ตอนที่ 25 จีหรง
คืนนั้น ภายในปราการเมืองศิลาหิมะ
โต๊ะยาวตัวใหญ่ยิ่ง อาหารหลายสิบชนิดเรียงรายเต็มโต๊ะ อุดมสมบูรณ์เป็นที่สุด ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งในที่ประธาน จงหลิงและถงซานนั่งอยู่สองด้านซ้ายขวา ฝั่งตรงข้ามคือชิงสือน้องชายและคนรักสาวตัวน้อยของเขา ส่วนข่งโยวเยวี่ยนั้นนั่งอยู่กับคนรักสาวตัวน้อยนั้น
“ท่านพี่ นี่คือจีหรง เป็นศิษย์ของอาจารย์เช่นกัน บ้านก็อยู่ในเมืองอี๋สุ่ยนี่แหละ” ชิงสือหน้าแดงเล็กน้อย ทว่ายังคงพูดออกมาอย่างสบายใจ
“จีหรงหรือ ฮ่าฮ่า…” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มมอง “เจ้าก็เรียกข้าว่าพี่ใหญ่เหมือนชิงสือก็แล้วกัน”
“จีหรงคำนับพี่ใหญ่เสวี่ยอิง” จีหรงพูดด้วยน้ำเสียงสดใสไพเราะเสนาะหู
สาวน้อยนามจีหรงผู้นี้ยังดูอ่อนเยาว์ อายุอานามคงเท่าๆ กันกับน้องชาย ร่างไม่สูงนัก นับว่าตัวเล็กปราดเปรียว ดวงตาสวยงามยิ่ง ก็ถือได้ว่าเป็นสาวงามตัวน้อยแล้ว ดูเหมาะสมกับน้องชายดี ไม่ทันไร...จากเด็กอมมืออ้วนจ้ำม่ำคนนั้น มาวันนี้น้องชายถึงขั้นที่มีคนรักแล้วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
จะว่าไปแล้ว ตนยังไม่เคยมีคนรักจริงๆ เลยจนบัดนี้! ถึงแม้ตนจะค่อนข้างสนิทสนมกับโยวเยวี่ย แต่เพราะมีเรื่องช่วยเหลือพ่อแม่ติดอยู่ในใจ แต่ไหนแต่ไรตนจึงไม่เคยทำความสัมพันธ์ให้ชัดเจน
“พบหน้ากันครั้งแรก ข้าก็เตรียมของกำนัลมาชิ้นหนึ่ง โปรดอย่าได้ดูแคลนเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางพลิกมือ กล่องหยกแก้วปรากฏขึ้นในมือ
“ยังไม่รีบไปอีก” ชิงสือเร่งคนรักสาว
จีหรงก็ลุกขึ้นเดินไป รับกล่องมาจากมือตงป๋อเสวี่ยอิง “ขอบคุณพี่ใหญ่เสวี่ยอิง”
“ฮ่าฮ่า…” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มแต่ก็หลั่งเหงื่อออกมาอยู่บ้าง ตนซื้อของมีค่าให้น้องชาย โยวเยวี่ย ท่านอาจงและท่านอาถง แต่กลับไม่ได้นึกถึงคนรักสาวของน้องชายเลยแม้แต่น้อย อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยพบนาง จึงหลงลืมไปชั่วขณะ! หลังได้รู้ว่าน้องชายจะพาคนรักมากินข้าวเย็นด้วยนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รีบพลิกหาของทันที
โชคดีที่ออกไปครั้งนี้ได้อะไรกลับมามากมาย ในมุมอับของแหวนเก็บวัตถุของใต้เท้าเทวทูตผู้นั้นมีอัญมณีอยู่หีบหนึ่ง คาดว่าเป็นของที่ใต้เท้าเทวทูตบังเอิญได้มาในสักช่วงหนึ่ง อัญมณีหีบนั้นนับรวมกันทั้งหมดแล้วมีค่ากว่าแสนตำลึงทอง ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบคัดอัญมณีที่ค่อนข้างจะสวยงามขึ้นมาชุดหนึ่ง แล้วใส่ลงในกล่องหยกแก้วที่ดีกล่องหนึ่ง ดูแล้วมีราคาราวหนึ่งพันตำลึงทอง
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นคนรักของน้องชาย แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นภรรยาที่แต่งเข้าบ้านจริง หนึ่งพันตำลึงทองก็ล้ำค่าพอแล้ว! แดนใต้อาณัติบางแห่งทำงานปีหนึ่งก็ประมาณหนึ่งพันตำลึงทอง
“ท่านพี่ ท่านออกไปครั้งนี้ไวนัก ข้ายังคิดว่าท่านออกไปจะใช้เวลาสักครึ่งค่อนเดือนอีก” ชิงสือพูด
