Chapter0043

ตอนที่ 17 กับดักไม้ตาย

    ในทางเดินลับตรงโถงหัวมุมของระเบียงที่เจ็ด ผู้พิทักษ์กฎทั้งสามของแท่นบูชาย่อยกำลังถืออาวุธรักษาการณ์อยู่

“มาแล้ว” ผู้พิทักษ์กฎร่างสูงคนหนึ่งพลันลดเสียงลงต่ำ

โครม...

ด้านนอกมีเสียงโครมครามลอยมา พื้นดินล้วนสั่นสะเทือน

ผู้พิทักษ์กฎร่างผอมเล็กเดินไปข้างหน้า ส่องดูด้านนอกผ่านรูสำรวจ เห็นเพียงงูน้ำแข็งยักษ์สองตัวเลื้อยเข้ามาถึงที่นี่แล้ว ลำกายใหญ่โตนั้นฟาดเข้ากับผนังของโถงหัวมุม พื้นยวบเป็นโพรงลงไปในทันใด ผนังก็แตกร้าว...

“งูน้ำแข็งยักษ์สองตัว ร้ายไม่เบาเลยทีเดียว ค่ายกลกลไกมากมายเช่นนั้นล้วนถูกทำลายสิ้น โชคดีที่กลไกของระเบียงที่เจ็ดนั้นได้รับผลกระทบน้อยที่สุด” ผู้พิทักษ์กฎร่างผอมเล็กพึมพำ กับดักกลไกนั้นแบ่งเป็นหลายชนิด ไม่ใช่ว่าทุกชนิดจะถูกงูน้ำแข็งยักษ์ทำลายลงได้

“เตรียมตัวไว้ให้ดี รอเจ้าพวกผู้บุกรุกนั่นเข้ามาในโถงก่อนค่อยเปิดกลไก” ผู้พิทักษ์กฎร่างสูงบอก

“พวกมันเริ่มเข้ามากันแล้ว รอฟังสัญญาณของข้า” ผู้พิทักษ์กฎร่างผอมเล็กส่องมองผ่านรูสำรวจ

  ……

พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งห้าคนตามงูน้ำแข็งยักษ์สองตัวเข้าไปในปราการเมืองชั้นใน พวกเขากำลังตามหาตัวหลูหวายหรู เพราะปราการเมืองชั้นในเป็นรูปแปดเหลี่ยม ดังนั้นจึงมีโถงหัวมุมถึงแปดแห่ง

ในยามนี้พวกเขาก้าวเข้ามาในหนึ่งในโถงเหล่านั้น

ซือไป่หรงที่มือกุมกระบี่คู่ และเหลียงยงชายชราผมดำเดินนำหน้า อวี๋จิ้งชิวมือกุมคทาเวทย์เดินอยู่ตรงกลาง นางได้เสริมเวทมนตร์น้ำแข็งให้ตัวเองก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นรอบกายจึงมีน้ำแข็งจับตัวเป็นเกราะอยู่ชั้นหนึ่ง

 ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงและถังสงตามอยู่ท้ายสุด ประกบด้านซ้ายและขวาของอวี๋จิ้งชิว

“ปราการเมืองชั้นในนี้ใหญ่โตนัก ที่แท้แล้วหลูหวายหรูซ่อนอยู่ที่ใดกัน” ซือไป่หรงพูดขึ้นอย่างร้อนใจ

“ไม่ต้องรีบร้อน”

อวี๋จิ้งชิวพูด “พวกเราค้นหาทุกที่ที่เดินผ่านอย่างละเอียดแล้ว ปราการเมืองชั้นในเป็นรูปแปดเหลี่ยม พวกเราค้นไปแล้วหกด้าน ต่อไปนี้จะเป็นด้านที่เจ็ด หากค้นทั้งแปดด้านจนทั่วแล้วยังไม่พบเหมือนเดิมแล้วล่ะก็...เช่นนั้นก็ควรจะอยู่ใต้ดิน พวกเราก็ค่อยลงไปใต้ดินกัน สืบเสาะให้ละเอียดทุกที่ ด้านนอกมีจานบินของหอภูผามังกรคอยสอดส่องอยู่ เขาหนีไปไหนไม่พ้นหรอก”

