ตอนที่ 22 ท่านยังดีอยู่หรือไม่
ผู้ที่จะเป็นเจ้าแท่นบูชาย่อยได้ ย่อมต้องเป็นสานุศิษย์ที่เชื่ออย่างบ้าคลั่ง!
อีกทั้งที่เหล่าเทพปีศาจเทพมารสามารถแทรกซึมไปทั่วเผ่าเซี่ยตลอดกาลเวลาอันยาวนาน มาจนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถขุดรากถอนโคนออกไปได้ ก็เพราะมีวิธีการอันร้ายกาจยิ่งอยู่มากมาย เช่นเทพมารบางองค์ถึงขั้นต้องสาบานว่าจะผูกพันธสัญญาข้ามกาลเวลาเป็นต้น...วิธีการต่างๆ นั้นควบคุมผู้เป็นแกนหลักของบรรดาสานุศิษย์เอาไว้ได้โดยสิ้นเชิง! เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องน้อมทำตามทุกสิ่ง ต่อให้ตายแล้ว วิญญาณก็ต้องมุ่งไปยังที่อยู่ของเทพมาร ติดตามเทพมารไปตลอดกาล!
“แย่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปยังหลูหวายหรูที่อยู่ไกลออกไปแล้วหน้าก็ถอดสี หลูหวายหรูมีสีหน้าลุกลี้ลุกลนบ้าคลั่งผิดปกติ
“โครม!!!”
พื้นมหึมาของตำหนักใหญ่พลันสั่นไหว ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่น! เสาต้นแล้วต้นเล่าภายในตำหนักใหญ่ล้มลงทีละอัน หรือแม้กระทั่งถูกกระแทกจนระเบิดแตกออก
สีหน้าของอวี๋จิ้งชิวและซือไป่หรงซึ่งหลบอยู่ที่มุมตำหนักใหญ่ล้วนเปลี่ยนแปรอย่างใหญ่หลวง
“แข็งตัว แข็งตัว แข็งตัว”
ในยามนี้อวี๋จิ้งชิวร่ายเวทมนตร์ที่เยี่ยมยอดออกมาไม่ทัน ทำได้เพียงร่ายเวทมนตร์ที่อ่อนกว่าออกมาอย่างกะทันหันเท่านั้น เกราะน้ำแข็งบนร่างนางคือเครื่องป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดที่นางพอจะเสกออกมาได้แล้ว แม้เป็นอัศวินจันทร์เงินโจมตีก็พอจะรับมือได้สักครู่หนึ่ง ในยามนี้ ด้วยการร่ายเวทมนตร์อย่างกะทันหันของนาง...เห็นเพียงด้านหน้ามีน้ำแข็งเย็นเยียบแผ่นแล้วแผ่นเล่าปรากฏขึ้น ผิวน้ำแข็งลาดเอียง อวี๋จิ้งชิวก็หลบอยู่ด้านหลังผิวน้ำแข็งที่ลาดเอียงนั่นเอง
เห็นได้ชัดว่านางอยากจะใช้ความลาดเอียงของผิวน้ำแข็งลดแรงปะทะอันรุนแรงนั้นให้ได้มากที่สุด แต่ในยามนี้พลังทำลายล้างที่ปะทุไปทั่วทั้งตำหนักใหญ่ก็ทำให้อวี๋จิ้งชิวหวั่นใจอยู่บ้าง จะรับมือไหวหรือ
