Chapter0046

ตอนที่ 20 เคล็ดต้องห้าม

   

สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ตนเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่บุรุษผู้แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาดผู้นี้กลับมั่นใจในตนเองเช่นนี้ดังเดิม นี่เป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง

    “ปรมาจารย์วิถีหอกยาววัยเยาว์! แท้จริงแล้วพละกำลังของเจ้ายังแข็งแกร่งกว่าข้าอยู่เล็กน้อย คิดจะฆ่าเจ้านี่มันไม่ง่ายจริงๆ” บุรุษผู้แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาดแสยะยิ้ม อวี๋จิ้งชิว หลูหวายหรูและซือไป่หรงที่หลบอยู่ด้านข้างตรงมุมของตำหนักใหญ่ล้วนมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่แกร่งกล้าทั้งสองอย่างประหลาดใจ

    พวกเขาล้วนตกตะลึงอย่างยิ่ง

    พวกเขาก็มองออกเช่นกันว่า ในการประมือเมื่อครู่นี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่เล็กน้อยจริงๆ

    ที่จริงแล้วก็เป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง พละกำลังของตงป๋อเสวี่ยอิงแกร่งกล้ากว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่ส่วนหนึ่ง ส่วนอีกฝ่ายก็มีความสามารถด้าน “การกดดันพลังฟ้าดิน” ที่พอจะหักล้างกันได้ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงมี ‘วิถีหอกยาวมวลน้ำแข็ง’ ซึ่งเป็นทักษะหอกของเหนือธรรมดาและอาวุธเทพหอกเทพหิมะเหิน เมื่อรวมกับพลังครบสมบูรณ์เป็นหนึ่งของปรมาจารย์วิถีหอกยาวแล้ว...ก็สามารถควบคุมฝ่ายตรงข้ามไว้ได้อย่างสิ้นเชิง

    ฝ่ายตรงข้ามก็มีหลายจุดที่แข็งแกร่งยิ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถพลังครบสมบูรณ์เป็นหนึ่งได้! จุดอ่อนนี้เองที่ทำให้เขาตกเป็นรอง

    “มีกระบวนท่าอะไรก็แสดงออกมาเสียเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงแค่นเสียงเยียบเย็น เขารู้สึกว่าในยามนี้อีกฝ่ายพิกลอย่างยิ่ง

    “ฮ่าฮ่าฮ่า… ข้ารอดตายมาอย่างหวุดหวิดจึงกลับมายังโลกมนุษย์ธรรมดาได้ พักผ่อนมาหลายวันอาการบาดเจ็บจึงฟื้นฟูมาได้เพียงครึ่งหนึ่ง! แต่ว่าเพื่อเจ้าแล้ว ก็คุ้มค่าที่ข้าจะแสดงเคล็ดต้องห้ามที่เทพมารผู้ยิ่งใหญ่ได้ถ่ายทอดมาสักครา” บุรุษผู้แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาดเพิ่งพูดจบ ก็เห็นร่างกายของเขาเริ่มหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่สูงสองเมตรสี่สิบถึงสองเมตรห้าสิบหดเล็กลงเหลือราวๆ เมตรแปดสิบเท่านั้น

    รอบเอวที่เดิมกว้างเหมือนโอ่งน้ำ ท่อนแขนที่ใหญ่กว่าขาของคนทั่วไปก็ล้วนหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง!

    เลือดเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูกทั้งหมดแปรเป็นพลังงานอันน่ากลัวในพริบตา ก่อให้เกิดเป็นไอสีดำอันแปลกประหลาดรายล้อมผิวกายของเขา หลังหดเล็กลงแล้ว ร่างของเทวทูตผู้นี้ก็กลายเป็นบุรุษหนุ่มร่างบึกบึนสูงเพียงเมตรแปดสิบเท่านั้น