 “อืม” ซือไป่หรงพยักหน้า

  “โครม…” ทันใดนั้นพื้นของโถงหัวมุมก็สั่นไหวขึ้นมา พื้นเริ่มเคลื่อนที่ เผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่มากมายด้านล่าง ในหลุมเหล่านั้นล้วนแต่เป็นปลายหอกคมกริบเคลือบไปด้วยสีเขียวเข้ม เห็นได้ชัดว่าเป็นยาพิษอันร้ายแรงพวกเขาแต่ละคนล้วนถอยหนี เคราะห์ยังดีที่ก่อนหน้านี้พื้นนั้นถูกงูน้ำแข็งยักษ์ทำลายไปก่อนแล้ว แผ่นพื้นที่เคลื่อนออกมาจึงมีแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น พื้นส่วนใหญ่ค้างติดอยู่ตรงนั้นเอง

 ดังนั้นพวกตงป๋อเสวี่ยอิงหลบมาเพียงเล็กน้อยก็หลบมายังที่ปลอดภัยได้แล้ว

  “โครม…” ผนังที่แตกร้าวทั้งสี่ด้านพลันถล่มลงมาหมดสิ้นในพริบตา ก้อนหินมากมายร่วงลงมาเต็มพื้น เผยให้เห็นธนูกลที่อยู่เบื้องหลังผนัง

  ธนูกลขนาดมหึมา มีฟันเฟืองเชื่อมต่อกัน

 ลูกธนูแน่นขนัดนับไม่ถ้วน วางอยู่เต็มเบื้องหลังผนัง ลูกธนูแต่ละดอกใหญ่เท่าๆ กับขา เมื่อเห็นลูกธนูนี้ ซือไป่หรง ถังสงและอวี๋จิ้งชิวล้วนหวั่นใจขึ้นมา ลูกธนูดอกใหญ่ถึงเพียงนี้...หากใช้ฟันเฟืองกลไกดึง แรงดึงต้องทรงอานุภาพยิ่ง หากปล่อยออกมาย่อมมีพลังโจมตีรุนแรงกว่าธนูทลายดาวเป็นแน่

  “ไม่ดีแล้ว” สีหน้าของอวี๋จิ้งชิวเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

 “ป้องกันทั้งสี่ด้าน คนละหนึ่งด้าน” ถังสงและเหลียงยงผู้เจนจัดตะโกนขึ้นเกือบจะพร้อมกัน พวกเขาต่างก็ทราบดีว่าชั่วขณะแห่งความเป็นความตายมาถึงแล้ว

 ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!!!!!!

 แรงสะเทือนของลูกธนูแต่ละดอกที่ยิงออกมานั้นช่างชัดเจนนัก ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง สองด้านซ้ายขวา...ทั้งหมดล้วนแต่มีลูกธนูยิงออกมา  อีกทั้งตงป๋อเสวี่ยอิงและพวกล้วนอยู่ภายในโถงทั้งสิ้น ระยะห่างจากลูกธนูไกลที่สุดก็เพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น ที่ใกล้หน่อยก็ราวสิบเมตร ใกล้เกินไปแล้ว!

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…

  ลมถูกแหวกออก

 ธนูดอกใหญ่หลายร้อยดอกยิงสวนกันไปมาในชั่วขณะเดียวกัน ปกคลุมทั้งโถงหัวมุมนั้น

 เคราะห์ดีที่เป็นเพียงกลไกเท่านั้น ลูกธนูเหล่านี้ทำขึ้นมาเพื่อมุ่งโจมตีทั้งห้องโถง ธนูดอกใหญ่ที่โจมตีถูกพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งห้าคนนั้นจึงมีเพียงไม่กี่สิบดอก

“สกัดไว้”

“ทุกคนสกัดเอาไว้”

ถังสงและเหลียงยงต่างก็ตะโกนขึ้น

“ปัง” เหลียงยงชายชราผมดำมือหนึ่งถือโล่ มือหนึ่งถือดาบรบ โล่สกัดลูกธนูดอกหนึ่งออกไปในพริบตา ระหว่างที่สกัดนั้น โล่เอียงเล็กน้อยจึงช่วยลดแรงลงไปได้ถึงแปดเก้าส่วน ลูกธนูปลิวว่อนไปแล้ว ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังคงสัมผัสได้ถึงแรงกระทบจากลูกธนูเช่นเดิม หากถูกโจมตีเข้าโดยตรง ต่อให้มีเกราะป้องกันก็ย่อมต้องบาดเจ็บจนกระอักเลือดอยู่ดี หากถูกลูกธนูสักสองสามดอกโจมตีแล้ว เกรงว่าคงไม่มีชีวิตอีกต่อไป