“ไม่ ข้าจะตายไม่ได้ ข้าจะตายไม่ได้” นัยน์ตาของซือไป่หรงก็เต็มไปด้วยความหวาดผวา พลันย่อตัวลงหลบอยู่หลังผิวน้ำแข็งลาดเอียงเช่นกัน ยิ่งได้เห็นอวี๋จิ้งชิวมีเกราะน้ำแข็งห่อหุ้มอย่างสมบูรณ์ นัยน์ตาก็มีประกายหนาวเหน็บสาดออกมา เขาจับแขนข้างหนึ่งของอวี๋จิ้งชิวแล้วลากนางมาบังหน้าตนเองเอาไว้ในทันใด
การป้องกันของนักเวทย์ชั้นจันทร์เงินคนหนึ่งก็สามารถลดแรงปะทะลงไปได้มากแล้ว
“ซือไป่หรง!” นัยน์ตาของอวี๋จิ้งชิวเต็มไปด้วยโทสะและความแตกตื่น
“จิ้งชิว เจ้าก็เสียสละเพื่อข้าหน่อยเถอะ ข้าจะดูแลพวกเจ้าตระกูลอวี๋เป็นอย่างดีเอง” ซือไป่หรงใช้อวี๋จิ้งชิวเป็นโล่ หลบอยู่หลังอวี๋จิ้งชิวอย่างมิดชิด เกราะน้ำแข็งมีคุณสมบัติในการลดแรงในตัวอยู่แล้ว มิฉะนั้นหากอัศวินโจมตีทะลุเกราะน้ำแข็งมาได้ก็คงกระทบนักเวทย์คนหนึ่งจนตายได้แล้ว เป็นเพราะเกราะน้ำแข็งลดแรงในตัวได้ ไม่ส่งถ่ายแรงปะทะมา ซือไป่หรงจึงนำอวี๋จิ้งชิวมาเป็นโล่ที่ดีที่สุดได้
ใช้อวี๋จิ้งชิวบังหน้า โอกาสรอดชีวิตของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นมากแล้ว ส่วนอวี๋จิ้งชิวจะอยู่หรือตายน่ะหรือ เขาคร้านจะไปสนใจ แม้เขาจะถวิลหาอวี๋จิ้งชิวมาโดยตลอด แต่ก็เป็นเพราะความสามารถและรูปโฉมของอวี๋จิ้งชิวเท่านั้น เมื่อเผชิญกับความเป็นความตาย เขาย่อมให้ความสำคัญกับชีวิตน้อยๆ ของตนมากกว่า เขายังใช้ชีวิตไม่พอเลยนี่นา
“สมควรตาย สมควรตาย ซือไป่หรง!!!” อวี๋จิ้งชิวทั้งแตกตื่นทั้งโกรธเแค้น เดิมทีนางยังย่อตัวหลบอยู่ล่างสุดของน้ำแข็งที่ลาดเอียงนั้นโดยมีแขนบังหน้าเอาไว้ แต่บัดนี้ถูกจับยึดเอาไว้ ยากที่จะใช้แขนป้องกันตัวเองแล้ว โอกาสตายก็เพิ่มสูงขึ้นมาก
นางโกรธเกรี้ยว
แต่นักเวทย์คนหนึ่งเช่นนางจะหลีกพ้นไปได้ที่ไหนกัน พละกำลังของอัศวินจันทร์เงินมากมายเกินไปแล้ว
ไม่ตายด้วยน้ำมือของเทวทูตที่น่ากลัวนั่น สุดท้ายตายเพราะซือไป่หรงก็น่าอนาถเกินไปแล้ว
……
“แย่แล้ว”
ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็สัมผัสได้ว่าพื้นธรณีสั่นไหวและเริ่มระเบิดแล้ว เขาพลันใจสั่นขึ้นมาวูบหนึ่ง มือซ้ายปรากฏโล่สี่เหลี่ยมสีดำขึ้นมา นี่ยังเป็นโล่ที่อยู่ภายในแหวนเก็บวัตถุหนึ่งในสองวงของเทวทูตอีกด้วย
มือขวาถือหอกยาว มือซ้ายถือโล่
สวบ!