    “เป็นไปได้อย่างไรกัน” ซือไป่หรงเบิกตาโพลง

    “เคล็ดต้องห้ามของเทพมารผู้ยิ่งใหญ่” นัยน์ตาทั้งสองของหลูหวายหรูสาดประกาย

    “ยอดเยี่ยมนัก มิเสียทีที่เป็นเทพปีศาจเทพมาร การค้นคว้าเรื่องกายหยาบนั้นล้ำหน้านักเวทย์ส่วนใหญ่ไปแล้ว” อวี๋จิ้งชิวตกตะลึง โดยทั่วไปแล้วเหล่านักเวทย์ล้วนค้นคว้าเรื่องกายหยาบและวิญญาณ หรือแม้กระทั่งสร้างสัตว์ประหลาดบางอย่างออกมา ดังเช่น ‘ซือเหลียงหง’บรรพบุรุษตระกูลซือ ก็แปรกายหยาบของตนเป็นร่างแม่มดเลือด ได้รับอายุขัยอันยืนยาว

    “แกร๊กๆๆ…” เทวทูตขยับคอเล็กน้อย ก่อให้เกิดเสียงดังอันน่าสยดสยองขึ้นมา ไอสีดำรายล้อมเขาไว้ ดูราวกับมารร้าย

    “นี่สิถึงจะเป็นพละกำลังอันยิ่งใหญ่” ใต้เท้าเทวทูตจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง “หากมิใช่เพื่อพละกำลังอันยิ่งใหญ่แล้ว เกรงว่าข้าก็คงจะไม่ติดตามเทพมารหรอก! ปรมาจารย์วิถีหอกยาววัยเยาว์เอ๋ย เจ้ามาลองสัมผัส...พลังอันแท้จริงของข้าในยามนี้ดูเสียหน่อยเถอะ”

     “น่าสนใจดีนี่”

    “ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับจ้องมองสำรวจไอสีดำรอบกายของฝ่ายตรงข้ามอย่างละเอียด “เลือดเนื้อและกระดูกแปรเป็นพละกำลังเสริมสร้างร่างกายได้ในพริบตาหรือ มิเสียทีที่เป็นเคล็ดต้องห้ามที่เทพเทวาสอนมา หากข้าเดามิผิดแล้ว รูปร่างของเจ้าในตอนนี้คงเป็นรูปร่างที่แท้จริงของเจ้ากระมัง”

    “ถูกต้อง ศึกษาเคล็ดต้องห้ามบทนี้แล้วก็ต้องกิน กินมากมายยิ่ง แปรเป็นเลือดเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูกสะสมไว้ในกาย” ใต้เท้าเทวทูตพูดอย่างสบายๆ “มนุษย์ปกติจะมีสักกี่คนกันที่สามารถบึกบึนได้ถึงเพียงนั้น”

  ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

    เขาก็รู้สึกว่าไม่ปกติอย่างยิ่ง ต่อให้บังเอิญมีผู้ที่สูงสองเมตรสี่สิบถึงสองเมตรห้าสิบซึ่งหาได้ยากยิ่ง โดยทั่วไปแล้วก็เป็นพวกผอมสูงทั้งนั้น! สำหรับผู้ที่ทั้งสูงทั้งบึกบึนหาใดเปรียบแล้ว...ตงป๋อเสวี่ยอิงขี่ม้าย่ำหิมะไปทั่วเมืองชิงเหอรอบใหญ่ก็ไม่พบสัตว์ประหลาดเช่นนี้

    “จบแล้วหรือยัง” อวี๋จิ้งชิวกังวลใจ

“บ้าไปแล้วจริงๆ คนบ้าที่น่ากลัวสองคน” ซือไป่หรงขวัญหาย

    “ใต้เท้าเทวทูตต้องชนะแน่” หลูหวายหรูยิ่งมั่นอกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

    ในยามนี้ไอสีดำล้อมรอบกายเขาดุจดั่งเทวทูตของมารร้าย กลิ่นอายนั้นล้วนทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนตัวสั่น

    “ดีมาก ดียิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันเปิดปากพูด “ข้ายังรำคาญอยู่ว่าพลังของเจ้าเมื่อครู่นี้อ่อนแอไปหน่อย ถูกข้าควบคุมเสียสิ้น ไม่มีความท้าทายเลยสักนิด ตอนนี้เป็นเช่นนี้แล้วจึงจะสนุก!ข้าตงป๋อเสวี่ยอิงประมือกับชั้นสมญาเป็นครั้งแรกก็ควรจะอลังการเสียหน่อยจริงไหม มิเช่นนั้นสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดายเพียงนั้น ก็คงไม่สุขใจเท่าไหร่จริงๆ”