  “เช้ง เช้ง เช้ง” ถังสง ชายชราผมขาวซึ่งอายุร้อยหกสิบกว่าปีแล้วนั้นกุมกระบี่สั้นเอาไว้ทั้งสองมือ เช้ง เช้ง เขาสกัดเอาลูกธนูที่โจมตีมาทางด้านของตนออกไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้สูงวัยเหล่านี้ช่างมีประสบการณ์เต็มเปี่ยมเกินไปแล้ว

 “สมควรตาย สมควรตาย” ซือไป่หรงซึ่งเป็นอัศวินจันทร์เงินเช่นเดียวกันกลับตื่นตระหนกกว่ามากนัก สองมือของเขากุมกระบี่เล่มใหญ่เอาไว้แล้วสกัดกั้นอย่างเต็มกำลัง

เช้ง เช้ง เช้ง!!!

ลูกธนูดอกแล้วดอกเล่าจู่โจมเข้ามาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่เขาเป็นอัศวินจันทร์เงิน การตอบสนองนั้นรวดเร็ว การกระทำก็รวดเร็ว แต่เห็นได้ชัดว่าวิถีกระบี่ของเขานั้นไม่สูงพอ เมื่อสกัดกั้นจึงกินแรงเป็นอย่างมาก

ระดับชั้นของอัศวินจะสูงหรือต่ำ ก็ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับพลังการต่อสู้

การเป็นอัศวินจันทร์เงินก็แค่แสดงว่าพลังการต่อสู้ของคนผู้นั้นได้ฝึกฝนจนถึงชั้นจันทร์เงินแล้วเท่านั้น สำหรับเคล็ดสองมือกุมกระบี่ใหญ่นั้นเล่า แม้ว่าทุกวันเขาจะไปฝึกฝนและได้ประลองกับยอดฝีมือภายในตระกูล ทว่าแม้แต่ขั้น “คนและกระบี่รวมเป็นหนึ่ง” ก็ยังมิสามารถขึ้นถึงได้ เพียงแต่นับได้ว่าพื้นฐานนั้นค่อนข้างจะมั่นคงอยู่บ้าง พลังการต่อสู้ธรรมดานั้นเพียงพอแล้ว แต่ในยามนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เมื่อลูกธนูความเร็วสูงยิ่งถูกยิงเข้ามา ในเวลานี้มิอาจคำนึงถึงว่าจะสกัดกั้นลูกธนูแต่ละดอกที่เข้ามาอย่างไร อาศัยได้แต่เพียงการสะท้อนกลับเท่านั้น

“ไม่” หน้าผากของซือไป่หรงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ ทันใดนั้นเขาก็ร้องขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ ในที่สุดการสกัดกั้นก็ล้มเหลว

“ฟิ้ว” ในยามคับขันนั้นโล่อันหนึ่งพลันถูกยื่นเข้ามา มันกระทบกับลูกธนูดอกใหญ่เข้าเต็มแรง ลูกธนูบินเปลี่ยนทิศทางไปมิอาจทำร้ายซือไป่หรงได้

ในยามคับขันนั้น ผู้ที่ลงมือก็คือเหลียงยง ผู้คุ้มกันของซือไป่หรง

ความสนใจกว่าครึ่งของเหลียงยงชายชราผมดำนั้นอยู่ที่ร่างของซือไป่หรง อย่างไรเสียที่เขามาในครั้งนี้ก็เพื่อรับผิดชอบปกป้องชายผู้นี้ ทว่าลูกธนูนั้นเร็วเกินไปจริงๆ  เขาก็ลงมืออย่างสุดแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปล่อยพลังหรือด้านวิถีกายล้วนได้รับผลกระทบ เพียงชั่วขณะเดียว ทั้งร่างก็โซซัดโซเซ เมื่อมีลูกธนูพุ่งตรงเข้ามาตรงหน้า เขาพลันรับมือผิดท่า ปัง ปัง ปัง...เขาใช้ดาบเดียวสกัดกั้นธนูสองดอกอย่างสุดแรง เมื่อธนูดอกที่สามเข้ามา เขาก็รับไม่ทันอีกต่อไปแล้ว

“อา” เหลียงยงร้องเสียงต่ำ เอนร่างหลบหลีกอย่างสุดกำลัง

ลูกธนูดอกหนึ่งลอยผ่านไป ลูกธนูดอกใหญ่นั้นฉีกแขนขวาของเขาขาดออกอย่างสิ้นเชิง แขนขวาที่กุมดาบรบอยู่นั้นพลันลอยขึ้นมา เลือดสดๆ สาดกระจาย

