ตอนที่ 26 ความในใจของชิงสือ
“ในฐานะที่ท่านเป็นทายาทสายตรงของตระกูลตงป๋อ ไม่ได้รับส่วนแบ่งก็แล้วไป จะดีร้ายอย่างไรก็ควรรู้ว่าแท้จริงแล้วท่านพ่อท่านแม่ท่านทิ้งสมบัติมหาศาลไว้เท่าไหร่กระมัง” จีหรงส่ายหน้า “แต่ท่านไม่รู้อะไรเลย บางทีอาจเป็นข้าที่ดูแคลนคนไปเองก็ได้ แต่จิตคิดป้องกันนั้นย่อมมิผิดหรอก!”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว” ชิงสือโมโหขึ้มาบ้าง “ความรู้สึกของข้าและท่านพี่น่ะ เจ้าไม่เข้าใจสักนิด!”
“รอท่านพี่ท่านไล่ท่านออกไปจากบ้านก่อนเถอะ ท่านจะต้องตะลึงตาค้าง” จีหรงส่ายหน้า
“เจ้า นังหญิงนี่ หุบปากให้ข้าเดี๋ยวนี้!” ชิงสือตาแดงก่ำ ดวงตามีน้ำตาคลอ “เขาเป็นพี่ชายข้า เป็นญาติคนสำคัญที่สุดของข้า! เจ้ารู้หรือไม่เล่า”
จีหรงถูกตะคอกจนตกใจอยู่บ้าง
นางมองหนุ่มน้อยนัยน์ตาแดงก่ำตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าแล้วยื่นมือไปจับมือชิงสือ “ขอโทษนะ ข้าผิดไปแล้ว”
“ความรู้สึกของข้าและท่านพี่น่ะ เจ้าไม่เข้าใจสักนิด จากนี้ไปก็อย่าพูดเรื่องพวกนี้อีก ข้าอึดอัดนัก” เสียงของชิงสือสั่นเครือ
“อืม” จีหรงพยักหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านก็รู้ว่าตอนนั้นท่านพ่อข้าถูกขับไล่ไสส่งออกจากบ้าน ตอนนั้นบ้านเราน่าอนาถนัก ไม่มีที่ซุกหัวนอน ต้องไปอาศัยอยู่ที่ตระกูลท่านแม่ข้าชั่วคราว ข้า ท่านพ่อ ท่านแม่ข้า...เมื่ออยู่ในตระกูลท่านแม่ก็ถูกผู้อื่นดูแคลนมาตลอด ถูกกดขี่มาตลอด วันคืนเหล่านั้นเป็นช่วงที่ข้าไม่อยากจะหวนกลับไปนึกถึงมากที่สุดในชีวิตนี้ โชคดีที่ท่านพ่อข้าเริ่มต้นการค้าใหม่อีกครั้ง มิฉะนั้น เกรงว่าข้าคงไม่มีโอกาสได้มาเรียนเวทมนตร์…”
“ข้าเข้าใจเจ้า” ชิงสือพูด “แต่ตระกูลข้าและตระกูลเจ้านั้นไม่เหมือนกัน พอแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ ข้าก็จะกลับแล้วเช่นกัน”
ชิงสือพูดพลางหันกลับไปทางปราการเมือง
จีหรงมองตามเงาหลังของชิงสือที่ลับหายไปอย่างเงียบงัน
“คิดไม่ถึงว่าพี่ชายเขาจะมีสถานะสูงส่งถึงเพียงนี้ในหัวใจของเขา” คิ้วของจีหรงเลิกขึ้นน้อยๆ “ข้าและตงป๋อชิงสือผู้นี้เรียนเวทมนตร์มาด้วยกัน เป็นคนรักของเขามาก็เกือบจะครึ่งปีแล้ว เป็นเพราะครั้งนี้สบโอกาสจึงย่อมต้องพูดสักครั้ง! อีกทั้งที่ข้าพูดไปก็เป็นสัจธรรมซึ่งเป็นจริงอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะกระทบเขาถึงเพียงนี้”
“ที่แท้แล้วตระกูลตงป๋อนี่ได้รับสมบัติมหาศาลอะไรมากันแน่”
“หากข้าสามารถสืบรู้ได้…”
