บทที่ 23

ตอนที่ 23 กระต่ายลองยา

หรืออาจจะเป็นเพราะโชคช่วย ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวูบลอยข้ามหัวของหานลี่ไป

เขารีบพุ่งตัวไปยังถุงที่ถูกโยนไปไกล ก้มตัวลงไปหยิบมันขึ้นมาเปิดออกอย่างคุ้นเคย และหยิบยันต์คุ้มภัยที่พ่อแม่ให้ไว้ออกมา

เมื่อแค่ได้สัมผัสยันต์คุ้มภัย ความรู้สึกที่บริสุทธิ์ก็ถูกส่งออกไปทั่วร่างกาย ความวุ่นวายใจเมื่อสักครู่หายไปจนหมด จิตใจกลับมาสงบลงอีกครั้ง อาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้กลับคืนสู่สภาพปกติ

ตอนนี้หานลี่ไม่ได้สนใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขา แต่กลับสนใจยันต์คุ้มภัยในมือแทน เขาใช้มือข้างหนึ่งลูบมันเบาๆ และมองเข้าไปอย่างไม่วางตา

ผ่านไปสักครู่ใหญ่ หานลี่ถอนหายใจ เขาหยุดลูบและละสายตาไปทางอื่น

หานลี่ไม่รู้เลยว่า สิ่งที่เกือบจะเอาชีวิตเขาไม่ใช่ ‘ธาตุไฟเข้าแทรก’ แต่เป็น ‘จิตมาร’ ของผู้ฝึกจิต ถ้าเขาไหวตัวไม่ทันและใช้สิ่งของมาเป็นตัวขจัดจิตมาร เกรงว่าต่อไปเขาอาจจะถูกจิตมารยึดครองและตกเข้าสู่ภวังค์ จากนั้นก็จะถูกเข้ายึดร่างจนตาย แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่เขาได้รู้หลังจากที่เข้าสู่วิถีการฝึกจิตแล้ว

หานลี่เดินลมปราณเพื่อดูความผิดปกติภายใน แต่กลับไม่พบปัญหาใด และสิ่งที่ทำให้เขายิ่งแปลกใจคือพลังของเขากลับเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะยังไม่สามารถฝึกได้ถึงขั้นที่สี่ แต่อีกนิดก็จะผ่านด่านสุดท้ายของขั้นที่สามได้สำเร็จ

หานลี่ยิ้มให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แต่เขาต้องรีบเก็บความตื่นเต้นไว้เพราะกลัวว่าจะส่งผลให้อารมณ์แปรปรวนจนธาตุไฟเข้าแทรกอีก และเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถผ่านพ้นอันตรายนี้ได้อีกครั้ง เขาจับถุงไว้แน่นเตรียมที่จะเก็บยันต์คุ้มภัยนั้นไว้ตามเดิม

“เฮ้ย!” หานลี่หันไปเห็นสิ่งที่เขาลืมมันไปนาน ‘ขวดลึกลับ’ ที่ถูกเก็บไว้มานานกว่าสี่ปี

หานลี่ลืมเรื่องของขวดนี้ไปเสียสนิท ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเหลือบไปเห็นเข้า เขาก็ยังคงนึกเรื่องนี้ไม่ออก

ความรู้และมุมมองของหานลี่ในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อสี่ปีก่อน เขาได้รับความรู้มากมายจากหนังสือที่ท่านหมอม่อรวบรวมไว้ และเฉลียวฉลาดมากขึ้นจากการท่องบทนิรนาม ในเวลานี้จากปรากฎการณ์ประหลาดที่เคยเกิดขึ้นกับขวด หานลี่รู้ได้ทันทีว่าขวดนี้ต้องเป็นสิ่งพิเศษหายากและมีอะไรที่แตกต่าง

สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือ ค้นหาสิ่งที่ซ่อนในขวดนี้ออกมาดูว่ามีประโยชน์กับเขาหรือไม่ จะเก็บไว้ในถุงแบบนี้อีกไม่ได้ มันน่าเสียดายเปล่าๆ

หานลี่หยิบขวดขึ้นมา แต่ไม่ได้เปิดมันออกทันที เขาใช้สายตาพิจารณาดูอีกครั้งว่าเมื่อก่อนเขาได้มองพลาดส่วนไหนไปบ้าง

แต่น่าเสียดาย หลังจากที่เขาได้มองดูอย่างละเอียดแล้วก็ไม่พบอะไรใหม่

หานลี่ไม่เสียเวลาอีก เขาเปิดมันออกและพบว่าหยดของเหลวสีเขียวมรกตนั้นยังคงอยู่ที่ก้นขวดเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากสี่ปีก่อนเลยสักนิด

หานลี่รู้ดีว่า ความลับของขวดนี้น่าจะอยู่ที่หยดสีเขียวเล็กๆ นี่เป็นแน่ และมันจะต้องมีสิ่งพิเศษที่เขายังไม่รู้ และเพื่อที่จะไขความลับนี้เขาจะต้องหาสัตว์เล็กๆ มาทำการทดลอง

ขณะนี้เป็นเวลาค่ำ ข้างนอกถูกปกคลุมด้วยความมืดจึงไม่สะดวกที่จะไปจับสัตว์กลับมา อีกทั้งเขาก็เหนื่อยจากความทรมานมาตลอดทั้งบ่าย และถึงจับสัตว์กลับมาได้ แต่แสงไฟสลัวเช่นนี้ ถ้ามองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงก็เท่ากับว่าเขาเสียเวลาเปล่าน่ะสิ!