ฟิ้ว

ลูกธนูหยุดสนิทลงอย่างรวดเร็ว

 ลูกธนูทั้งหมดที่โจมตีมาพร้อมกันกินเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

 “โธ่ เผชิญหน้ากับธนูกลอันน่ากลัวในระยะประชิดเช่นนี้ เหลียงยงผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจต้านรับอย่างเต็มที่ กลับยังกล้าแบ่งจิตใจไปช่วยคุณชายน้อยไป่หรงผู้นั้น ไม่ได้เอาชีวิตไปทิ้งก็นับว่าเคราะห์ดีแล้ว” ถังสงทอดถอนใจเบาๆ

“อาเหลียง อาเหลียง” ซือไป่หรงที่เพิ่งรอดตายมาอย่างหวุดหวิดพยุงเหลียงยงชายชราผมดำเอาไว้ แขนขวาที่ขาดของเหลียงยงมีเลือดไหลทะลักออกมา แต่ว่าเหลียงยงพลิกมือแล้วหยิบแถบผ้าออกมาแล้วกัดฟันกดแขนส่วนที่ขาดเอาไว้ ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อและหลอดเลือดของส่วนที่ขาดก็เริ่มหดตัว ความเร็วที่เลือดสดๆไหลออกมานั้นก็เริ่มช้าลง

 “ข้าไม่เป็นอะไร ก็แค่แขนขาดเท่านั้น” เหลียงยงเอ่ย ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้ภักดีกับตระกูลซือมากมายเท่าใดนัก เพียงแต่ว่าตระกูลซือเลี้ยงดูเขามา ตระกูลของเขาก็พึ่งพาตระกูลซือ หากครั้งนี้ซือไป่หรงสิ้นชีวิตไปแล้ว...เขาและตระกูลก็คงจบเห่ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องปกป้องซือไป่หรง หากซือไป่หรงตายไปจริง เขาก็ต้องสู้จนตัวตายเพื่อพิสูจน์ตนเอง!

“ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้เก่งกาจนัก ข้าสกัดลูกธนูเหล่านี้ก็ต้องใช้พลังจนสิ้นแล้ว นึกไม่ถึงว่าคนหนุ่มผู้นี้จะดูเหมือนสกัดลูกธนูทั้งหมดออกไปได้อย่างสบายๆ” ถังสงชายชราผมขาวตวัดมองตงป๋อเสวี่ยอิงคราหนึ่ง เมื่อครู่เขาทุ่มเทจิตใจทั้งหมดให้เรื่องตรงหน้า จึงไม่ทันสังเกตว่าตงป๋อเสวี่ยอิงรับลูกธนูอย่างไร แต่ดูจากท่าทางของตงป๋อเสวี่ยอิงในยามนี้ก็เห็นได้ชัดว่าสงบมั่นคงยิ่งนัก

“น่าเสียดายนัก”

ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนส่ายศีรษะมองอยู่ด้านหลัง เขามีจิตคิดสังหารซือไป่หรง แต่สำหรับผู้คุ้มกันชราผมดำผู้นี้เขาไม่มีความแค้นอันใด หากอยู่ใกล้มือ เขาก็คงเข้าไปช่วยได้ น่าเสียดายที่เขาอยู่ข้างหลังสุดของกองกำลัง ส่วนอีกฝ่ายอยู่หน้าสุด! ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมไปช่วยไม่ทันอยู่แล้ว หากพุ่งเข้าไปช่วยอีกฝ่ายด้วยความเร็วถึงขีดจำกัด...เช่นนั้นคงทำให้อวี๋จิ้งชิวตกอยู่ในอันตรายแล้ว

 อวี๋จิ้งชิวอยู่ตรงกลางสุดของทั้งกองกำลัง อีกทั้งนางเป็นนักเวทย์ เมื่อเผชิญกับลูกธนูเช่นนี้ก็ได้แต่รอรับเท่านั้น

“ระวัง” อวี๋จิ้งชิวร้องขึ้นมาในทันใด นางมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างสงบมาตลอด

สวบ สวบ สวบ!