จีหรงยิ้มบางๆ นัยน์ตามีแววร้ายกาจสายหนึ่ง “แม้เขาและพี่ชายจะผูกพันลึกล้ำ แต่วันนี้ก็นับว่าสร้างรอยร้าวขึ้นมารอยหนึ่งแล้ว ต้องผลิดอกออกผลแน่ ตงป๋อชิงสือผู้นี้อ่อนวัยไร้เดียงสาเกินไป พี่ชายเขาปกป้องเขาจนเกินไป หากเด็กน้อยคนหนึ่งเช่นนี้ก็ยังจัดการไม่ได้ เช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่”
……
ตงป๋อชิงสือกำลังเดินอยู่ระหว่างทางกลับปราการเมือง
“แต่ไหนแต่ไรท่านพี่ก็ไม่เคยหลอกข้า” ตงป๋อชิงสือเตะหินก้อนหนึ่งอย่างแรงจนกระเด็นไป ก้อนหินลอยละลิ่วไปร่วงยังที่ไกลลิบแล้วกลิ้งต่อไปอีกไกลโขจนกลิ้งตกจากยอดเขา
“ตอนแรกที่ข้าจะคารวะเป็นศิษย์ในสำนักของอาจารย์ ได้ยินว่าเงื่อนไขที่อาจารย์ตั้งไว้คือห้าหมื่นตำลึงทองหรือหัวใจราชันย์หมาป่าจันทร์เงิน” ทันใดนั้นดวงตาของตงป๋อชิงสือก็เป็นประกายวาบขึ้นมา “ตอนนั้นท่านพี่ข้าบอกว่าจะมีข่าวคราวภายในหนึ่งเดือน จากนั้นเขาก็ไปยังแนวเขาทำลายล้างกับท่านอาจง...ทั้งกวาดล้างกองมีดโค้งและสังหารราชันย์หมาป่าจันทร์เงินสำเร็จในคราวเดียว เช่นนี้จึงเชื่อกันว่าเขาเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในเมืองอี๋สุ่ย”
“ใช่แล้ว ข้ายังจำได้ว่า...”
“ตอนแรกที่ข้าไปซื้อหอกเทพหิมะเหินเป็นเพื่อนท่านพี่นั้น ท่านพี่ยังเขียนใบค้างหนี้ ค้างไว้หนึ่งหมื่นตำลึงทอง!”
ดวงตาของตงป๋อชิงสือเป็นประกายมากขึ้นเรื่อยๆ “ใช่แล้ว มิผิด หากตอนนั้นท่านพ่อท่านแม่ทิ้งสมบัติมหาศาลไว้จริง เหตุใดตอนแรกท่านพี่ข้าจึงไม่จ่ายห้าหมื่นตำลึงทอง แต่กลับเข้าไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในแนวเขาทำลายล้างได้เล่า เหตุใดจึงยังเขียนใบค้างหนี้หนึ่งหมื่นตำลึงทองอีกเล่า”
หลังเติบใหญ่แล้ว เขาจึงรู้ว่าแนวเขาทำลายล้างอันตรายถึงขั้นไหน
เขาก็มารู้ภายหลังเช่นกันว่า ที่อาจารย์รับศิษย์ถ่ายทอดเองในตอนนั้น มีเงื่อนไขอันโหดร้ายเพียงใด...ห้าหมื่นตำลึงทองหรือหัวใจราชันย์หมาป่าจันทร์เงิน แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะไม่ได้ปริปากพูด แต่ที่จริงแล้วนี่ก็มิใช่ความลับอันใด ชิงสือก็เป็นศิษย์ถ่ายทอดเองมาตลอด ย่อมรู้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อรวมกับที่ในตอนนั้นพี่ชายตนไปยังแนวเขาทำลายล้างและสังหารราชันย์หมาป่าจันทร์เงินด้วยแล้ว ย่อมคาดเดาออกมาได้เป็นธรรมดา
ดังนั้นก้นบึ้งหัวใจของเขาจึงรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก
เขาก็รู้สึกว่า...