ตงป๋อเสวี่ยอิงพุ่งตรงออกไปไกลด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ในยามนี้เขาปลุกสายเลือดพลังขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ในพริบตา ไอสีแดงโลหิตอ่อนจางหมุนเวียนรายล้อมรอบกายเขา ความเร็วของเขาทะยานสูงขึ้นจนถึงระดับที่น่ากลัวยิ่ง ฟิ้ว ระหว่างที่เขาพุ่งทะยานไปนั้น พื้นตำหนักใหญ่ระเบิดออกแล้ว ก้อนหินจำนวนมากปลิวว่อน ไม่ว่าจะก้อนเล็กหรือใหญ่ แต่ละก้อนล้วนรวดเร็วยิ่ง แรงปะทะชวนให้คนตื่นตระหนก
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง” โล่ในมือซ้ายสกัดก้อนหินหลายก้อนอย่างต่อเนื่อง หอกเทพหิมะเหินก็พุ่งออกไปฟาดฟันก้อนหินใหญ่ ผนังและเสาหินมหึมาจนแตกกระจายออกเสียงดังสนั่น ทำให้ตนเองหลบหลีกไปให้ได้มากที่สุด
ระหว่างการระเบิด…
ตงป๋อเสวี่ยอิงแทบจะพุ่งออกไปร้อยกว่าเมตรในพริบตา ไปถึงตรงที่อวี๋จิ้งชิวและซือไป่หรงหลบอยู่หลังแผ่นน้ำแข็งที่ลาดเอียงนั้น แม้มือหนึ่งจะถือโล่ อีกมือหนึ่งถือหอกเทพหิมะเหิน แต่ร่างกายก็ยังคงถูกก้อนหินหลายก้อนกระทบโดน อย่างไรเสียอานุภาพการระเบิดนั้นก็แน่นขนัดไปทั่วทุกอณู เขาได้แต่ใช้ร่างกายต้านรับไว้บ้างเพื่อให้หนีออกมาได้โดยเร็วที่สุด
ทว่าชั้นสมญาขั้นสุดยอดที่ทั้งสายเลือดพลังปะทุออกมาและมีวิถีการต่อสู้คุ้มกาย ต่อให้ร่างกายต้านรับแรงปะทะจากการระเบิดเอาไว้ทั้งหมดอย่างมากก็แค่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น เพียงแค่ก้อนหินเล็กน้อยระเบิดออกแล้วกระทบเข้ากับร่างของตนก็แค่ทำลายวิถีการต่อสู้คุ้มกายเท่านั้น ขนาดอาภรณ์ที่เหนียวทนทานยังทะลุเป็นรูเล็กๆ แต่อย่างไรร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็แข็งแกร่งยิ่งกว่า
ร่างกายของเขาต้านรับแรงปะทะได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าซือไป่หรงนี่!” ตงป๋อเสวี่ยอิงพุ่งตรงมา ก็เห็นซือไป่หรงใช้อวี๋จิ้งชิวเป็นโล่ ความเยียบเย็นสายหนึ่งแวบผ่านอย่างไม่รู้ตัว “ไร้ยางอายสิ้นดี!”
“ไสหัวไป!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงจับอวี๋จิ้งชิวไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะเดียวกันเท้าก็ถีบเข้าที่ร่างซือไป่หรงเต็มๆ นัยน์ตาของซือไป่หรงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ปัง!
