บทที่ 48 ล้มเหลว
“ไม่มีวิธีจัดการได้ก็อย่ามายืนเกะกะหน้าข้า ก็แค่หมากเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ซูจิงอยากจะเอาไปก็เอาไปสิ อย่ามารบกวนข้า” เจิ้งฉวนรำคาญเสียแล้ว
ฝูอวี้ยิ้มแห้งๆ พลางพูดว่า “ห้องปรุงยาของเจ้าขาดคน คิดจะให้เด็กผู้หญิงคนนั้นมาดูแลจริงหรือ?”
“ทำไม? ศิษย์เอกของข้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะดูแลเรื่องเล็กๆ แค่นี้หรือ” เจิ้งฉวนยังยิ้มเย็นไม่หยุด
“พอๆๆ ศิษย์น้องบอกว่าพอ ก็ต้องพอแน่ๆ” ฝูอวี้พูดเช่นนั้น แต่ใครๆ ก็ดูออกว่าเขาไม่คิดเช่นนั้น
เจิ้งฉวนใจเย็นลง เรื่องของจูจูไม่สามารถให้ใครรู้ได้ แต่ยังไงก็ถือว่าหนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ถึงเวลานั้นก็อย่ามาตกตะลึงแล้วกัน
เมื่อส่งฝูอวี้เสร็จแล้ว เจิ้งฉวนก็ตะโกนเรียกจูจู พูดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมกับนางว่า “เรื่องของห้องปรุงยานั้น เจ้าต้องใส่ใจดูแลมันให้ดี หากใครกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องเกรงใจ ไล่ออกไปได้เลย! เจ้าคือศิษย์ของข้า ถ้าเจ้ารู้สึกว่าดี นั่นก็คือดี หากเจ้ารู้สึกว่าไม่ดี นั่นก็คือของไร้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ก็เหมือนกัน ต่างก็ดิ้นรนเพื่อตัวเองทั้งนั้น ถ้าหากว่าเจ้ากล้าทำให้ข้าเสียหน้า ก็รีบเก็บข้าวเก็บของ แล้วออกไปจากภูเขาญาณศักดิ์สิทธิ์ซะ!”
เขาคิดถึงท่าทีน่ารังเกียจของซูจิงที่ทำเหมือนเขาไม่รู้จักดูนิสัยที่แท้ของคน สักแต่ให้ท้ายคนที่ใกล้ชิดแล้วก็รู้สึกโมโห แต่เมื่อเห็นจูจูที่ถูกเขาขู่จนอึ้งไป และพยักหน้าตอบรับด้วยความยำเกรงก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
เหมือนกับว่าความโกรธที่เขาสะสมไว้นานหลายปีจะค่อยๆ ระบายออกมาไม่น้อย… เมื่อคิดอย่างนี้ การที่รับเด็กสาวคนนี้เข้ามาเป็นศิษย์ ได้แลกเปลี่ยนความรู้กันทุกวัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลว
ในพริบตาเวลาก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว จูจูค่อยๆ คุ้นเคยกับชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายของหุบเขาอิงปั้งแล้ว ตอนเช้าตรู่นางก็ไปหาอาจารย์เจิ้งฉวนเพื่อถกปัญหาเกี่ยวกับการปรุงยา ตอนเที่ยงก็จะไปทำงานที่ห้องปรุงยา
แต่เรื่องที่เสียใจเพียงอย่างเดียวก็คือยาที่ไร้ประสิทธิภาพไม่ได้มีมากอย่างที่นางคิดไว้ ครั้งนั้นเป็นถังขยะที่เก็บยาไร้คุณภาพไว้เกือบสองเดือน ดังนั้นจนถึงวันนี้เจ้าหมูจึงเพิ่งคายยาคุณภาพสูงระดับเริ่มต้นออกมาหนึ่งพันเม็ด เพราะความรอบคอบและระมัดระวัง จูจูจึงยังไม่กล้าเอายาวิเศษนี้ออกขาย แต่ว่าพอคิดถึงมูลค่าที่นางจะได้กลับคืนมานั้น ก็รู้สึกมีความสุขมาก
