตย์ที่ร้อนระอุบนท้องฟ้า และก้มลงมองน้ำใสที่ค่อยๆไหลในลำธาร เขาเลยคิดว่าได้ล้างหน้าสักหน่อยก็ไม่เลว
ขณะที่ก้มตัวลงใช้มือทั้งสองตักน้ำขึ้นมานั้น ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดลอยมาจากทางต้นน้ำ
หานลี่รู้สึกแปลกใจปนตกใจว่าทำไมที่ห่างไกลเช่นนี้ถึงได้มีคนอยู่
เขาเดินตามเสียงร้องขึ้นไปจนพบศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งกำลังก้มหน้าร้องโอดครวญอยู่ข้างลำธาร ร่างกายของเขาดูสั่นไปหมด
หานลี่ดูออกว่าศิษย์คนนี้ต้องมีอาการป่วยฉับพลันเป็นแน่ ถ้าไม่รีบรักษาอาจเป็นอันตรายได้
หานลี่ก้าวพรวดพราดเข้าไป เขาหยิบกล่องไม้จันทร์และหยิบเข็มเงินออกมาทีละอัน จากนั้นก็ปักเข้าที่จุดลมปราณบนหลังของเขาอย่างคล่องแคล่ว
หลังจากที่ปักเสร็จแล้ว เขาก็พลิกตัวชายคนนั้นขึ้นมาเพื่อที่จะปักจุดลมปราณบริเวณหน้าอก
หานลี่ถึงกับชะงักเมื่อได้เห็นว่าคนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายนี้คือ ‘ศิษย์พี่ลี่’ ผู้ที่เมื่อครู่เพิ่งจะประลองยุทธ์อยู่บนหน้าผา
หานลี่ตกใจอยู่สักพักก็รีบตรวจอาการของคนที่เขาเพิ่งได้พบเมื่อไม่นานมานี้
ศิษย์พี่ลี่ในตอนนี้ไม่เหลือสภาพที่ดูกล้าหาญสง่างามอีกต่อไป มีแค่สีหน้าที่แสดงความเจ็บปวด ปากก็พ่นฟองขาวๆ ออกมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเขาทรมานจนไม่มีสติหลงเหลืออยู่
หานลี่เรียกสติและไตร่ตรองอยู่สักพัก ก็นำเข็มที่อยู่ในมือปักไปตามร่างกายเขาหลายสิบเข็ม ขณะที่กำลังปักเข็มสุดท้าย เขาก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ การฝังเข็มก็ต้องแบกความรับผิดชอบอยู่ไม่น้อย
ขณะนี้ร่างกายของศิษย์พี่ลี่เต็มไปด้วยเข็ม ในที่สุดเขาก็ลืมตาและฟื้นคืนสติ
“เจ้าคือ...” เขาพยายามที่จะพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่ไม่มีแรงพอที่จะพูดต่อจนจบ
“ข้าเป็นคนของหุบเขาหัตถ์เทวา ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย รอให้ฟื้นกำลังก่อนดีกว่า ข้าทำได้แค่ให้ท่านฟื้นคืนสติ โรคของท่านประหลาดมากคงมีแค่ท่านหมอม่อที่จะช่วยได้ แต่น่าเสียดายที่ท่านหมอม่อไม่ได้อยู่บนเขาในตอนนี้” หานลี่จับชีพจรของศิษย์พี่ลี่พร้อมทั้งขมวดคิ้ว
“ยา...อยู่...” ใบหน้าของศิษย์พี่ลี่ดูร้อนรน ริมฝีปากสั่น เขาอยากจะยกมือขึ้นพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่สำเร็จ
“ในตัวท่านมียารักษาใช่หรือไม่?” หานลี่เหมือนจะเข้าใจความคิดของเขาจึงลองถามออกไป
“อืม...” ศิษย์พี่ลี่ทำหน้าโล่งใจและพยักหน้าให้กับเขา
หานลี่รีบค้นตัวเขาอย่างไม่เกรงใจ พบของจิปาถะมากมายหนึ่งและหนึ่งในนั้นมีขวดหยกสีขาวขวดเล็กอยู่ ขวดดูค่อนข้างมีราคา ซ้ำยังถูกปิดไว้อย่างมิดชิด ต้องเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้หาเป็นแน่
เขาหยิบขวดขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองศิษย์พี่ลี่ ใช่จริงด้วย เขามีท่าทางดีใจและกระพริบตาให้ไม่หยุด
หานลี่เปิดขวดออก น่าแปลกที่ไม่มีกลิ่นยาลอยออกมา แต่กลับเป็นกลิ่นคาวรุนแรงลอยออกมาแทน
หานลี่เมื่อได้กลิ่นคาวก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เขาเทยาเม็ดแดงออกมาอย่างระมัดระวัง เจ้าเม็ดกลมๆ ก็ดูสวยดี แต่ทำไมถึงได้สิ่งกลิ่นเหม็นเช่นนี้ออกมา ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
“ใช่ยานี้หรือไม่?” หานลี่ถามด้วยสีหน้านิ่งๆ
ศิษย์พี่ลี่ไม่มีแรงที่จะพูดออกมา เขาทำได้เพียงกระพริบตาให้
“ยาสลายกระดูกปรุงขึ้นจากสมุนไพรหายากสิบสามชนิด เม็ดยาจะออกสีชมพู มีกลิ่นคาวแปลกๆ กินเข้าไปจะช่วยเพิ่มกำลังในร่างกายโดยแลกกับอายุขัยของผู้ที่ใช้มัน ข้าพูดถูกต้องหรือไม่?”