“ครั้งนี้ข้าเข้าไปยังตัวเมือง ซื้อของกำนัลมาให้เจ้าและโยวเยวี่ย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “โยวเยวี่ย นี่ของเจ้า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางพลิกมือหยิบคทาเวทย์ด้ามหนึ่งและอาภรณ์สีม่วงชุดหนึ่งออกมา
“พี่เสวี่ยอิง ของพวกนี้ให้ข้าหรือ” ข่งโยวเยวี่ยงลังเลอยู่บ้าง คทาเวทย์ดูแล้วแพงมาก เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ฝีมือตัดเย็บไม่ธรรมดา “คทาเวทย์นี้ทำจากไม้ฟงอิ๋น ราคาสูงยิ่ง ข้า…”
“ข้าให้เจ้า เจ้าก็รับไว้เถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะยิ้มๆ คทาเวทย์แค่สองพันตำลึงทอง อาภรณ์นี่ต่างหากที่ราคาถึงหนึ่งหมื่นแปดพันตำลึงทอง! อาภรณ์นี้เป็นเครื่องมือคุ้มกายของนักเวทย์ชั้นฟ้า
“หากให้สาวน้อยผู้นี้รู้ว่าอาภรณ์นี้เป็นถึงเครื่องมือนักเวทย์ชั้นฟ้า เกรงว่าคงไม่ยอมรับไว้เป็นแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบหัวเราะ
“อืม” ข่งโยวเยวี่ยจึงยอมรับไว้
จีหรงนั่งอยู่ข้างข่งโยวเยวี่ย นางมองไปยังคทาเวทย์ด้ามนั้น แล้วก็มิงไปยังอาภรณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปทันใด
“ท่านพี่ แล้วข้าล่ะ ของข้าล่ะ ท่านไม่ได้บอกว่าเอาของกำนัลมาให้ข้าเหมือนกันหรอกหรือ” ชิงสืออดรนทนไม่ได้อยู่บ้า
“รีบร้อนอะไรเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเขาคราหนึ่ง “ดูท่าทางร้อนใจของเจ้าลูกลิงนี่สิ รอกินข้าวเสร็จแล้วข้าค่อยให้เจ้า”
“ท่านจงใจนี่นา” ชิงสือพูดอย่างจนใจอยู่บ้าง
“ข้าก็จงใจน่ะสิ ดัดนิสัยเจ้าเสียบ้าง เป็นถึงนักเวทย์ ความอดทนเล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่มี” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้าเบาๆ
“อ้อ” ชิงสือได้แต่ทำคอตกแต่โดยดี
……
หลังกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว โยวเยวี่ยก็พักอยู่ในปราการเมือง แต่เดิมภายในปราการเมืองศิลาหิมะก็เตรียมลานเล็กให้โยวเยวี่ยแห่งหนึ่งอยู่แล้ว
ส่วนชิงสือก็ส่งคนรักสาวของเขากลับไปยังหอนักเวทย์
“จีหรง ให้ข้าดูหน่อยสิว่าท่านพี่ให้ของกำนัลพบหน้าอะไรแก่เจ้า” ชิงสือและจีหรงเดินเคียงข้างกัน
จีหรงจึงเปิดกล่องแก้วผลึกนั้นออก
ภายในกล่องวางสร้อยคออัญมณีสีเขียวมรกตเส้นหนึ่งเอาไว้ อัญมณีสีเขียวมรกตเม็ดนั้นเปล่งรัศมีสีเขียวอ่อนจางภายใต้ราตรีอันมืดมิด
“สร้อยคออัญมณีเขียวชั้นยอด” จีหรงเอ่ย “เกรงว่าจะมีราคาเกือบหนึ่งพันตำลึงทองทีเดียว” จะเป็นนักเวทย์ได้ ก็ย่อมต้องรู้จักวัตถุและอัญมณีต่างๆ มากมายเป็นธรรมดา
“แพงถึงเพียงนี้เชียว” ชิงสือตกตะลึง จากนั้นก็พูดอย่างได้ใจว่า “ท่านพี่ข้าใจกว้างใช่ไหมล่ะ”
“ใจกว้างสิ ไม่ใช่ใจกว้างธรรมดานะ” จีหรงเก็บกล่องหยกขึ้น เงียบไปพักหนึ่งจึงเอ่ยเสียงต่ำว่า “ตงป๋อชิงสือ ท่านรู้ไหมว่าของกำนัลที่ท่านพี่ท่านมอบให้ข่งโยวเยวี่ยมีมูลค่าเท่าไหร่”
“คทาเวทย์นั่นหรือ ทำจากไม้ฟงอิ๋นหรือ คงราวสองพันตำลึงทองกระมัง” ชิงสือพูดไปเรื่อย “พี่โยวเยวี่ยอยู่ในปราการเมืองศิลาหิมะของเรามาตั้งนานแล้ว มีความสัมพันธ์อันดีกับท่านพี่ข้า แต่ท่านพี่ไม่เคยมอบคทาเวทย์ให้นางเลย จะมอบคทาเวทย์ดีๆ ให้นางสักอันก็เป็นธรรมดา”
“เฮอะ” จีหรงแค่นเสียงเย็นชาเบาๆ “ที่ข้าพูดถึงไม่ใช่คทาเวทย์ แต่เป็นอาภรณ์ชุดนั้นต่างหาก!อาภรณ์เครื่องมือนักเวทย์ชุดนั้น!”
