ตอนที่ 17 ศิษย์พี่ลี่ (1)
ท่ามกลางชายสองคนมีแสงดาบเงากระบี่หลากหลายกระบวนท่า อาวุธทั้งสองถูกร่ายรำเหมือนแสงจันทร์สาดส่อง บ่อยครั้งที่อาวุธทั้งสองกระทบกันจนแยกไม่ออกเลยทีเดียว
หานลี่มองดูสักพักอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แค่รู้สึกว่าทั้งสองต่อสู้กันอย่างวิเศษ ดูไม่ออกว่าอันไหนคือยอดวิชาหรืออันไหนไม่ใช่ ส่วนใครที่เหนือชั้นกว่า ศิษย์มือใหม่อย่างเขาไม่อาจเข้าใจได้
“ศิษย์น้องหาน เจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ท่านไหนในสำนัก เจ้าเก็บตัวออกมาวรยุทธ์ของเจ้าต้องล้ำหน้าไปไกลแล้วใช่ไหม?” เจ้าผู้รอบรู้อดไม่ไหวเอ่ยปากถามถึงท่านอาจารย์ของหานลี่ขึ้นมา
ศิษย์ฝ่ายในทุกคนของสำนักสัตตทมิฬ หลังจากที่ฝึกพื้นฐานที่หอร้อยวิชาสองปีก็จะถูกส่งให้กับผู้อาวุโสแต่ละคนเพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ เมื่อฝึกวิชาถึงขั้นสูงและจบการฝึกฝนจากอาจารย์ถึงจะได้รับตำแหน่งอยู่ในสังกัดนั้น
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ขั้นตอนของศิษย์ทั่วไป ถ้าหากว่าเป็นศิษย์ที่โดดเด่นในการทดสอบก็สามารถเข้าสู่หอสัตตสมบูรณ์ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านการฝึกอีกสองปี และอาจจะถูกเจ้าสำนักรับเข้าเป็นศิษย์ถ่ายทอดเคล็ดวิชาของสำนักให้เหมือนปลาหลี่กระโดดข้ามประตูมังกร* พอกระโดดหนึ่งครั้งกลับทะยานถึงสวรรค์
ช่วงเวลาฝึกขั้นพื้นฐานสองปี ถ้ามีคนที่แสดงออกโดดเด่นก็มีโอกาสที่จะถูกผู้อาวุโส หัวหน้าฝ่ายหรือผู้บูชาสนใจและรับเข้าเป็นศิษย์เอก ศิษย์เหล่านี้อาจไม่ดีเท่าการเป็นศิษย์เจ้าสำนัก แต่ก็ได้รับความสำคัญกว่าศิษย์ทั่วไปเยอะมาก
เจ้าผู้รอบรู้ได้ข่าวว่าหานลี่เพิ่งจะเก็บตัวออกมา อีกทั้งยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน เขาเลยเดาว่าหานลี่ต้องเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ตำแหน่งสูงสักท่านแน่ๆ และเขาก็อยากจะกระชับความสัมพันธ์
“เมื่อสองสามปีก่อนข้าก็เคยถูกผู้บูชาท่านหนึ่งสนใจรับข้าไว้เป็นศิษย์ ข้าขอไม่เอ่ยชื่อท่านอาจารย์แล้วกัน” หานลี่อ่านความคิดของศิษย์พี่ผู้นี้ออก เขาจึงแสดงท่าทางเขินอาย แต่กลับแฝงความโอ้อวดไว้ในคำพูด
“จริงหรือนี่ ศิษย์พี่หานช่างโชคดีเสียจริง ต่อไปคงมีตำแหน่งสูงอนาคตไกล ถ้าภายภาคหน้ามีโอกาสหวังว่าท่านจะช่วยสนับสนุนข้าน้อยด้วย” เจ้าผู้รอบรู้เห็นว่าหานลี่ไม่ยอมเปิดเผยชื่ออาจารย์ของเขา แต่ก็ไม่ได้สนใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้บูชาท่านไหนก็ยังเก่งกว่าอาจารย์เขาอยู่ดี และน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปกะทันหัน
“ศิษย์พี่หานดูแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคนที่ทำการใหญ่” เขายังคงประจบต่อเนื่อง
‘เด็กคนนี้ผิวก็คล้ำ หน้าตาก็ดูไม่ฉลาด ทำไมถึงมีผู้บูชารับเป็นศิษย์ ข้าฉลาดเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่มีอาวุโสท่านไหนต้องการข้ากันนะ?’ เจ้าผู้รอบรู้แอบกระซิบกับตัวเองอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับแสดงออกว่าเคารพนบนอบหานลี่มากขึ้น
หานลี่ได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเขา จากศิษย์น้องหานก็เปลี่ยนเป็นศิษย์พี่หาน ฟังแล้วก็ยิ่งน่าขัน
