ตอนที่ 16 เทพมารศิลาวารี
ปราการเมืองชั้นในรูปร่างแปดเหลี่ยมที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ กินอาณาบริเวณหนึ่งถึงสองลี้ ไม่รู้ว่าข้างในมีกับดักกลไกมากมายเพียงใด
“หลูหวายหรูซ่อนอยู่ข้างใน พวกเราต้องกวาดล้างเข้าไป” ซือไป่หรงมองระเบียงตรงหน้าอย่างลังเล ระเบียงอันเงียบเหงาตรงลึกเข้าไปในปราการเมืองชั้นใน “แต่เกรงว่าด้านในคงมีค่ายกลกับดักกลไกอยู่ไม่น้อย ต้องให้อัศวินที่ถนัดเอาชีวิตรอดเบิกทางอยู่ข้างหน้า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา
ซือไป่หรงผู้นี้ แค่มองก็รู้ว่าทั้งเอาหน้า ทั้งกลัวอันตราย ไม่รู้จริงๆว่าเขาสามารถฝึกฝนจนถึงชั้นจันทร์เงินได้อย่างไร
ถังสงและเหลียงยงล้วนสงบนิ่งมั่นคงนัก สายตาของพวกเขาต่างก็จับจ้องไปที่อวี๋จิ้งชิว
“หากหลับหูหลับตาบุกเข้าไปก็เท่ากับส่งไปตายเท่านั้นเอง” เสียงของอวี๋จิ้งชิวเยียบเย็น แต่กลับทำให้ผู้ฟังสงบลงโดยไม่รู้ตัว “แม้หลูหวายหรูจะเป็นนักเวทย์ชั้นดาวตกคนหนึ่ง แต่ถนัดเรื่องการแปรธาตุ ย่อมวางค่ายกลกับดักกลไกไว้มากมาย ต่อให้อัศวินจันทร์เงินหลับหูหลับตาบุกเข้าไป...ก็คงรักษาชีวิตรอดได้ยาก พวกท่านรออีกสักหน่อยเถอะ ข้าจะร่ายเวทมนตร์เบิกทางข้างหน้าเอง”
อวี๋จิ้งชิวพูด มือก็ถือคทาเวทย์ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย ร่ายมนตร์โดยไร้สุ้มเสียง
ที่จริงแล้วเมื่อเหล่านักเวทย์ร่ายมนตร์นั้นเป็นการสะกดจิตตนเองอย่างหนึ่ง เพราะเวทมนตร์อันแกร่งกล้าบางอย่างนั้นยากเกินไป หากไม่สะกดจิตตนเองให้เข้าใกล้ขีดจำกัดแล้ว ก็ไม่มีทางร่ายคาถาออกมาได้ ส่วนคาถาชั้นรองนั้น...ไม่จำเป็นต้องพึมพำคาถาก็สามารถร่ายออกมาได้ ดังเช่นคาถาพวกเขตแดนเกล็ดน้ำแข็งก่อนหน้านี้ สำหรับอวี๋จิ้งชิวแล้วไม่มีความกดดันใดแม้แต่น้อย
“เปรี้ยะ...เปรี้ยะ...เปรี้ยะ...” ทันใดนั้นตรงหน้าก็เริ่มมีน้ำแข็งหนาวเหน็บจำนวนนับไม่ถ้วนจับตัวกันขึ้นจากความว่างเปล่า ไม่นานก็ก่อตัวเป็นงูน้ำแข็งยักษ์ขนาดมหึมาตัวใหญ่เท่าถังน้ำ และยาวยี่สิบกว่าเมตรขดตัวอยู่ ทั้งร่างงูน้ำแข็งยักษ์ล้วนเป็นแก้วผลึก หัวงูอันสูงค่าแฝงแววสังหารเยียบเย็น อานุภาพอันไร้รูปร่างนั้นทำให้พวกซือไป่หรงและถังสงต่างก็หวาดหวั่น
“งูน้ำแข็งยักษ์เวทมนตร์ขั้นห้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเบาๆ “งูยักษ์เวทมนตร์ระดับนี้ไม่มีพิษภัยรุนแรงอันใด ทว่าพละกำลังนั้นสูงกว่าอัศวินจันทร์เงินสามัญมากนัก หากเปรียบพละกำลังอย่างเดียวแล้วเทียบได้กับชั้นสมญา เพียงแต่ทักษะอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย หากมีสักสิบตัว...เกรงว่าคงสามารถคุกคามชั้นสมญาได้แล้ว แต่ว่าชั้นสมญานั้นฟ้าและคนรวมเป็นหนึ่ง หากถูกพลังฟ้าดินควบคุมไว้แล้ว ย่อมร่ายเวทมนตร์ออกมาไม่ได้”