เงาร่างสามสายพลันพุ่งออกมาจากชั้นวางธนูกลด้านหนึ่ง ห่างจากกองกำลังเพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้น เงาร่างทั้งสามสายนี้ล้วนมีพลังรบถึงระดับอัศวินจันทร์เงิน ความเร็วก็เร็วจนน่ากลัว เพียงแวบเดียวก็พุ่งมาเป็นระยะถึงสิบกว่าเมตรแล้ว

“ระวัง”

“เหลียงยง” ถังสงตะโกนเสียงดัง

“คุณชายน้อย” เหลียงยงยิ่งตะโกนเสียงดังกว่า มือถือโล่เข้าไปสกัดเอาไว้ มีผู้พิทักษ์กฎถึงสองคนพุ่งเข้ามาหมายจะสังหารพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูออกก่อนหน้านี้แล้วว่า...ในบรรดาอัศวินจันทร์เงินเหล่านี้ ซือไป่หรงผู้นี้นั้นเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดผู้หนึ่ง ส่วนชายชราผมดำในตอนนี้ก็เสียแขนไปอีก ดังนั้นสองคนนี้จึงรับมือได้ง่ายที่สุด แน่นอนว่าต้องจัดการสองคนนี้ทิ้งไปเสียก่อน จากนั้นค่อยรับมือคนที่เหลือ

  ยังมีผู้พิทักษ์กฎอีกคนพุ่งเข้าหานักเวทย์อวี๋จิ้งชิว ปรมาจารย์เวทย์ผู้หนึ่ง ต้องกำจัดทิ้งเสียก่อน!

 “หยุดมือนะ” สองมือของถังสงถือกระบี่สั้นเอาไว้ เขาหันไปหาผู้พิทักษ์กฎผู้นั้นกลางทาง

ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ท้ายสุดของกองกำลัง ในยามนี้ในมือก็กุมหอกยาว มุ่งหน้าสังหารเช่นกัน

……

“คุณชายน้อย พวกเราร่วมมือกันเถอะขอรับ” เหลียงยงผู้คุ้มกันถือโล่สกัดกั้นด้วยแขนข้างเดียว

ซือไป่หรงกลับตระหนกจนหน้าถอดสี เขาใช้กระบี่ใหญ่ในมือทั้งสองเข้าสกัดกั้น ตึง ตึง ตึง ผู้พิทักษ์กฎที่มุ่งเข้ามาหมายสังหารผู้นั้นถือดาบโค้งสองเล่มพุ่งเข้ามาประชิดด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ! ในด้านเคล็ดวิชานั้นเห็นได้ชัดว่าผู้พิทักษ์กฎผู้นี้เหนือกว่า ซือไป่หรงที่ถูกบุกฆ่าแทบจะกระตุกถอยหลังมาในชั่วพริบตา! ในยามนี้เขาจะสนใจเสียที่ไหนว่าผู้คุ้มกันคนหนึ่งจะอยู่หรือตาย ถึงขั้นไม่ทันสนใจความเป็นความตายของอวี๋จิ้งชิวเสียด้วยซ้ำ

 เขาถอยหลังไปจนอยู่ท้ายสุดของกองกำลัง ให้ผู้อื่นไปสกัดไว้!

แท้จริงแล้วหากซือไป่หรงสงบนิ่งเสียหน่อย แล้วร่วมมือเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหลียงยงแล้วก็น่าจะพอต้านทานได้ครู่หนึ่ง ไม่นานพวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ต้องมาช่วยแล้ว

แต่ซือไป่หรงกลับเป็นห่วงชีวิตของตัวเองมากกว่า ทางเลือกของเขาก็คือถอยหนี! ผู้พิทักษ์กฎผู้นั้นถือโอกาสพลิกดาบแทงไปทางเหลียงยงในทันใด

เหลียงยงถือโล่ด้วยแขนข้างเดียว เมื่อผู้พิทักษ์กฎคนหนึ่งโจมตีเข้ามาก็ทุลักทุเลแล้ว ในยามนี้เมื่อถูกล้อมโจมตีก็ย่อมต้านทานไม่ไหว

“ฉึก” ดาบโค้งเล่มหนึ่งวาบมาจากข้างหลัง ทะลุผ่านลำคอของเหลียงยงไป เหลียงยงเบิกตากว้าง นัยน์ตาฉายแววไม่ยินยอม จากนั้นในแววตาก็เปล่งประกายแห่งความหวัง เขาตายไปแล้ว อย่างน้อยก็ตายในสนามรบ หวังว่าลูกหลานของเขาจะได้รับการดูแลอย่างดีจากตระกูลซือ ร่างของเขาล้มยวบไปทางด้านข้าง

เหลียงยงผู้คุ้มกัน สิ้นชีวิตแล้ว!