“เครื่องมือนักเวทย์รึ” ชิงสือเบิกตาโพลง “เจ้าไม่ได้มองผิดแน่นะ”
“ข่งโยวเยวี่ยอยู่ข้างข้า ข้ามองเห็นได้ชัดเจน อาภรณ์ชุดนั้นก็คือเครื่องมือนักเวทย์!ข้างบนยังมีสัญลักษณ์อยู่อันหนึ่ง เป็นสัญลักษณ์ของ ‘ปรมาจารย์เหยียนเหวิน’ ปรมาจารย์แปรธาตุ เครื่องมือที่ปรมาจารย์เหยียนเหวินหลอมออกมา อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นชั้นดินแล้ว ส่วนมากเป็นถึงชั้นฟ้าเสียด้วยซ้ำ!” จีหรงแค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง
“เจ้าไม่ได้จำผิดแน่นะ” ชิงสือไม่อยากจะเชื่อ
“จะดีจะร้ายอย่างไรข้าก็เป็นนักเวทย์คนหนึ่ง ยังจะจำผิดได้หรือ” นัยน์ตาของจีหรงมีความรู้สึกอันลึกลับอย่างหนึ่งแวบขึ้นมา “หากปรมาจารย์เหยียนเหวินลงมือ ต่อให้เป็นชั้นดิน เกรงว่าก็ต้องเป็นชั้นดินขั้นสุดยอด อาภรณ์ชุดนั้นอย่างต่ำก็ต้องห้าพันตำลึงทอง เป็นไปได้ว่าอาจถึงกว่าหมื่นตำลึงทอง รวมกับคทาเวทย์นั่นอีก! ครั้งนี้ของกำนัลที่ท่านพี่ท่านมอบให้ข่งโยวเยวี่ยก็คงราวๆ หนึ่งหมื่นตำลึงทองแล้ว ตงป๋อชิงสือ ท่านพี่ท่านใจกว้างอย่างไม่ธรรมดาจริงๆ”
ชิงสือแยกเขี้ยวยิ้ม “ท่านพี่ข้าและโยวเยวี่ยใกล้ชิดกันมาก”
“ท่านอย่าทำตัวโง่ทึ่มอีกเลย” จีหรงพูดเสียงต่ำต่อไป “เจ้าและท่านพี่ท่านเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ท่านก็เป็นผู้สืบทอดของแดนอินทรีหิมะนี้เช่นกัน! ท่านจะยอมให้ท่านพี่ท่านเอาของมีค่าเหล่านี้ส่งออกไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้หรือ”
ชิงสือสะดุ้งเล็กน้อย
“มาวันนี้ท่านก็อายุสิบหกแล้ว ท่านคงตามติดท่านพี่เจ้าไปตลอดไม่ได้หรอกกระมัง ท่านต้องยืนหยัดด้วยตนเองให้ได้กระมัง” จีหรงพูด “พี่น้องกันแท้ๆ ยังต้องคิดบัญชีกันให้ชัดเจนเลย”
“เจ้าจะพูดวาจานี้ทำไมกัน” ชิงสือขมวดคิ้วด้วยความโกรธเคือง
“ข้าหวังดีต่อท่านหรอกนะ” จีหรงพูดต่อ “ข้ารู้เห็นมาตั้งนานแล้ว ตอนนั้นท่านพ่อข้าทุ่มเททำการค้าอย่างสุดชีวิต ก็เพราะเชื่อท่านลุงใหญ่ของข้ามากเกินไป!เงินที่หามาได้ก็ล้วนนับเป็นเงินของทั้งตระกูลมาตลอด ทุ่มเทชีวิตมายี่สิบปี เงินของทั้งตระกูลก็เป็นเงินที่ท่านพ่อข้าหามาทั้งสิ้น! แล้วสุดท้ายเล่า ท่านลุงใหญ่ของข้าหักหลัง ไล่ท่านพ่อข้าออกมา ท่านพ่อข้าไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน จนต้องมาอาศัยอยู่ที่บ้านท่านแม่ข้า”