อวี๋จิ้งชิวมือถือคทาเวทย์ พึมพำคาถาโดยไร้สุ้มเสียงต่อไป
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ก็ปรากฏงูน้ำแข็งยักษ์ตัวใหญ่เช่นเดียวกันขึ้นที่ด้านข้าง
“พลังเวทย์มีจำกัด ยังจำเป็นต้องใช้รับมือกับสถานการณ์ที่คาดเดามิได้ ต้องประหยัดหน่อย” อวี๋จิ้งชิวพูด “มีงูน้ำแข็งสองตัวนี้ ก็เพียงพอต่อการเปิดทางแล้ว”
“ฮ่าฮ่า ข้าบอกแล้วว่ามีปรมาจารย์เวทย์จันทร์เงินสักคนมาด้วย นับเป็นโชคดีของพวกเราจริงๆ” ถังสงยิ้ม “งูน้ำแข็งนี้ไม่มีพิษภัยรุนแรง หากพวกเราไปหาเส้นทางเช่นนั้นก็ได้แต่เอาชีวิตไปเสี่ยงแล้ว”
“ยังคงเป็นจิ้งชิวที่เยี่ยมยอด” ซือไป่หรงชมเปาะ “ประเสริฐ พวกเราออกเดินทางกันเถิด จิ้งชิว เจ้าอยู่ท่ามกลางการอารักขาของพวกเราทั้งสี่ก็แล้วกัน ข้าและอาเหลียงจะอยู่ข้างหน้า ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงและถังสงอยู่ด้านหลัง”
เมื่อครู่มิกล้าบุกนำหน้า
มาบัดนี้มีงูน้ำแข็งยักษ์สองตัวอยู่หน้าสุด เขากลับมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยมขึ้นมาเสียแล้ว
……
บนทางเดินระเบียงอันกว้างขวาง งูน้ำแข็งยักษ์ขนาดมหึมาสองตัวกำลังเลื้อยตรงไปข้างหน้า ตัวหนึ่งนำหน้า ตัวหนึ่งตามหลัง ในทุกช่วงพวกมันก็จะหยุดลง แล้ววาดหางปัดป่ายผนังระเบียงด้านข้าง โครม...ระเบียงสั่นสะเทือน ลวดลายเวทมนตร์ถูกทำลายลง ผนังบางส่วนที่ค่อนข้างเปราะบางนั้นก็ถล่มลงมาเสียงสนั่น กับดักบางส่วนถูกทำลาย บางส่วนก็ถูกกระตุ้นให้ทำงาน โจมตีลงบนร่างของงูน้ำแข็งยักษ์ ทว่าแม้จะถูกแทงจนเป็นหลุมน้ำแข็ง แต่ไอเย็นที่แผ่ซ่านบนผิวของงูน้ำแข็งยักษ์ก็ซ่อมแซมหลุมน้ำแข็งนั้น เพียงแค่ทั้งร่างของพวกมันหดลงเล็กน้อยเท่านั้น
ทุกครั้งที่ถูกโจมตี ทุกครั้งที่บาดเจ็บ งูน้ำแข็งยักษ์ก็ล้วนสูญเสียพลังน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง เมื่อทนรับไม่ไหวในท้ายที่สุดนั้น ก็จะแหลกสลายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทว่าก่อนจะแหลกสลายนั้น พวกมันไม่มีพิษภัยรุนแรงอันใด เป็นการโจมตีอันบ้าคลั่งที่สิ้นชีวิตไปอย่างไม่น่าหวาดหวั่น
“น่ากลัวจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่มองดูอยู่ด้านหลังลอบถอนใจ “หากให้เวลานักเวทย์เพียงพอ การคุกคามย่อมรุนแรงกว่าอัศวินมากมายโดยแท้ ค่ายกลที่เหล่านักเวทย์วางไว้นั้น ว่ากันว่าอานุภาพรุนแรงยิ่งกว่า”