    “ประเดี๋ยวเจ้าก็คงคลั่งไม่ไหวแล้วล่ะ” ใต้เท้าเทวทูตแค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง “ตายให้ข้าเสียเถอะ” เขาพุ่งออกมาในพริบตา รวดเร็วยิ่งกว่าเมื่อครู่ ขณะเดียวกันพลังฟ้าดินก็กดดันตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงพลังฟ้าดินมิอาจส่งผลต่อปรมาจารย์วิถีหอกยาวได้ เช่นนั้นก็กดดันไว้ตลอด! เช่นนี้แล้วก็จะสามารถลดพลังของอีกฝ่ายให้อ่อนลงได้

    “จริงหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพุ่งตัวไปข้างหน้าในพริบตา สองมือฟันลงไปอย่างดุเดือดอีกครั้ง

    “ฟิ้ว” ร่างของใต้เท้าเทวทูตพลันชะงักกึกแล้วถอยไปก้าวหนึ่งอย่างน่าประหลาด เสียงปังดังก้องขึ้นครั้งหนึ่ง หอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิงฟันลงไปที่พื้นโดยตรง ทำเอาพื้นตำหนักใหญ่แตกร้าวออกในทันใด เศษหินนับไม่ถ้วนปลิวว่อน

    เศษหินที่ปลิวว่อนนั้นเมื่อกระทบกับไอสีดำที่ผิวกายของใต้เท้าเทวทูตก็ถูกสกัดเอาไว้

    ใต้เท้าเทวทูตยิ้มเย็น ตอนนี้พลังของเขาพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเต็มที่ ความเร็วของพละกำลังเพิ่มระดับขึ้นทุกด้าน ดังนั้นจึงหลบกระบวนท่านี้ไปได้โดยไม่ต้องออกขวาน  

    “ฟิ้ว”

    หอกยาวที่ฟันลงกับพื้นอย่างรุนแรงนั้นกลับอาศัยพลังสะท้อนกลับ สะท้อนขึ้นด้านบน แทงออกไปอย่างดุเดือดอย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น

    “รวดเร็วนัก” ใต้เท้าเทวทูตสะดุ้งโหยง กระบวนท่าของปรมาจารย์วิถีหอกยาวผู้นี้ติดต่อกันรวดเร็วเกินไปแล้ว ถึงขั้นที่อาศัยพลังสะท้อนกลับระหว่างแต่ละกระบวนมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้แสดงพลังออกมาได้อย่างน่ากลัวยิ่งขึ้น

    “เคร้ง” ใต้เท้าเทวทูตนำขวานคู่ออกมาสกัดไว้ข้างหน้า

    ปลายหอกและใบขวานกระทบกัน

    ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงสั่นไหวคราหนึ่ง หอกยาวในมือพลันพลิกหมุน แปรเป็นเงาหอกมากมายนับไม่ถ้วนปกคลุมใต้เท้าเทวทูตเอาไว้ในทันที

    ขั้นหิมะปลิวของวิถีหอกยาวมวลน้ำแข็ง!

    เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนปลิวว่อน ท่ามกลางเกล็ดหิมะยังมีปลายหอกหนาวเหน็บอยู่จำนวนหนึ่ง

   

“วิถีหอกยาวรวดเร็วนัก” ขวานคู่ของใต้เท้าเทวทูตสกัดกั้นอย่างต่อเนื่อง

    “เร็วๆๆ เร็วขึ้นอีก ช้าเกินไปแล้ว” นัยน์ตาทั้งสองของตงป๋อเสวี่ยอิงมีแววแห่งการต่อสู้อันน่ากลัวลุกโชน เงาหอกของเขาปกคลุมฝ่ายตรงข้ามอย่างมืดฟ้ามัวดิน เงาหอกนับไม่ถ้วนรวดเร็วเกินไปแล้ว แทบจะแทงกะโหลก ลำคอ ขาซ้าย ขาขวา เท้าซ้าย เท้าขวา และข้อมือของฝ่ายตรงข้ามในพริบตาเดียว...การโจมตีไขว้ไปมาอย่างบ้าคลั่งที่ตำแหน่งต่างๆ กันทำเอาใต้เท้าเทวทูตได้แต่ปัดป้องไปชั่วขณะ