จูจูเองก็เริ่มปรุงยาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าสาเหตุไม่ใช่ที่อิ๋นจื่อจางบอกว่าถ้าหากนางปรุงยาเองได้จะเรียกนางว่าเจ้าหมูโง่สุดๆ ความตั้งใจของนางคืออยากปรุงยาที่ดีที่สุดให้อิ๋นจื่อจางใช้
หากพละกำลังของอิ๋นจื่อจางยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นางก็จะยิ่งปลอดภัยขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้อาจารย์จะปฎิบัติต่อนางไม่เลว แต่ว่าในใจของนางก็ยังบอกว่า นางเชื่อใจอิ๋นจื่อจางที่อยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีกว่ามากกว่า
และถ้าหากว่านางมีพลังในการปรุงยา ยาที่เจ้าหมูคายออกมาก็สามารถบอกได้ว่าเป็นยาที่นางปรุงและขายได้
เพื่อชีวิตที่ร่ำรวย จูจูเริ่มทดลองเป็นเวลานาน
ที่ห้องปรุงยานางมีห้องปรุงยาส่วนตัว แต่น่าเสียดายที่นางไม่มีพลังแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะมีม่านอาคมของห้องปรุงยาช่วย แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมไฟจากดินขึ้นมาได้ ทดลองกี่ครั้งต่อกี่ครั้งผลลัพธ์ก็คือล้มเหลว และวัตถุดิบที่นางนำมาใช้ก็กลายเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่เจ้าหมูน้อยก็ยังไม่สนใจ
มีผู้คนไม่น้อยที่แอบจับตาดูการกระทำของนาง และแอบหัวเราะนางอยู่ในใจที่ได้อาจารย์เป็นปรมาจารย์ปรุงยาระดับหกแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร คนไร้ประโยชน์ก็ยังไงก็เป็นคนไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ ให้คนอย่างนางปรุงยา ก็เปลืองสมุนไพรวิเศษเปล่าๆ
เจิ้งฉวนไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ เขายังสั่งให้นำวัตถุดิบของเขามาให้จูจูใช้อีกด้วย เมื่อเอาแต่ล้มเหลวมาเกือบจะหนึ่งเดือน เจิ้งฉวนเองก็ยังไม่มีความเห็นอะไร จูจูก็เริ่มละอายใจ ไม่กล้าทดลองอะไรอีก
เจิ้งฉวนเรียกนางไปพบ ยิ้มเย็นๆ พลางชี้ไปที่เจ้าหมูน้อยที่กัดชายกระโปรงของนางอยู่พลางพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้าหมูโง่จริงๆ เจ้าก็รู้ว่าเจ้าไม่มีพลัง ทำไมไม่ใช้เจ้าหมูนี่ดูล่ะ?”
จูจูเอียงคอพลางคิด ทันใดนั้นก็คิดออก
ในเมื่อเจ้าหมูน้อยเป็นไฟวิญญาณ งั้นก็น่าจะพ่นไฟได้ นางไม่สามารถควบคุมไฟจากดินในห้องปรุงยาได้ แต่ว่าสามารถเชื่อมต่อกับเจ้าหมูน้อยได้ แน่นอนว่าเจ้าหมูน้อยก็คือเชื้อเพลิงไฟที่มีชีวิต
จูจูขอบคุณเจิ้งฉวน นางโค้งคำนับแล้วรีบอุ้มเจ้าหมูน้อยไปที่ห้องปรุงยา
ก่อนหน้านี้นางกลัวว่าเจ้าหมูน้อยจะวิ่งซี้ซั้ว นางจึงไม่เคยให้มันเข้าไปในห้อง เวลาปรุงยาก็จะนำมันไปปล่อยไว้ด้านนอกของห้องปรุงยา ในห้องนั่งสมาธิเพื่อให้มันมีอิสระ
วันนี้เป็นครั้งแรกที่จูจูอุ้มมันเข้ามาในห้องปรุงยาและอยู่ตรงหน้าหม้อทองแดงสามขาที่ใช้ปรุงยา พลางพูดว่า “เจ้าพ่นไฟได้ใช่หรือไม่? อีกครู่นึง เจ้านั่งอยู่ใต้หม้อนี้ พอข้าบอกให้เจ้าพ่นไฟเท่าไหร่ เจ้าก็พ่นเท่านั้นเข้าใจไหม?”