นักเวทย์นั้นคล้ายกับนักเรียนเสียมากกว่า พวกเขาค้นคว้าและพิเคราะห์ฟ้าดิน เวทมนตร์ที่ร่ายออกมานั้นก็วิจิตรพิสดารหาใดเปรียบ หากมีเวลามากเพียงพอ ค่อยๆ ร่ายเวทมนตร์อย่างช้าๆ ก็สามารถทำให้อัศวินตายอย่างทารุณได้โดยง่ายดาย หากให้เวลาพวกเขาวางค่ายกลสักปีครึ่ง อานุภาพก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นอีก
ส่วนอัศวินนั้นรุนแรงกว่า
เหล่าอัศวินใช้การปะทุออกมาในชั่วขณะ การเข่นฆ่านั้นมาก่อน ยิ่งเป็นอัศวินที่แกร่งกล้า ความเร็วก็จะยิ่งมากขึ้น เช่นตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้สามารถพุ่งออกไปได้ไกลกว่าร้อยเมตรในชั่วพริบตาเดียว คนทั่วไปถึงกับมองเงาร่างของเขาได้ไม่ชัด ความเร็วที่น่าเกรงกลัวเช่นนี้...หากจะแทงสังหารนักเวทย์สักคน เหล่านักเวทย์ย่อมตอบโต้ไม่ทันแน่นอน ดังนั้นนักเวทย์และอัศวินต่างก็มีจุดเด่นของตน
“โครม โครม โครม...”
ลำพังพลังของงูน้ำแข็งยักษ์นั้นใกล้เคียงกับชั้นสมญา หากพวกมันต้องสังหารแบบประชิดตัวแล้วอาจจะตะกุกตะกักอยู่บ้าง แต่หากใช้รื้อทางเดินระเบียงแล้วกลับเป็นสิ่งที่ถนัดอย่างยิ่ง ผนังมากมายพังถล่มลงมาพร้อมเสียงโครมครามดังสนั่น กับดักมากมายล้วนไม่มีโอกาสได้ทำงาน ลวดลายบนค่ายกลมากมายถูกทำลาย
หากแต่ทั้งปราการเมืองชั้นในนั้นแข็งแรงมั่นคงโดยแท้ แม้ผนังบางส่วนจะถูกรื้อทำลาย แต่ตัวปราการเมืองยังคงมีผนังอื่นค้ำอยู่ จึงยังไม่พังถล่มลงมาดังเดิม
“ฮ่าฮ่า มีจิ้งชิวอยู่ พวกเราก็เบาแรงไปได้มากแล้ว ค่ายกลกับดักกลไกอะไรกัน ทำอันตรายอะไรพวกเราไม่ได้เลยสักนิด” ซือไป่หรงหัวเราะร่า
“ประมาทไม่ได้หรอก” มือของอวี๋จิ้งชิวกุมคทาเวทย์พลางสำรวจความเคลื่อนไหวข้างหน้าอย่างละเอียด “ปรมาจารย์แปรธาตุที่เก่งกาจนั้น ย่อมมีกับดักกลไกที่คาดไม่ถึง งูน้ำแข็งทั้งสองของข้าแม้จะถูกทำลายไปสองครั้งสองคราติดต่อกัน...แต่ก็พูดได้เพียงว่า ค่ายกลกับดักกลไกกว่าเก้าส่วนเท่านั้นที่ถูกทำลายไป ใช่ว่าจะปลอดภัยโดยสิ้นเชิง ยังต้องระมัดระวังอยู่นั่นเอง”
“เกินเก้าส่วนแล้ว ไม่มีปัญหาหรอก อีกทั้งหลูหวายหรูผู้นั้น...เกรงว่าคงจะไม่ได้เก่งกาจเท่าที่จิ้งชิวคาดเอาไว้หรอก จิ้งชิว เจ้าอยู่ในสำนักลมหวน ได้พบแต่ยอดฝีมือที่เก่งกาจยิ่งทั้งนั้น หลูหวายหรูจะไปเปรียบได้ที่ไหนกัน” ซือไป่หรงพูด แม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่การกระทำของเขานั้น เขากลับตามติดเหลียงยงผู้คุ้มกันมากประสบการณ์อยู่ตลอด เห็นได้ชัดว่ายังคงระมัดระวังอย่างยิ่ง
……
ณ ตำหนักใหญ่แห่งหนึ่งภายในส่วนลึกของที่เร้นลับในปราการเมืองชั้นใน