พี่ชายเป็นเหมือนกับขุนเขาใหญ่ ที่คอยปกป้องเขาอยู่ตลอด
ผู้คนล้วนพูดกันว่าความรักของบิดานั้นดั่งขุนเขา
หากแต่ในความทรงจำของเขา ท่านพ่อท่านแม่นั้นช่างเลือนราง จำได้ไม่ชัดเจนแล้ว เขาจำได้เพียงว่าพี่ชายดูแลเขาอย่างสุดหัวใจมาตลอดหลายปีนี้
“ต้องมีจิตคิดป้องกันผู้อื่นอะไรกัน ท่านพี่ข้าไม่มีทางหรอก”
“จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงรึ ต่อให้ท่านพี่ข้าทำอะไรลงไปจริง ต่อให้ไล่ข้าออกนอกแดนอินทรีหิมะ ข้าก็ยินยอม”
ตงป๋อชิงสือขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
แต่ต้องยอมรับว่า คำพูดของจีหรงพวก ‘ต้องมีจิตคิดป้องกัน’ ผู้อื่นอะไรนั่นก็มีผลกระทบต่อเขาอยู่บ้าง คือทำให้เขาตระหนักได้ว่า ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเขาโตขึ้นก็ต้องพึ่งตนเอง อย่างไรเสีย จะพึ่งพาพี่ชายไปตลอดกาลนั้นก็คงไม่น่าสนุกจนเกินไปแล้ว
“สมควรตาย สมควรตาย ไม่สำราญเลยจริงๆ!” ตงป๋อชิงสือไม่สบายใจยิ่ง หลายปีมานี้เขาไร้ซึ่งความกังวลมาตลอด แต่คำพูดของจีหรงนั่นทำให้จิตใจของเขาสับสนวุ่นวาย
******
ณ ห้องหนังสือในปราการเมืองศิลาหิมะ
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งยิ้มอยู่ด้านหนึ่ง มองดูท่านอาจงและท่านอาถงที่กำลังลองสิ่งของเช่นพวกเกราะชั้นในแปรธาตุและเกือกรบอยู่
“เสวี่ยอิง เจ้านี่ฟุ่มเฟือยจริง” จงหลิงพูดขึ้นอย่างอดมิได้ “เจ้าซื้อมาเยอะเพียงนี้ ใช้ไปสักกี่ตำลึงทองกัน”
“ฮ่าฮ๋าฮ่า...ไม่นับเป็นอะไรได้หรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิงฟันยิ้ม “เมื่อรับภารกิจครั้งนี้ได้พบจุดหักเหมากมาย ถึงกับได้พบศัตรูชั้นสมญาเข้าผู้หนึ่ง”
“ชั้นสมญาหรือ”
จงหลิงและถงซานตกตะลึง
สวรรค์
ชั้นสมญาในความรู้สึกของพวกเขานั้น ก็คือท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด ย่อมสูงจนมิอาจเอื้อมถึง ดังนั้นพลังรบของตงป๋อเสวี่ยอิงถึงชั้นสมญา พวกเขาก็ภาคภูมิใจและตื่นเต้นมาตลอด แต่พวกเขาก็เชื่อว่า อย่างไรก็ตามตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังเด็กเกินไป ยังไม่ถึงขั้นที่จะ‘ฟ้าและคนรวมเป็นหนึ่ง’ หากเปรียบเทียบกับเหล่าผู้แกร่งกล้าชั้นสมญาในตำนานที่โตกว่ารุ่นหนึ่งแล้ว เกรงว่ายังคงอ่อนแอกว่าบ้าง
คิดไม่ถึงว่าระหว่างภารกิจจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น นั่นคือได้พบกับชั้นสมญา!
“แม้เขาจะมีพลังแกร่งกล้ายิ่ง ทั้งยังมีวิธีการอันเยี่ยมยอด แต่สุดท้ายแล้วข้าก็กำจัดเขาทิ้งไปได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิงฟันยิ้ม ดีใจเป็นอย่างยิ่ง “เขาตาย ข้าอยู่! ข้าได้แหวนเก็บวัตถุของเขามา ของล้ำค่ามากโขอยู่ ฮ่าฮ่า ซื้อของเหล่านี้ยังนับว่าสบายนัก”
จงหลิงและถงซานล้วนรู้สึกภาคภูมิใจและตื่นเต้นเพราะตงป๋อเสวี่ยอิง
“เสวี่ยอิงเอ๋ย” จงหลิงกังวลอยู่บ้าง “คิดไม่ถึงว่าภารกิจชั้นเหล็กดำชิ้นหนึ่งก็ยังเกิดเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้น เจ้าบอกว่าเจ้าจะสะสมให้ได้สองหมื่นแต้มคุณูปการแล้วไปช่วยพวกตงป๋อและอาอวี๋ แต่สองหมื่นแต้มคุณูปการ...ต่อให้เป็นภารกิจชั้นสำริด ฟังเจ้าพูดแล้วที่ค่อนข้างง่ายหน่อยก็หนึ่งพันแต้มคุณูปการ หากหนึ่งหมื่นแต้มคุณูปการก็เกรงว่าจะเป็นภารกิจชั้นสำริดที่ค่อนข้างอันตรายแล้ว