และเป็นคนแรกในกองกำลังที่ตายไป!

ยอดฝีมือชั้นจันทร์เงินประมือกันได้รวดเร็วเกินไปแล้ว

  อย่างเช่นการออกดาบ  หนึ่งวินาทีก็สามารถออกดาบได้เกินร้อยครั้ง! จะเห็นได้ว่าพลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นรวดเร็วเพียงใด  เมื่อผู้พิทักษ์กฎออกดาบมานั้น ซือไป่หรงประมือก็ต้องล่าถอยไปแทบจะในทันใด! ส่วนเหลียงยงต้านรับได้สองคราก็ต้องสิ้นชีวิตเสียแล้ว

“ฟิ้ว” “ฟิ้ว”

เงาหอกสองสายวาดผ่านอากาศมา เกล็ดหิมะลอยล่อง

ฉึก! ฉึก!

ผู้พิทักษ์กฎสองคนที่เพิ่งสังหารเหลียงยงไปนั้นยังไม่ฟื้นคืนสติกลับมาก็รู้สึกได้ว่าเงาหอกสองสายพุ่งมาตรงหน้า ลำคอเจ็บแปลบขึ้นมา ทั้งสองพลันกุมลำคอตาเบิกโพลง เลือดสดๆ ไหลรินออกมาจากลำคอไม่หยุด

“เจ้า เจ้า…” พวกเขาทั้งสองแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา เร็วเกินไปแล้ว วิถีหอกยาวนี้เร็วเกินไปแล้ว

ประจันหน้าเพียงครั้งเดียว แต่ทั้งสองคนล้วนตายสิ้น

 คนอื่นที่อยู่ด้านข้างล้วนหน้าถอดสี!

ที่จริงแล้ววิถีหอกยาวมวลน้ำแข็งของผู้อาวุโสกู่หยวนหานที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเรียนนั้นมีชื่อเสียงเรื่องความเร็ว ความเร็วของวิถีหอกยาวของเขาเมื่อพลังอยู่ในชั้นดาวตกนั้นก็สามารถสังหารเสือดาวเงามืด สัตว์มารชั้นห้าได้แล้ว!ในยามนี้ต่อให้แสดงพลังออกมาสบายๆ เป็นพลังเพียงเล็กน้อยก็สามารถแสดงพลังชั้นจันทร์เงินออกมาได้แล้ว หากอาศัยเขตแดนวิถีหอกของเขารวมกับเคล็ดไม้ตายของอัศวินเหนือธรรมดาแล้ว ก็ยังคงน่าเกรงกลัวดังเดิม สามารถสังหารคนทั้งสองได้สบาย

อย่างไรเสีย นอกจากตนเองแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่เคยพบเห็นผู้ใดที่สามารถบรรลุถึงเขตแดนปรมาจารย์ได้อีก จะพลังครบสมบูรณ์เป็นหนึ่งได้นั้นยากเย็นยิ่งนัก

ผู้ที่จะทนฝึกฝนอย่างหนักหน่วงได้เช่นตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย พวกท่านพ่อเอย จงหลิงเอยล้วนทำไม่ได้! การฝึกหนักเช่นนั้นพูดแล้วเหมือนจะง่าย แต่จะมีสักกี่คนกันที่ทำได้ อีกทั้งนอกจากหนักหน่วงแล้วยังต้องมีสมองด้วย ตงป๋อเสวี่ยอิงมีปรมาจารย์วิถีหอกยาวเหนือธรรมดาชี้นำ อีกทั้งเขายังเฉลียวฉลาดที่สรุปประสบการณ์ออกมาทุกครั้ง ทำวิถีหอกยาวให้สมบูรณ์ทุกครั้ง ระหว่างที่ทำให้พื้นฐานอันมั่นคงเช่นนี้สมบูรณ์ ก็สามารถบรรลุถึงขั้นหอกและคนรวมเป็นหนึ่ง จนกระทั่งถึงขั้น ปรมาจารย์วิถีหอกยาวได้

ด้วยการแช่ยาอาบทุกวัน ฝึกฝนเหมือนคลั่งมารทุกวัน มีการชี้นำจากวิถีหอกยาวเหนือธรรมดา มีการอบรมฝึกฝนจากอัศวินจำนวนมากของทั้งปราการเมือง มีสมองอันเฉลียวฉลาด...ทั้งหมดนี้ล้วนหล่อหลอมตงป๋อเสวี่ยอิงในวันนี้ขึ้นมา!

…………………………………………………………………………………………………