หลูหวายหรูนั่งขมวดคิ้วอยู่บนบัลลังก์บนที่สูงของตำหนักใหญ่ ด้านข้างมีลูกน้องสามคนยืนอยู่ แต่ละคนล้วนเป็นอัศวินชั้นดาวตก
“สมควรตาย คิดไม่ถึงว่านักเวทย์ผู้นั้นจะเป็นถึงนักเวทย์ชั้นจันทร์เงิน” หลูหวายหรูขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้เขาแค่เห็นด้านนอกเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ขนาดคนธรรมดายังไม่ได้แข็งตายในทันที เขาจึงคิดว่าคงไม่ได้เก่งกาจเท่าใดนัก เขาไม่กล้าโผล่หน้าออกไปมาโดยตลอด ขนาดพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งห้าหน้าตาเป็นเช่นไรนั้นเขาก็ล้วนไม่ได้เห็น ย่อมไม่รู้ว่าอวี๋จิ้งชิวมาอยู่แล้ว
“ท่านเจ้าแท่นบูชา ทำอย่างไรดีขอรับ” ผู้พิทักษ์กฎทั้งสามล้วนมองไปที่เขา
“ยังจะทำอย่างไรได้อีกเล่า งูน้ำแข็งสองตัวมาทำลายที่ต่างๆ เอาตามอำเภอใจตั้งมากมาย ค่ายกลของข้าถูกทำลายหมดแล้ว กับดักกลไกนั้นจะมีสักกี่อันที่ยังใช้งานได้ ต่อให้ถูกกระตุ้นให้ทำงาน อย่างมากก็แค่ทำลายพลังของงูน้ำแข็งเล็กน้อยเท่านั้น” หลูหวายหรูส่ายหน้า “เห็นทีจะมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวแล้ว”
กับดักกลไกทั่วทั้งปราการเมืองชั้นในของเขานั้น ย่อมมีบางอันที่เป็นท่าไม้ตาย
แต่มีงูน้ำแข็งยักษ์สองตัว…
ทำให้มีเพียงกับดักกลไกที่ยุ่งยากที่สุด ทำลายได้ยากที่สุดเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่จะมีประโยชน์มากที่สุดได้
“มีกับดักไม้ตายอยู่อันหนึ่ง ก็คือระเบียงที่เจ็ด” หลูหวายหรูเอ่ย “เป็นหนึ่งในกับดักที่ทรงอานุภาพที่สุดที่ข้าวางเอาไว้ ทว่ามีงูน้ำแข็งยักษ์สองตัวนั้นขวางอยู่ข้างหน้า เกรงว่ากับดักนี้คงจะฆ่าอัศวินจันทร์เงินได้แแค่สองสามคนเท่านั้น...ดังนั้นคงต้องให้ผู้พิทักษ์กฎทั้งสามลงมือเสียแล้ว ในขณะที่พวกมันถูกกับดักทำร้ายสาหัสนั้น พวกเจ้าไปช่วยแทงซ้ำ เฮอะ ชั่วขณะที่สำคัญต่อชีวิตที่สุดนั้น พวกเจ้าสามคนเปรียบดั่งอัศวินจันทร์เงินไปสังหาร พวกมันย่อมต้องตายแน่นอน”
“ขอรับ” ผู้พิทักษ์กฎทั้งสามล้วนน้อมรับคำสั่ง จากนั้นก็หยิบจี้ออกมาจากอกอย่างทะนุถนอม จี้นั้นสามารถเปิดออกได้ ด้านในเป็นผลึกแก้วสีโลหิตเม็ดหนึ่ง
พวกเขาทั้งสามล้วยเงยหน้ากินผลึกแก้วสีแดงโลหิตเม็ดนั้นเข้าไป
จากนั้นผิวก็เริ่มเป็นสีแดงเรื่อ โลหิตทั้งกายพลุ่งพล่าน พลังการต่อสู้ในกายก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