    “รวดเร็วเกินไปแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้รวดเร็วเกินไปแล้ว มองเงาหอกของเขาได้ไม่ชัดเสียแล้ว นี่จึงจะเป็นพลังที่แท้จริงของเขากระมัง เขาสามารถฆ่าข้าให้ตายในกระบวนท่าเดียวได้จริงๆ” ซือไป่หรงตะลึงตาค้างไปแล้ว อวี๋จิ้งชิวก็หายใจติดขัด นางเป็นปรมาจารย์เวทย์จันทร์เงิน ภูมิใจในความเป็นนักเวทย์มาตลอด แต่ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นพลังชั้นสมญาขั้นสุดยอดมาเทียบเคียงแล้ว

    ด้วยพลังเช่นนี้ นักเวทย์จันทร์เงินจะนับเป็นอะไรได้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์เวทย์ชั้นสมญาก็ต้องตระเตรียมเวทมนตร์ หากถูกโจมตีกะทันหันก็คงต้องสละชีวิตกระมัง

    “เร็วยิ่งนัก” ทุกผู้ที่อยู่ที่นั้นล้วนรู้สึกว่าวิถีหอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิงรวดเร็วยิ่ง

    วิถีหอกยาวสามารถรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

    วิถีหอกยาวที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเรียนนั้นขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว!

    เมื่อพลังสุดยอดของชั้นสมญา อาวุธเทพหอกเทพหิมะเหิน ปรมาจารย์วิถีหอกยาวและวิถีหอกยาวมวลน้ำแข็งล้วนผสานเข้าด้วยกันทั้งหมด จะรวดเร็วได้เพียงใด ก็คือภาพที่ปรากฏอยู่ในชั่วขณะนี้นั่นเอง!

    “อา อา อา สมควรตาย ไสหัวออกไปให้ข้าเดี๋ยวนี้” ใต้เท้าเทวทูตที่ถูกโจมตีมาตลอดเกรี้ยวกราดขึ้นมาในที่สุด เขาเผยพลังร่างกายออกมา ขณะเดียวกันก็กวัดแกว่งขวานอย่างบ้าคลั่ง พลังทั้งหมดปะทุออกมา

    “ปัง”

    ปลายหอกและขวานกระทบกัน

    หอกเทพหิมะเหินของตงป๋อเสวี่ยอิงถูกกระเทือนเสียจนโค้งงอ ทว่าด้ามหอกเองนั้นมีคุณสมบัติในการโค้งงอเพื่อเก็บพลัง ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบพลิกตัว แล้วอาศัยพลังที่ด้ามหอกโค้งงอแล้วกักเก็บไว้นั้นแทงออกไปอย่างรุนแรง

    “ตายให้ข้าเสีย ตาย ตาย ตายให้ข้าเสียเถอะ” ใต้เท้าเทวทูตกลับโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ขวานมหึมาคู่หนึ่งรุนแรงหาใดเปรียบ ในขณะนี้รูปร่างของเขาเล็กกว่าเมื่อครู่มากแล้ว ขวานสองเล่มช่างเหมือนกับโล่มหึมาสองอันโดยแท้ ตงป๋อเสวี่ยอิงอยากจะแทงให้ถูกฝ่ายตรงข้ามก็ทำได้ไม่ง่ายนัก

    “ปัง...ปัง...ปัง...”

    ทุกครั้งที่ประมือกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนถูกบังคับให้เปลี่ยนกระบวนท่า

    หากไม่ใช่ถูกกระแทกจนต้องล่าถอย ก็ต้องพลิกกายหมุนแล้วอาศัยพลังช่วยออกกระบวนท่า

    แม้จะถูกบีบบังคับตลอดเวลา...แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงโจมตีกลับไปดังเดิม วิถีหอกยาวนับไม่ถ้วนโจมตีออกไป

    “ขวานโลหิตทำลายโลก!” ใต้เท้าเทวทูตคำรามดังฟ่อ ไอสีดำบนร่างของเขาบิดเกลียวห่อหุ้มอยู่เหนือขวานโลหิตเป็นจำนวนมาก

   