เท้าหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นมีพละกำลังรุนแรงเพียงใด ซือไป่หรงถูกเตะจนตัวม้วนงอลอยถอยหลังออกไปในพริบตา เลือดสดๆ คำหนึ่งถูกพ่นออกมาจากปาก! แม้ก่อนหน้านี้เขาจะจับแขนของอวี๋จิ้งชิวเอาไว้ แต่เกราะน้ำแข็งก็ลดพลังที่ฉุดเอาไว้นั้นด้วยตัวเอง ไม่ได้ทำร้ายอวี๋จิ้งชิวเลยแม้แต่น้อย
อวี๋จิ้งชิวเบิกตาโพลงจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเก็บหอกเทพหิมะเหินขึ้นมาโดยไม่ลังเลยแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันก็โอบอวี๋จิ้งชิวเอาไว้ด้านหน้าตนด้วยมือข้างเดียว และนำโล่สี่เหลี่ยมอันใหญ่ที่สุดที่ตนเลือกมานั้นสกัดแรงระเบิดไว้ทางด้านหลัง
……
เดิมทีอวี๋จิ้งชิวถูกซือไป่หรงยึดเป็นโล่ แรงระเบิดรุกคืบเข้ามาแล้ว นางก็สิ้นหวังไปแล้ว
ทันใดนั้นเงาร่างของหนุ่มน้อยชุดดำก็พุ่งเข้ามาในพื้นที่ระเบิดด้วยความเร็วอันน่าหวาดผวา เขารวดเร็วจนก่อให้เกิดเป็นเงาเลือนพุ่งเข้ามา ในสายตาของอวี๋จิ้งชิวปรากฏเงาเสมือนของตงป๋อเสวี่ยอิงหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ตงป๋อเสวี่ยอิงมือหนึ่งถือโล่ มือหนึ่งถือหอกเทพหิมะเหิน สายตายังคงสงบนิ่งคมกริบเช่นเดิม ไม่มีแววตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
ก้อนหินมหึมาและเสาหินที่ระเบิดออกทางด้านข้าง หรือก้อนหินนับไม่ถ้วนที่ลอยละลิ่วมาปะทะล้วนขวางกั้นเขาไม่ได้เลย
ในยามนี้...
อวี๋จิ้งชิวรู้สึกราวกับว่าร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงเปล่งแสง! เหมือนวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่เก่งกาจยิ่งคนหนึ่ง
ในยามนี้หัวใจของนางสั่นสะท้านหาใดเปรียบ
ปัง
เขาเตะซือไป่หรงกระเด็นลอยไปในเท้าเดียว แล้วจับนางรัดนางเอาไว้ด้วยมือเดียวในพริบตา จากนั้นก็ใช้ทั้งแผงอกปกป้องนางเอาไว้ ในยามนี้ได้แนบชิดกับแผ่นอกของตงป๋อเสวี่ยอิง...แม้ยังมีเกราะน้ำแข็งชั้นหนึ่งกั้นเอาไว้ แต่อวี๋จิ้งชิวกลับรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาในทันใด ราวกับอยู่ในอ้อมกอดของท่านพ่อเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
ในยามนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่สนใจอะไรอื่น สนใจเพียงโล่ที่สกัดกั้นอยู่ด้านหลัง!
“โครม…”
ก้อนหินนับไม่ถ้วนถาโถมสาดกระจายไปทั่วสารทิศ แรงปะทะจากการระเบิดเช่นนี้เกิดขึ้นก็เพราะทั้งตำหนักใหญ่ถูกปิดตายอย่างสิ้นเชิง แรงปะทะนี้ยังสั่นสะเทือนในตำหนักใหญ่ไม่หยุดหย่อน หินภูเขาด้านบนก็ถล่มลงมา ผนังรอบตำหนักใหญ่ก็ถล่ม ก้อนหินน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนกลิ้งกระทบกันอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่!” เสียงโหยหวนอย่างโศกเศร้าเสียงหนึ่งดังขึ้น มือของซือไป่หรงถือโล่อันหนึ่งสกัดกั้นอย่างสุดแรง แต่ท่ามกลางการปะทะเช่นนี้ ก็ถูกโจมตีเสียจนกลิ้งหลุนไปในพริบตา จากนั้นเขาก็ถูกก้อนหินจำนวนมากกระแทก วิถีการต่อสู้คุ้มกายของเขาสลายออก ร่างกายก็ยิ่งเปราะบางลงจนบาดแผลจำนวนมากปรากฏขึ้นมาทันตา ศีรษะพลันถูกกระแทกอย่างต่อเนื่องสิบกว่าครั้ง และนัยน์ตาก็ดับมืด สิ้นชีพลงในทันใด