เจ้าหมูน้อยเดินวนรอบๆ หม้อ ทันใดนั้นมันก็นำขาหลังที่ทั้งเล็กและสั้นของมันถีบไปที่หม้อปรุงยา รูปร่างของมันเล็กมาก แต่คาดไม่ถึงว่าแค่ขาเดียวก็ทำให้หม้อปรุงยาล้มได้ เมื่อทำเรื่องไม่ดีเสร็จก็ยังบิดก้นไปมา
“”ทำไมเจ้าซนอย่างนี้นะ?” จูจูรีบลุกขึ้นมาใช้แรงยกหม้อให้กลับมาที่เดิม เมื่อจัดเสร็จก็หันมาพบว่าเจ้าหมูน้อยวิ่งขึ้นไปบนโต๊ะหินโดยที่ไม่ทันรู้ตัว และมันก็กินวัตถุดิบที่นางเตรียมจะปรุงยาล้างสิ่งโสมมเอาไว้จนเกลี้ยง
จูจูมองมันอย่างตกตะลึง ทั้งไม่ตีและไม่ด่า เจ้าหมูน้อยรู้สึกได้ว่าเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความโกรธของจูจูเลย ดังนั้นมันจึงกระโดดเข้ามาในอ้อมอกของจูจูอย่างมีความสุข จูจูหมดปัญญาจริงๆ ถ้าหากเจ้าหมูน้อยไม่ยอมร่วมมือนางจะทำอย่างไร?
ผ่านไปสักพัก เจ้าหมูน้อยก็กระโดดมาที่ด้านหน้าของหม้อปรุงยา และอ้าปากออก คายยาล้างสิ่งโสมมออกมาสามสิบเม็ด หลังจากนั้นก็หันมาทำตาหยีพลางมองไปที่จูจู ท่าทางภูมิใจของมันราวกับว่าจะเชื้อเชิญจูจู
จูจูมองไปภายในหม้อยาที่มียาล้างสิ่งโสมมสีเขียวกลมระดับสูงสามสิบเม็ด ทันใดนั้นก็เข้าใจในทันที นางอุ้มเจ้าหมูน้อยขึ้นมาพลางพูดว่า “เจ้าคิดว่าหม้อนี้ไม่ดี เลยไม่ยอมพ่นไฟใช่ไหม?”
เจ้าหมูน้อยพยักหน้าอย่างแรง มันมองไปที่หม้อปรุงยาด้วยใบหน้าแดงก่ำเหมือนดูถูก
จูจูหมดคำพูด นางทำมาตั้งนาน เจ้าหมูน้อยไม่พอใจที่นางไม่ยอมใช้มันที่เป็นหม้อมีชีวิตระดับสูง แต่กลับไปใช้หม้อที่มันดูถูก ดังนั้นจึงเสนอตัวออกมาปรุงยาให้นางดู
วัตถุดิบที่นางใช้ทำนั้น ถ้าทำเสร็จทั้งหมดจะได้สามสิบเม็ด แต่ว่านักปรุงยาก็มีอัตราการล้มเหลวสูงเหมือนกัน ปกติแล้วถ้าใช้วัตถุดิบเหมือนกัน ทำยาได้ประมาณห้าถึงหกเม็ดก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ดีหน่อยก็ทำได้ประมาณสิบห้าเม็ด
ถ้าหากเป็นเจิ้งฉวนทำเองกับมือ ก็จะได้ประมาณยี่สิบกว่าเม็ด การที่คิดจะปรุงให้ได้ครบทั้งสามสิบเม็ดนั้นต้องใช้ดวง ถึงแม้ว่าหากทำสำเร็จทั้งสามสิบเม็ด แต่ก็ไม่สามารถทำให้ทุกเม็ดเป็นยาคุณภาพสูงได้
เพราะยาล้างสิ่งโสมมเป็นแค่ยาพื้นฐานระดับหนึ่ง ยิ่งระดับสูงความยากก็จะยิ่งยากขึ้น อัตราการล้มเหลวก็จะยิ่งสูงขึ้นเช่นกัน
ในมือของจูจูมียาล้างสิ่งโสมมระดับสูงหลายร้อยเม็ด เมื่อเห็นยาที่เหมือนกันก็รู้สึกตื้อชาไปหมด ตอนนี้นางดีใจไม่ออก ถ้าหากนางยังคงปรุงยาไม่ได้ด้วยมือของตนเอง ถ้าหากนางยังใช้เจ้าหมูน้อยนี้โกงไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งจะต้องมีคนรู้ ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่เจ้าหมูน้อยจะมีอันตราย นางเองก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
ในใจของนางรู้สึกกลัว ความสามารถพิเศษของเจ้าหมูน้อยถ้าหากหลุดออกไป จะต้องมีคนเดาฐานะของมันออกแน่นอน อาจารย์เคยบอกไว้ว่าหากวันนึงความลับของมันรั่วไหลออกไป จะทำให้นางและคนที่อยู่รอบข้างนางพบกับหายนะ นางจึงไม่กล้าเสี่ยง