นี่เป็นวัตถุรักษาชีวิตของพวกเขา… “เทพมารศิลาวารี” ไม่มีประโยชน์ใดต่อชั้นสมญา แต่สำหรับอัศวินดาวตกและอัศวินจันทร์เงินนั้น มีผลช่วยเพิ่มพลังเป็นอย่างมาก ยิ่งพลังต่ำต้อยเท่าใด ก็ยิ่งเห็นผลชัดเจนขึ้นเท่านั้น อัศวินดาวตกธรรมดากินแล้วก็จะมีพลังเทียบเท่าอัศวินจันทร์เงินได้ในระยะเวลาอันสั้น แน่นอนว่าหลังจากยาออกฤทธิ์พ้นไปแล้วก็จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าถึงสองสามวันเลยทีเดียว
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ของวิเศษที่สามารถเพิ่มพลังได้มากถึงระดับนี้ก็ล้ำค่ายิ่งแล้ว พวกเขาเป็นผู้พิทักษ์กฎของแท่นบูชาย่อยแห่งนี้ แต่ละคนก็มีเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น
“ไม่ต้องทะนุถนอมแล้ว รอพ้นครั้งนี้ พวกเราก็ต้องย้ายไปแน่นอน ถึงเวลานั้นข้าจะช่วยขอให้พวกเจ้าอีกคนละเม็ดเอง” หลูหวายหรูพูด “รีบไปเถอะ ไปคอยที่ด้านหลังของระเบียงที่เจ็ด”
“ขอรับ”
ผู้พิทักษ์กฎผิวแดงเรื่อทั้งสามรีบเดินออกไปทันที
ในยามนี้เอง ก็มีบุรุษผู้แข็งแกร่งราวสัตว์ประหลาดเดินเข้ามาจากด้านข้าง ฝีเท้าของเขานั้นทำให้ทั้งตำหนักใหญ่สั่นสะเทือน เมื่อหลูหวายหรูเห็นเข้าก็รีบยืนขึ้นอย่างนอบน้อมทันที บุรุษผู้แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาดผู้นี้พูดขึ้นอย่างสบายๆ ว่า “ทำไมรึ พบเรื่องยุ่งยากเข้าให้แล้วหรืออย่างไร”
“เรียนใต้เท้าเทวทูต เกรงว่าที่นี่จะถูกเปิดเผยเสียแล้วขอรับ” หลูหวายหรูเอ่ย
“ถูกเปิดเผยรึ” เดินมาถึงข้างบัลลังก์ เขานั่งลงแล้วแค่นเสียงอย่างเย็นชาว่า “คงไม่ได้ค้นพบข้าหรอกกระมัง”
“หากค้นพบใต้เท้าเทวทูตแล้ว ก็คงไม่มาเพียงชั้นจันทร์เงินสองสามคนแล้ว เกรงว่าคงจะส่งซือเหลียงหง เซี่ยงผางอวิ๋นหรือเป็นไปได้ว่าอาจถึงขั้นส่งพวกเหนือธรรมดามา”หลูหวายหรูพูด พลังชั้นสมญาก็มีข้อแตกต่างอยู่เช่นกัน
ชั้นสมญาโดยทั่วไป ก็ได้รับเพียงคำสั่งสำริด
พวกที่เก่งกาจจะถูกจัดอยู่ในสามพันรายชื่อแรกของทั้งอาณาจักร ผู้ที่เข้าอยู่ในรายชื่อกับไม่ได้เข้าอยู่นั้นแตกต่างกันอย่างมาก
ส่วนซือเหลียงหงนั้นเป็นสัตว์ประหลาดชรา เป็นแม่มดเลือดที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปี เซี่ยงผางอวิ๋นยิ่งอำมหิตใหญ่ ทั้งสองนั้นจัดเป็นอันดับประมาณห้าร้อยในชั้นสมญาของทั้งอาณาจักรภูผามังกร อยู่เหนือชั้นสมญาทั่วไปมากนัก
“ชั้นจันทร์เงินสองสามคนเช่นนั้นหรือ” บุรุษผู้แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาดยิ้มเยาะ “เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าก็เป็นแค่มดปลวกเท่านั้น น่าเสียดาย เพิ่งจะมีคืนวันอันสงบ พักผ่อนอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็ต้องจากไปเสียแล้ว”
……………………………………………………………………………………………………………………