หลังจากที่คิดอย่างรอบคอบแล้ว หานลี่จึงตัดสินใจเข้านอนและพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยทำการทดลองก็ไม่สาย หลังจากคืนนี้อาจจะมีสิ่งมหัศจรรย์รอเขาอยู่ก็เป็นได้ เขาหวังเช่นนั้นก่อนที่จะนอนหลับไป

เช้าวันต่อมา หลังจากที่หานลี่ตื่นขึ้นแล้ว เขาตรงไปยังห้องครัวนอกหุบเขากินอาหารเช้าที่แสนธรรมดา เมื่อตอนที่ท่านหมอม่ออยู่ ก็จะกำชับคนในครัวมาส่งอาหารให้ถึงข้างใน ด้วยบารมีของท่านหมอม่อ เขาก็จะยกอาหารของหานลี่เข้ามาด้วย แต่ตอนนี้ท่านหมอม่อไม่อยู่ในสำนักสัตตทมิฬ แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามา ทำให้หานลี่รู้สึกเอือมระอากับการประจบสอพลอของผู้ดูแลในครัว นี่แหละหนาข้อดีของการมีอำนาจ

หลังจากที่กินเสร็จ หานลี่ไม่ได้รีบร้อนออกจากห้องครัว แต่กลับมองหาผู้ดูแล เขาใช้เงินไม่กี่เหรียญแลกกับกระต่ายป่าขนเทาสองตัวกลับมายังหุบเขาหัตถ์เทวา

หลังจากที่กลับมาถึง หานลี่ก็จับกระต่ายมัดไว้ตรงลานกว้างในสวนสมุนไพร ให้กระต่ายได้รับไอแดด

รอจนกระต่ายเริ่มหมดแรงและกระหายจึงไปหาถ้วยใหญ่สีขาวมา จากนั้นก็หยดของเหลวสีเขียวจากขวดและใส่น้ำสะอาดตามลงไป

หยดสีเขียวขนาดเท่าเม็ดถั่วละลายเข้ากับน้ำจนมันเปลี่ยนเป็นสีเขียว ซึ่งน้ำสีเขียวๆ นี้ทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่พุ่งออกมาจากก้นบึ้งสู่หัวใจ

หานลี่ยกถ้วยมาตรงหน้ากระต่ายที่กระหายและวางมันลงข้างๆ

พวกกระต่ายที่ถูกแดดเผาจนปากแห้งก็รีบตรงมาอยู่ที่ขอบถ้วยและกินน้ำกันอึกใหญ่ หานลี่ไม่ต้องการให้พวกมันกินเยอะเกินไปจึงหยิบถ้วยออกเมื่อเหลือครึ่งนึง

หลังจากนั้นก็นำมันวางลงด้านข้าง เขาอดทนรอดูปฏิกิริยาของกระต่ายอยากจะรู้ว่าจะเกิดอะไรที่น่าสนใจขึ้นหรือไม่

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป พวกกระต่ายเริ่มกระโดดไปมาอย่างฉุนเฉียวและยิ่งรุนแรงขึ้น ร่างกายของมันเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจ ตุ่มขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ผุดขึ้นตามร่างกายทีละเม็ดจนเต็มตัว ตุ่มนั้นเป็นแนวติดต่อกันจนทำให้ร่างกายเหมือนใหญ่ขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ มันดูน่าตลกเมื่อเทียบกับหัวเล็กๆ ของมัน

ร่างกายใหญ่โตนั้นคงอยู่ได้สักครู่หนึ่งก็ค่อยๆ พองขึ้น ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งพองเร็วขึ้น เหมือนร่างกายของมันถูกสูบเข้าไปด้วยอากาศมากขึ้นและมากขึ้น จนสุดท้ายร่างกายพวกมันดูเหมือนแตงโมลูกใหญ่ที่พองจนเป็นลูกโป่งกลมๆ สองลูก

สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันเหนือความคาดหมายของเขา ถ้าของเหลวที่ไม่มีชื่อนี้เป็นยาพิษที่ฆ่าคนหรือเป็นยาวิเศษที่เพิ่มกำลัง เขาคงจะไม่รู้สึกอะไร แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ทำให้ชวนขนหัวลุก และคิดไม่ถึงว่าร่างกายของกระต่ายจะเหมือนถูกเป่าลมให้ใหญ่จนน่าสยดสยองได้ถึงเพียงนี้