หานลี่มองศิษย์พี่ลี่เขม็ง คำที่พูดออกไปแต่ละคำแฝงไปด้วยความมั่นใจ
ศิษย์พี่ลี่ได้ยินดังนั้นใบหน้าก็เริ่มซีดเผือดและดูกระวนกระวาย
“ยาขนานนี้เมื่อกินเข้าไป ต้องกินอีกทุกๆ ชั่วยามและจะต้องทรมานกับการถูกสลายกระดูกอย่างช้าๆ แต่ถ้าไม่ได้กิน ร่างกายจะเป็นอัมพาตจนเป็นอันตรายถึงชีวิต และแม้ว่าจะกินตามเวลาทุกครั้ง แต่ภายในสิบปีก็จะต้องใช้อายุขัยล่วงหน้าหมดจนตาย” หานลี่ยังคงพูดต่อไม่หยุด
“ท่านไม่ต้องบอกข้าหรอกว่ายานี้ไม่ใช่ยาสลายกระดูก” หานลี่หยุดแล้วพูดต่อ
ศิษย์พี่ลี่ได้ยินดังนั้น สีหน้าแสดงอาการหมดหวังเหมือนถูกเปิดเผยความจริง แต่แววตาก็ยังมีความรู้สึกตกใจและคาดคิดไม่ถึง
“ท่านคงแปลกใจสินะ ยาขนานนี้หาพบได้ยาก ทำไมข้าถึงรู้จักมันได้?” หานลี่ดูออกว่าเขาสงสัยจึงเปลี่ยนมาพูดถึงตัวเขาแทน
“ง่ายนิดเดียว เพราะข้าก็เคยกินยาขนานนี้เช่นกัน”
คำพูดหานลี่ทำให้ศิษย์พี่ลี่ยิ่งตกตะลึงมากขึ้น แต่ก็ยังแสดงสีหน้าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“วิธีการกินของข้าแตกต่างจากท่าน ทั้งหมดที่ข้ากินคือหนึ่งเม็ด ข้าเอามาแบ่งเป็นสิบส่วนทั้งหมดกินสิบครั้ง ทุกครั้งข้าจะเอามันมาเป็นตัวเร่งของยาตัวอื่น ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และเพราะว่ายาขนานนี้มีกลิ่นที่แปลกและแตกต่าง ดังนั้นข้าจึงจำมันได้แม่น เมื่อก่อนข้าคิดเสมอว่า นอกจากข้าคงไม่มีใครใช้ยาเฉพาะตัวนี้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าในสำนักยังมีอีกคน”
พูดจบ หานลี่ส่งสายตาที่ทั้งนับถือและสงสารไปยังศิษย์พี่ลี่
ศิษย์พี่ลี่หลับตาหลบจากสายตาของหานลี่คู่นั้น เขาหายใจถี่นั่นหมายความว่าตอนนี้เขายังรู้สึกสับสนอยู่
“ท่านกินยาตัวนี้มาหลายปีแล้วสินะ ถ้าตอนนี้ท่านไม่อยากกินมัน ข้าจะขอร้องให้ท่าหมอม่อปรุงยาให้ท่านใหม่ แม้ว่าไม่สามารถเรียกอายุขัยท่านกลับมาได้ แต่ก็ทำให้ท่านมีชีวิตได้อีกยี่สิบสามสิบปี แต่วรยุทธ์ของท่านข้าคงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าท่านยังฝืนกินมันต่อ ดูจากอาการแล้วข้าว่าท่านอยู่ได้ไม่เกินห้าหกปีนี้เป็นแน่ แน่นอนว่าในช่วงไม่กี่ปีต่อจากนี้วรยุทธ์ของท่านจะแข็งแกร่งขึ้นและเร็วกว่าที่ท่านคิดไว้มาก ในเมื่อท่านกล้ากินยาตัวนี้เข้าไป แสดงว่าต้องเป็นคนเด็ดเดี่ยวพอดู ร่างกายของท่านข้าให้ท่านเป็นคนตัดสินใจ สรุปแล้วยาตัวนี้ท่านจะกินหรือจะให้ข้าโยนทิ้ง?”