ภายใต้การระเบิดแบบปิดตายเช่นนี้ จะรักษาชีวิตเอาไว้ให้ได้นั้นยากเกินไปแล้ว เกรงว่าคงจะมีเพียงชั้นสมญาเท่านั้นที่พอจะมีโอกาส
“เฮอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อตัวลงครึ่งหนึ่ง ร่างกายกดอวี๋จิ้งชิวเอาไว้ พยายามใช้ร่างกายตนคุ้มกันอวี๋จิ้งชิวให้มิดชิดอย่างเต็มที่ มือซ้ายแทรกลงไปที่พื้นอย่างสิ้นเชิง ส่วนโล่ก็วางลาดเพื่อลดแรง
“โครม…”
แรงปะทะนับไม่ถ้วนกดดันเข้ามา ผิวน้ำแข็งที่ลาดเอียงนั้นพลันถล่มลง ก้อนหินจำนวนมากพุ่งเข้ามาปะทะกับโล่ บางส่วนถึงกับแตกกระจายลงบนเท้าของตงป๋อเสวี่ยอิง
“เฮอะ!” มือซ้ายจับเข้าที่ส่วนลึกของพื้นแล้วยึดไว้เต็มแรง พร้อมใช้โล่ในมือขวาสกัดไว้อย่างสุดแรง ด้วยการระเบิดพลังทำให้เขาต้านทานแรงปะทะนี้ได้อยู่หมัด
ส่วนอวี๋จิ้งชิวก็ไม่ได้รับผลกระทบใดด้วยการปกป้องจากเขา นางก้มศีรษะอยู่ เห็นเพียงฝ่ามืออันทรงพลังของตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างกายกำลังแทรกลงไปในพื้นดินแล้วจับเอาไว้อย่างแน่นหนายิ่ง
เมื่ออวี๋จิ้งชิวได้เห็นฝ่ามืออันทรงพลังนี้ก็รู้สึกเบาใจยิ่ง
“ระวัง!” ทันใดนั้นน้ำเสียงที่เจือแววกระวนกระวายใจก็ดังขึ้น
โครม…
ทั้งตำหนักใหญ่ทลายลง หินก้อนมหึมาข้างบนร่วงลงมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันใช้ร่างกายบดบังป้องกันอวี๋จิ้งชิวเอาไว้จนมิด ขณะเดียวกันก็พยายามใช้โล่ป้องกันไว้ด้านบนอย่างเต็มที่ โครม...ก้อนหินนับไม่ถ้วนร่วงลงมา ตำหนักใหญ่ทลายลงจนหมดสิ้น แทบจะในพริบตาเดียว ตงป๋อเสวี่ยอิงและอวี๋จิ้งชิวก็ถูกก้อนหินนับไม่ถ้วนหนาหลายเมตรกดทับเอาไว้
……
ด้านนอกค่อยๆ เงียบสงบลง
โล่อยู่เบื้องบน
ตงป๋อเสวี่ยอิงและอวี๋จิ้งชิวต่างก็อยู่เบื้องล่าง ความเคลื่อนไหวจากการระเบิดค่อยๆ มลายหายไป รอบด้านมีแต่ความมืดมิด
“เฮอะ” คิ้วของตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดเล็กน้อย ขาขวาถูกกดทับเอาไว้ ทว่าร่างกายของเขาแกร่งกล้ายิ่ง นี่เป็นเพียงอาการบาดเจ็บที่เนื้อหนังเท่านั้น
“ท่านยังดีอยู่หรือไม่” อวี๋จิ้งชิวได้ยินเสียงของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรแล้ว” เสียงของตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงราบเรียบยิ่งเช่นเดิม แขนขวาถือโล่สกัดต้านก้อนหินที่กดทับอยู่ด้านบนอย่างเต็มเหนี่ยว เกรงว่าก้อนหินที่กดทับอยู่เหล่านี้จะหนักถึงสามสี่หมื่นชั่ง “รอสักครู่ ข้าทุบก้อนหินที่กระจัดกระจายพวกนี้ก่อนก็ออกไปได้แล้ว”
………………………………………………………………..