“ที่ข้าพูดสิ่งเหล่านี้ ก็เพื่อบอกท่าน ท่านไม่มีจิตคิดร้ายกับใคร แต่ก็ต้องมีจิตคิดป้องกันผู้อื่นด้วย”
“ข้าเคยได้ยินท่านพูดมาตั้งนานแล้วว่า ท่านพี่ท่านฝึกหนัก ทุกวันต้องแช่ยาอาบร่างกายจึงยังไม่พังทลายลงไป! แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า ทุกวันต้องแช่ยาอาบ ปีหนึ่งต้องจ่ายไปกี่ตำลึงทอง ปีหนึ่งต้องจ่ายห้าพันตำลึงทอง! ท่านพี่ท่านแช่ยาอาบตั้งแต่อายุหกปีจนถึงสิบหกปี สิบปีเต็มๆ ต้องสูญเสียไปถึงห้าหมื่นตำลึงทองเพราะเรื่องนี้” จีหรงพูด “ตอนแรกท่านพ่อท่านแม่ท่านซื้อตำแหน่งชนชั้นสูง ซื้อแดนใต้อาณัติ ทั้งยังซื้อธนูทลายดาวจำนวนมาก...ทั้งยังเตรียมยาอาบให้ท่านพี่ท่านไว้ใช้หลายปี ยังมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งเกราะเอย ปราการเมืองเอย สิ่งเหล่านี้รวมๆ กันแล้วก็จวนจะสองแสนตำลึงทองแล้ว แสดงว่าที่ท่านพ่อท่านแม่ท่านผจญภัยในตอนแรกนั้นได้เงินมามากมายมหาศาลเลยทีเดียว!”
“ท่านใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายมาตลอด ก่อนที่ท่านพี่ท่านจะสังหารราชันย์หมาป่าจันทร์เงินก็ไม่เคยหาเงินมาก่อน”
“เงินที่ใช้จ่ายมาตลอดนั้นเป็นเงินที่ท่านพ่อท่านแม่ท่านทิ้งไว้ให้!”
จีหรงพูด “ท่านรู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วท่านพ่อท่านแม่ท่านทิ้งเงินไว้ให้เท่าไหร่ ท่านรู้หรือไม่”
ชิงสือเงียบงัน
“ท่านไม่รู้!” จีหรงยิ้มเย็น “เงินมากมายมหาศาลเพียงนี้ เป็นไปได้มากว่าเมื่อท่านพ่อท่านแม่ท่านผจญภัยในตอนแรกนั้นได้รับมรดกของชั้นสมญาท่านหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจได้รับมรดกของชีวิตเหนือธรรมดาสักท่านก็เป็นได้ อะไรก็อาจมีได้ทั้งนั้น! แต่บัดนี้สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในการควบคุมดูแลของท่านพี่ท่าน ท่านไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านพ่อท่านแม่ท่านทิ้งเอาไว้เลยสักนิด”
“ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ที่ท่านพี่ท่านโน่น มาบัดนี้เขามอบของกำนัลนับหมื่นตำลึงทองให้ข่งโยวเยวี่ยตามอำเภอใจ! นับหมื่นตำลึงทองเชียวนะ ตอนแรกท่านพ่อข้าทุ่มเทหาเงินมายี่สิบปีก็หาได้ราวๆ นี้แหละ เขากลับให้ไปตามอำเภอใจ” จีหรงมองชิงสือ “หากว่ากันอย่างเคร่งครัดแล้ว เงินนี่ไม่ใช่ของพี่ท่าน หากแต่เป็นท่านพ่อท่านแม่ท่านทิ้งเอาไว้ ควรนับว่าพวกท่านพี่น้องมีสิทธิ์ร่วมกัน!”
……………………………………………………………………………………..