“ภารกิจชั้นเหล็กดำล้วนมีภยันตรายและจุดหักเห ภารกิจชั้นสำริดที่อันตรายมากด้วยตัวเองอยู่แล้วยังจัดอยู่ระดับบนอีก เจ้าจะทำให้สำเร็จสองครั้งเช่นนั้นหรือ” จงหลิงจิตใจไม่สงบอยู่บ้าง “ไม่ปลอดภัยเกินไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าก็รออีกหน่อยเถอะ รอให้พลังของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อย”
“วางใจเถิดท่านอาจง ข้ามีทางสำเร็จของข้าเอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดปลอบ
“ทางสำเร็จรึ” จงหลิงจิตใจไม่สงบเช่นเดิม
ทางสำเร็จอันใดเล่า
ภารกิจชั้นเหล็กดำชิ้นหนึ่งมีสิ่งมีชีวิตชั้นสมญาโผล่ออกมาคนหนึ่ง หากเป็นภารกิจชั้นสำริดบางชิ้นที่ค่อนข้างยาก จู่ๆ เกิดมีชีวิตเหนือธรรมดาโผล่มาเล่า แม้หอภูผามังกรจะไม่จัดภารกิจที่ต้องตายแน่ออกมา แต่เหตุไม่คาดคิดนั้นก็พูดได้ยาก
“ท่านพี่” ข้างนอกมีเสียงของตงป๋อชิงสือลอยแว่วมา
“ชิงสือมาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม ประตูห้องหนังสือถูกเปิดออก ตงป๋อชิงสือหัวเราะพลาง ตื่นเต้นดีใจพลางขณะเดินเข้ามา “ท่านพี่ ท่านไม่ได้บอกว่าท่านจะให้ของกำนัลข้าหรือ ของกำนัลอะไรกัน ว้าว ท่านอาจง ท่านอาถง เหตุใดพวกท่านจึงแปลงโฉมกันหมดแล้วเล่า เกราะชั้นในที่สวมอยู่บนร่างดูเหมือนจะไม่ธรรมดา เกือกนี่ทำไมจู่ๆ ก็เปลี่ยนเสียแล้ว ยังไม่เคยเห็นด้วย”
“ครั้งนี้ข้าออกไปได้ผลอันงาม ดังนั้นจึงซื้อของกำนัลมาเยอะหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มพูด “ข้าก็ซื้อมาให้เจ้าบ้างเช่นกัน”
พูดพลางโบกมือ
ฟิ้วๆๆๆๆ…
ด้านข้างมีวัตถุมีค่าปรากฎขึ้นมาชุดแช้วชุดเล่า ล้วนเป็นเครื่องมือนักเวทย์ชั้นฟ้าชั้นยอดเหล่านั้น
“อาภรณ์ชุดนี้ ด้านในมีรูปแบบเวทมนตร์ ‘เกราะคุ้มกายอุทกน้ำแข็ง’ อันสมบูรณ์ อยู่ เป็นเวทมนตร์คุ้มกายอย่างง่ายที่เกิดขึ้นจากเวทมนตร์สองชนิดรวมกันได้แก่เกราะน้ำแข็งและระลอกน้ำ มีแข็งมีอ่อน แต่กระตุ้นออกมาได้ในพริบตา! อานุภาพเท่าเทียมกับห้าส่วนของเวทมนตร์คุ้มกันที่เหล่านักเวทย์ชั้นดาวตกร่ายออกมา” ตงป๋อเสวี่ยอิงค่อยๆ แนะนำอย่างได้ใจเล็กน้อย “กำไลวงนี้ ด้านในมีรูปแบบเวทมนตร์เขตแดนเกล็ดน้ำแข็งขนาดย่อม อานุภาพเท่าเทียมกับสามส่วนของนักเวทย์ชั้นดาวตก แหวนวงนี้…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงแนะนำทีละอย่าง
ชิงสือทั้งประหลาดใจ ทั้งตื่นเต้น
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดครั้งนี้พี่ชายตนจึงมอบคทาเวทย์และอาภรณ์เครื่องมือนักเวทย์ให้ข่งโยวเยวี่ย ต้องรู้ว่าผ่านมาหลายปีล้วนไม่เคยมอบให้อย่างไรเล่า! นี่เป็นเพราะครั้งนี้พี่ชายของตนได้อะไรมามากมายยิ่งนัก ขนาดวัตถุแปรธาตุอันมีค่าบนร่างของท่านอาจงท่านอาถง เมื่อรวมราคาขึ้นมาแล้วย่อมต้องสูงกว่าของข่งโยวเยวี่ยแน่นอน ส่วนสิ่งเหล่านี้ของเขายิ่งสูงค่ามากขึ้นไปอีก
สิ่งเหล่านี้ ทุกชิ้นล้วนเป็นเครื่องมือนักเวทย์ชั้นฟ้าชั้นยอดทั้งสิ้น ที่ผ่านมาแม้แต่จะคิดเขายังไม่กล้าคิดเลย
………………………………………………………………