    “ไม่ดีเแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าแปรเปลี่ยน หอกยาวของเขาแทงออกไปแล้วยังไม่ทันจะกระทบกับขวาน เมื่อกระทบไอสีดำที่รายล้อมนั้นเลย เมื่อกระทบกับไอสีดำที่รายล้อมอยู่ ก็รู้สึกว่าลื่นไหลแข็งเหนียวแน่นหาใดเปรียบ ขอบเขตที่ขวานโลหิตส่งผลไปถึงนั้นขยายกว้างขึ้นในทันใด อานุภาพก็รุนแรงขึ้นมาก

    “ฟิ้ว”

    ขวานโลหิตกวาดขวางไปครั้งหนึ่ง ขอบเขตไอสีดำนั้นยิ่งขยายกว้างกว่า

    “ปัง”

    ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกกระแทกจนต้องถอยกรูดไปข้างหลัง

    “ตายให้ข้าเสียเถอะ” ใต้เท้าเทวทูตพุ่งออกไปในทันใด ร่างของเขารวดเร็วกว่าตงป๋อเสวี่ยอิง ขวานในมือฟันลงมาโดยตรง การฟันอย่างดุเดือดนี้ยิ่งมีอานุภาพรุนแรงขึ้นอีก

ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กล้าเข้าสกัด หลบหลีกไปด้านข้างอย่างสุดแรงในทันใด

    โครม!!! พื้นถูกขวานฟันเต็มแรงเสียงดังสนั่นจนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ยาวถึงยี่สิบสามสิบเมตร

   

“ฉับ ฉับ ฉับ” เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าเทวทูตปรารถนาจะสังหารอีกฝ่ายให้ได้ในอึดใจเดียว อย่างไรเสียพละกำลังภายใต้เคล็ดต้องห้ามนี้ก็มีจำกัด ในยามนี้เขาสิ้นเปลืองพลังไปกับอาวุธมากนัก ถึงพลังจะเพิ่มขึ้นมากก็จริง แต่ก็ผลาญไปรวดเร็วยิ่งกว่า ดังนั้นเขาจำเป็นต้องสังหารตงป๋อเสวี่ยอิงให้ได้โดยเร็วที่สุด

   

“เคร้งๆๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วไม่เท่าฝ่ายตรงข้าม ทำได้เพียงฝืนเอาหอกยาวต้านทานกำลังเอาไว้อย่างสุดแรง แต่อีกฝ่ายมีพละกำลังแกร่งกล้าเกินไปจริงๆ  

“ปัง”

    เขาถอยอย่างรุนแรงครั้งหนึ่งก็กระทบกับผนังด้านหลังเข้าเต็มแรง ผนังถูกกระแทกจนเกิดรอยร้าว

     ตงป๋อเสวี่ยอิงร่วงลงกับพื้นด้านข้างอย่างน่าอนาถ

   

“เขาคงไม่ตายกระมัง” อวี๋จิ้งชิวร้อนใจขึ้นมา ซือไป่หรงก็ดูร้อนรนเช่นกัน

    “ใต้เท้าเทวทูตต้องชนะแน่” หลูหวายหรูซ่อนตัวแอบมองอยู่ไกลลิบ ด้วยเพราะเมื่อครู่ประตูเหล็กสามชั้นปิดลงมา ตำหนักใหญ่จึงถูกปิดตายโดยสมบูรณ์ ทำให้เขาเองก็หนีไปไหนมิได้ ดังนั้นเขาก็หวังให้ใต้เท้าเทวทูตเป็นฝ่ายชนะ

  ……

    ใต้เท้าเทวทูตออกกระบวนท่าแล้วกระบวนท่าเล่าอย่างต่อเนื่อง ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งทุลักทุเลมากขึ้นเรื่อยๆ

   

“ฟิ้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงล้มกลิ้งอย่างไม่เป็นท่ากับพื้นจึงหลบหลีกไปได้

    “แตกต่างกันเกินไปแล้ว ถูกกดดันอยู่ฝ่ายเดียวอย่างสิ้นเชิง เห็นทีต้องระเบิดสายเลือดพลังเสียแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอยหวือไป เมื่ออยู่กลางอากาศนั้น รอบกายของเขาก็ปรากฏไอสีแดงโลหิตขึ้นมา สายเลือดพลังของสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคโบราณกาลปะทุออกมาในชั่วขณะนี้เอง นัยน์ตาของเขานั้นก็ฉายแววสังหารรุนแรงยิ่งขึ้น

…………………………………………………………………………………………………………