แต่หานลี่ไม่ได้คิดจะดูถูกเขาเลยสักนิด การประจบสอพลอเป็นแค่สัญชาตญาณของมนุษย์เท่านั้น ใครกันไม่อยากให้ตัวเองได้ดี ไต่เต้าให้สูงขึ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนตรงหน้านี้ที่ดูจากชื่อก็รู้ว่าเขาเป็นคนวางแผนรอบคอบ
ศิษย์คนนี้ต้องผิดหวังเสียแล้ว แม้ว่าเมื่อกี้สิ่งที่เขาพูดจะเป็นเรื่องจริง แต่ฐานะศิษย์ผู้บูชาของเขาเป็นแค่เปลือกนอก ไม่ว่าศิษย์คนไหนในสำนักสัตตทมิฬก็สามารถล้มเขาได้ คิดจะให้เขาเป็นที่พึ่งพิงเกรงว่าเจ้าจะหาผิดคนเสียแล้ว
หานลี่ฝืนยิ้มให้ตัวเองพร้อมกับฟังคำเยินยอของเจ้าผู้รอบรู้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปากก็ยังตอบรับเขาอยู่เป็นระยะ
“ศิษย์พี่หานวรยุทธ์ล้ำเลิศ ถ้าท่านยอมออกโรง ต้องจัดการเจ้าคนถือกระบี่ได้อย่างราบคาบแน่ๆ ถ้าศิษย์พี่...” เจ้าผู้รอบรู้ก็ยังพูดถ้อยคำน่าฟังอย่างไม่ขาดสายและยังคอยดูทีท่าของหานลี่อย่างระมัดระวัง
“เฮ้ย! แปลกจริง ศิษย์ผู้บูชาน่าจะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง แต่ทำไมข้าถึงดูวรยุทธ์ของคนคนนี้ไม่ออก จุดพระอาทิตย์ (ขมับ) ของเขาไม่เห็นจะนูนขึ้นมาและนัยน์ตาก็ไม่ฉายแววความฉลาดออกมา ทำไมเขาดูเหมือนคนที่ไม่มีวรยุทธ์เลยล่ะ?” เจ้าผู้รอบรู้ยิ่งมองยิ่งกลัดกลุ้ม
“รู้ผลแพ้ชนะแล้ว” หานลี่เปรยออกมาเบาๆ ขัดจังหวะความคิดของเขา
เจ้าผู้รอบรู้ถึงกับตกใจรีบหันกลับไปมองที่ลานประลอง
จริงด้วยตอนนี้ดาบกระเด็นไปด้านข้าง แขนข้างหนึ่งเต็มไปด้วยเลือด ส่วนอีกข้างก็กดบาดแผลเอาไว้ เขาโกรธหน้าเขียวเหมือนว่าไม่พอใจ ไม่แปลกหรอกที่เขาจะมีสีหน้าเช่นนั้นเพราะวรยุทธ์ของทั้งสองพอๆ กัน แค่ไม่ระวังตกหลุมพรางของอีกฝ่ายพลาดไปหนึ่งกระบวนท่าเลยทำให้เสียที
เจ้าผู้รอบรู้เห็นอย่างนั้น ใบหน้าแสดงออกว่าเสียใจ ปากก็บ่นพึมพำว่า “น่าเสียดาย”
“เกิดอะไรขึ้น เสียดายอะไรกัน” หานลี่มองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ข้างๆ มีคนคอยอธิบายให้ ถ้าไม่ถามออกไปก็คงรู้สึกผิดกับตัวเองยังไงชอบกล
“ถ้าเจ้าอ้วนหวังชนะการประลองรอบนี้ก็กินขาดสามแล้ว รอบสุดท้ายก็ไม่ต้องแข่งอีก เสียดายที่ไม่ชนะ!”
“อ๋อ!”
“แต่ไม่เป็นไร รอบสุดท้ายนี้คนที่จะออกมาคือคนที่มีวรยุทธ์สูงสุดในกลุ่มนี้ เพลงดาบสายฟ้าฟาดของเขาไม่มีใครเกิน สามารถบดหินตัดทองได้ ฮ่าฮ่า! ได้มาเห็นเพลงดาบของศิษย์พี่ลี่ ไม่เสียแรงที่ได้มา ไม่ว่าจางจ่างกุ้ยจะส่งใครขึ้นมา พวกเราก็เป็นฝ่ายชนะอยู่ดี” เจ้าผู้รอบรู้เริ่มแรกเหมือนจะเศร้าใจ แต่พูดไปพูดมาก็ตื่นเต้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น ดูเหมือนเขาจะมั่นใจในศิษย์พี่ลี่คนนี้มาก
“นี่มาถึงรอบสุดท้ายแล้วหรือ?” หานลี่โพล่งถาม เจ้าผู้รอบรู้คงคิดว่าศิษย์พี่หานนี่เป็นใครกัน? ฝ่ายตัวเองก็ไม่รู้จักอย่างนั้นหรือ?
เวลานี้ฝ่ายเจ้าอ้วนหวังปรากฎชายหนุ่มหน้าตาเคร่งขรึมเดินออกมา ในมือกุมดาบยาวส่องสว่างไปทั่ว เขาเดินตรงไปกลางลานประลอง จากนั้นก็หลับตาลงโดยไม่เอ่ยคำพูดใด
“ศิษย์พี่ลี่! ศิษย์พี่ลี่! ศิษย์พี่ลี่!”
เมื่อชายหนุ่มออกโรง ผู้คนรอบๆ ก็แสดงท่าทางตื่นเต้นพร้อมกับร้องตะโกนชื่อเขาออกมา ซ้ายทีขวาที ยิ่งเรียกยิ่งดัง เสียงโห่ร้องดังสะเทือนไปทั้งลานประลอง ขณะนี้แยกไม่ออกแล้วว่าศิษย์ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนมีแต่เสียงให้กำลังใจชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวออกมา
*ปลาหลี่กระโดดข้ามประตูมังกร หมายถึง ความสำเร็จในกิจการและความใฝ่ฝันที่กลายเป็นจริง